ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2122 ช่วยเหลือ
ตอนที่ 2122 ช่วยเหลือ
………………..
เนี่ยหงเจี่ยเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น หลังจากที่เขาพูดคำว่า “ขอตัวลา” เขาก็หมุนตัวกลับออกไปทันที
คนของสำนักเทียนอู่จากไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่มองตามแผ่นหลังของพวกเขา แล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย
ชือรุ่ยเออร์เห็นดังนั้นจึงคิดว่าโทสะของนางยังไม่ดับมอด
“เยว่เอ๋อร์ คนแบบนั้นไม่คู่ควรแก่ความโกรธหรอก”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“ข้าไม่ได้โกรธ เพียงแต่กำลังคิด…เหมือนว่าพวกเขาจะมั่นใจในตัวเองมาก อีกทั้งยังไม่กังวลว่าตนเองจะเจอสถานการณ์แบบเหยาหลินเลย”
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนับรวมกับเนี่ยหรูอวิ๋นแล้ว คนของสำนักเทียนอู่ต่างสีมีหน้าปกติ ไม่ได้เผยความลำบากใจออกมาเลยแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่านี่มันผิดปกติมาก
คนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ หากเป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ก็จะดีสักหน่อย แต่หากเป็นระดับเทพขั้นสูงต่างล้มลงมาหมดแล้ว พวกเขาแทบจะอดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
แต่ว่าอีกฝ่ายกลับดูปกติมาก…
ถ้าพวกเขากังวลถึงปัญหานี้ล่ะก็จะให้มากอดขาของฉู่หลิวเยว่ก็คงสายเกินไปแล้ว แต่เขาจะเผชิญหน้ากับอันตรายแบบนั้นเชียวหรือ
ต่อให้เนี่ยหรูอวิ๋นจะโง่ แต่นางก็ไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องความเป็นความตายเช่นนี้
ชือรุ่ยเออร์ครุ่นคิด จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“จริงสิ ข้าจำได้ว่าถ้วยหิมะวิเศษโปรยหนึ่งในสิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ก็อยู่กับพวกเขานี่นา สิ่งนั้นมีคุณสมบัติคล้ายกับเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ สามารถกักเก็บพลังแห่งสวรรค์และโลกจำนวนไม่น้อย ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้หากเนี่ยหงเจี่ยสู้กับคนอื่นที่เขามีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ เขาก็จะใช้พลังที่สะสมอยู่ภายในถ้วยหิมะวิเศษโปรยบดขยี้ศัตรู จนสามารถคว้าชัยได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!”
เนี่ยหรูอวิ๋นน่ะช่างเถอะ แต่ประเด็นสำคัญคือเนี่ยหงเจี่ยมีท่าทีกำเริบเสิบสานมาก
มิน่าล่ะเพราะเขามีไพ่ไม้ตายเช่นนี้ เขาจึงใจกล้าขนาดนี้
เหยาปินสาวเท้าก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว แล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“ดินแดนแห่งแสงอินทนิลของพวกเรา ยินดีร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับนายท่านเยว่”
เมื่อเห็นท่าทีที่เปิดเผยต่อสาธารณะ เขาก็ตัดสินใจที่จะยืนข้างฉู่หลิวเยว่
ท้ายที่สุดแล้วหากไม่มีฉู่หลิวเยว่ เกรงว่าเมื่อครู่นี้เหยาหลินก็คงจะต้องตายไปแล้ว สถานการณ์ของพวกเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร
ในใจของเหยาปินรู้สึกขอบคุณต่อฉู่หลิวเยว่อย่างสุดซึ้ง ดังนั้นเขาจึงเลือกข้างอย่างไม่ลังเล
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมา
แม้ว่านางจะไม่ใส่ใจท่าทีของทุกคน แต่เมื่อเหยาปินทำเช่นนี้ก็ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
หลังจากนั้น เหยาปินกรีดนิ้วมือของตัวเองเป็นคนแรก ก่อนจะทำพันธะเชื่อมต่อกับเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์
คนอื่นๆ ของดินแดนแห่งแสงอินทนิลก็ทำเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน
นอกจากดินแดนแห่งแสงอินทนิลและเฟยซิงเหมินแล้ว ก็มีคนบางกลุ่มเข้ามาขอความช่วยเหลือด้วย มีเพียงคนจำนวนน้อยที่เลือกติดตามสำนักเทียนอู่
ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้
ที่นางยินดีจะช่วยเหลือนั้นเป็นเพราะว่า ในสายตาของนางนี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถทำให้เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์เติบโตได้อีกด้วย
คำพูดเมื่อครู่นี้ของเนี่ยหรูอวิ๋นกล่าวได้ถูกต้อง
เมื่อคนเหล่านั้นยอมรับการช่วยเหลือของฉู่หลิวเยว่ ก็เท่ากับว่าวางชีวิตของตัวเองไว้ในกำมือของนาง
นางเป็นคนที่ได้เปรียบ แน่นอนว่าไม่มีอะไรต้องกังวล
ฉู่หลิวเยว่มองเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่กลางฝ่ามือของตัวเอง
ตอนนี้ นอกจากนางแล้ว ยังมีพันธะเชื่อมต่อกับคนอีกสามสิบเอ็ดคน
นางสามารถสัมผัสได้กับพันธะเชื่อมต่ออันละเอียดอ่อนได้อย่างชัดเจน และสัมผัสได้ถึงพลังที่ถ่ายเทเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ฉู่หลิวเยว่มองมันอีกครั้งก่อนจะเก็บสิ่งนั้นลง
ปึง!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ประตูบานใหญ่ของพระราชวังก็เปิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองทันที!
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็หันกลับไปมองโดยพร้อมเพรียง สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
ไม่มีใครคาดคิดว่า ประตูบานใหญ่จะเปิดออกในเวลานี้!
เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย!
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองตาเขม็ง หัวใจบีบรัดแน่น
ภายในประตูบานใหญ่ นางมองไม่เห็นอะไรสักอย่าง เห็นเพียงสีดำมืดเท่านั้น
ดวงตาดวงนั้น ปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่ตึงเครียด จากนั้นนางก็พุ่งตัวเข้าไปทันทีโดยไม่ลังเล!
…
ความมืดและความเงียบแทบจะทำให้คนหายใจไม่ออกกำลังปกคลุมร่างกายของถวนจื่อ
นางนอนขดตัวด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้น
ความเจ็บปวดจำนวนมหาศาล แผ่กระจายออกมาจากทั่วทุกส่วนของร่างกายนาง ทำให้ร่างกายของนางสั่นสะท้านเล็กน้อย
กระดูก เส้นเอ็น เลือด และเนื้อทุกส่วนเหมือนกำลังถูกเลาะ!
เหมือนมีมีดที่แหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนกรีดร่างกายของนางอย่างบ้าคลั่ง!
แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะเคยได้รับความทุกข์ทรมาน แต่นางก็ไม่เคยรู้สึกทรมานขนาดนี้มาก่อน!
พลังนั้นถ่ายเทเข้าสู่ในร่างกายของนางอย่างต่อเนื่อง
ในตอนแรกนางก็ดิ้นรนสุดชีวิต จนตอนนี้นางมีสภาพทรุดโทรมจนตรอก ถวนจื่อไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพนี้มานานขนาดไหนแล้ว
สมองของนางค่อยๆ จมดิ่ง
นางพูดพึมพำเสียงต่ำ ลมหายใจเหมือนใยแมงมุมที่ต้องแบกรับความคิดถึงและความปรารถนาอันไม่มีที่สิ้นสุด
ทันใดนั้น เสียงกระแทกหนึ่งก็ดังขึ้น มันดังมาจากกำแพงที่ด้านหลังของนาง!
ตึง!
แกร๊ก!
ตอนนั้นเองบนกำแพงก็มีรอยแตกร้าวยาวปรากฏขึ้น!
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ถวนจื่อก็ขืนตัวเพื่อที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่น่าเสียดายที่นางไม่มีแม้กระทั่งแรงจะขยับนิ้ว
ถวนจื่อจ้องไปที่ดวงตาดวงนั้นตาเขม็ง เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนนั้น ในแววตานั้นก็ประกายกรุ่นโกรธและกระหายเลือดสว่างวาบสายหนึ่ง
“บังอาจ!”
จากนั้นโซ่สีดำอันหนึ่งก็พุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทะลวงไปทางกำแพงนั้นโดยตรง!
โครม!
กำแพงนั้นแตกออกเป็นรู!
เงาร่างหนึ่งถูกโซ่พันธนาการเอาไว้ โซ่นั้นลากเขาเข้ามา!
คนผู้นั้นคือ จื่อเฉิน!
บนร่างกายของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด ราวกับเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือทั้งสองข้างของเขา มีรอยเลือดไหลออกมา
นี่คือราคาที่เขาต้องจ่าย เพราะหนีออกมา!
ตอนนี้ขาของเขาถูกโซ่พันธนาการเอาไว้อีกครั้ง และกำลังถูกลากไปที่ดวงตาดวงนั้น
ขณะที่เขากำลังผ่านตัวถวนจื่อไป เขาก็กัดฟันกรอด มือข้างหนึ่งก็ดึงถวนจื่อเข้ามาในอ้อมกอด ส่วนอีกข้างก็จับโซ่ที่ข้างกายนาง!
อีกเส้นหนึ่งที่ติดอยู่กับบนผนังยังไม่พังทลาย
ยิ่งจื่อเฉินดึง มันกลับยิ่งรัดแน่น!
ถวนจื่อลืมตาขึ้นด้วยความมึนงง แล้วมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาคุ้นเคย
ผัวะ!
โซ่อีกเส้นหนึ่งพุ่งตัวออกมา ทะลุผ่านไหล่ของจื่อเฉินไป แล้วตรึงเขาไว้ที่พื้น!
เลือดอุ่นร้อนสาดกระเซ็นเข้าที่ใบหน้าของถวนจื่อ
ภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าถูกปกคลุมด้วยสีแดงเลือดทันที
………………..