ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2129 ลงมือ
ตอนที่ 2129 ลงมือ
………………..
ท้องพระโรงเริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!
ตู้ม!
ประตูบานใหญ่ที่เคยปิดสนิท กลับถูกเปิดออกอย่างกะทันหัน!
พวกเขาถูกพลังอันน่ากลัวปกคลุม และพวกเขายังไม่ทันได้ตอบสนองอันใดก็ถูกพลังเหล่านั้นกวาดออกมาทั้งหมดแล้ว!
หินหยกที่อยู่บนพื้นมีความแข็งแกร่งมาก แต่กลับมีรอยแตกระแหงจำนวนนับไม่ถ้วน ก้อนหินปลิวกระจาย ฝุ่นฟุ้งขึ้นไปด้านบน
กลุ่มแสงที่เราอยู่เงียบๆ บริเวณปากทางเข้า ในที่สุดตอนนี้มันก็ระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในสงครามและความวุ่นวาย!
…
แต่หลังจากที่ผ่านไปเพียงครึ่งเค่อ คนที่อยู่ภายในท้องพระโรง ก็ถูกกวาดออกมาเกือบทั้งหมดแล้ว!
เมื่อมองไปโดยรอบ ทุกคนล้วนได้รับบาดเจ็บในระดับที่แตกต่างกัน ท่าทางจนตรอกมาก
พวกเขายังไม่ทันได้รู้ว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น คาดไม่ถึงว่าประตูบานใหญ่ของท้องพระโรงก็จะปิดลงอีกครั้ง!
โครม!
ในที่สุดเสียงนั้นก็ทำให้ทุกคนได้สติขึ้นมา
เมื่อหันไปมองประตูที่ปิดสนิทอีกครั้ง เนี่ยหงเจี่ยเป็นคนแรกที่ดึงสติขึ้นมาได้
เขาวิ่งไปด้านในด้วยความรวดเร็ว และต้องการจะเปิดประตูบานใหญ่บานนั้น
“ถ้วยหิมะวิเศษโปรยของข้า! คืนถ้วยหิมะวิเศษโปรยให้ข้ามานะ!”
ของของเขายังอยู่ด้านในอยู่เลย!
แต่ไม่ว่าเนี่ยหงเจี่ยจะกรีดร้อง ตะโกนแหกปากอย่างใด ประตูบานใหญ่ก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
เขาลองพยายามเปิดประตูบานนั้นอีกครั้ง แต่กลับพบว่าด้วยแรงอันน้อยนิดของเขา ไม่มีทางที่จะต่อต้านได้เลย
แต่หลังจากมาถึงพระราชวังแห่งนี้แล้ว เขาก็พบว่า ตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งอันใดเลยด้วยซ้ำ!
ภายในที่แห่งนี้ เขาเป็นเหมือนมดปลวกตัวหนึ่ง ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น เขาไม่สามารถตอบโต้อันใดได้เลย!
ที่แห่งนี้…
ที่แห่งนี้มันคือที่แบบไรกันแน่?
ทันใดนั้นภายในใจของเนี่ยหงเจี่ยก็มีความหวาดกลัวที่รุนแรงพวยพุ่งออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เขาถอยหลังไปสองสามก้าว แทบจะยืนได้ไม่อยู่
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็หันศีรษะกลับมามองหน้าทุกคน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังคงตกตะลึงและสับสนอยู่
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในที่แห่งนี้มันเกินความคาดหมายของพวกเขามาก!
ตอนนั้นเนี่ยหงเจี่ยก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ไม่ถูกต้อง! ซั่งกวนเยว่กับหรงซิวยังอยู่ภายใน!”
แต่เมื่อได้ยินเสียงเตือนของเขา ทุกคนก็เริ่มกวาดสายตามองหาทันที แต่ไม่มีใครพบเงาร่างของพวกเขาเลย
…
ภายในท้องพระโรง ระลอกคลื่นที่รุนแรงค่อยๆ จางหายลงไป
พื้นหยกแทบจะแตกแทบจะแตกระแหงเป็นเสี่ยงๆ
ก่อนหน้านี้มันถูกหมอกสีดำปกคลุมอยู่จนทั่ว เมื่อได้รับแรงโจมตีที่น่ากลัวขนาดนั้นพื้นจึงแตกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ส่วนสัญลักษณ์ครึ่งหนึ่งที่อยู่ด้านล่างก็ค่อยๆ จางลงไปแล้ว
ถวนจื่อลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อหมอกควันเหล่านั้นจางหายไป ในที่สุดนางก็ไม่สามารถยืนหยัดได้อีก และตกลงสู่พื้น
ฉู่หลิวเยว่เป็นกังวลมาก นางรีบพุ่งตัวเข้าไปหาในทันที
“ถวนจื่อ!”
แต่นางยังไม่ทันได้เข้าใกล้ แรงกดดันสายหนึ่งที่แข็งแกร่งมากก็กดทับลงมาจากด้านบน!
ตอนนั้นดวงตาที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดกำลังมองมาทางพวกเขาด้วยสายตาเฉยเมย!
“เจ้าใจกล้ามากนะที่กล้าหลอกลวงข้า”
เสียงทุ้มต่ำแหบพร่า เหมือนดังมาจากในระยะไกล ทำให้ได้ยินไม่ชัดเจน แต่กลับยังทำให้หัวใจของผู้คนสั่นสะท้าน!
รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดเล็กลง!
เสียงนี้… เป็นเสียงของดวงตาดวงนั้น อีกทั้งยังเป็นเสียงเดียวกับมือที่เขาหมื่นเมรัยด้วย!
แต่หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ตระหนักได้ว่า เสียงนั้นกำลังพูดอยู่กับถวนจื่อ
โครม!
เสียงปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้น นางหันกลับไปมองทางถวนจื่ออย่างรวดเร็ว
สองมือของถวนจื่อยังคงถูกโซ่ตรึงเอาไว้อย่างแน่นหนา ร่างเล็กๆ ขดตัวอยู่บนพื้น ร่างกายเป็นไปด้วยเลือด นางไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
เปลวเพลิงสีทองคำชาดบนร่างกายของนางนั้นยังคงลุกโชน แต่ลมปราณกลับอ่อนลงกว่าเดิมมาก
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจอันใดบางอย่างขึ้นมาได้
เมื่อครู่นี้ถวนจื่อตั้งใจ!
นางได้สติกลับคืนมาได้ตั้งนานแล้ว!
“แค่ก… แค่กๆ …”
เสียงไอที่อ่อนระโหยโรยแรงดังขึ้น ร่างเล็กๆ ของถวนจื่อสั่นเทา จากนั้นนางก็ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า
ก่อนจะเงยหน้าสบสายตากับฉู่หลิวเยว่
แม้ว่าดวงตาของนางยังคงแดงก่ำ แต่มันก็กระจ่างใสมาก!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกโล่งใจ!
ฉู่หลิวเยว่เช็ดคราบเลือดที่มุมปาก ก่อนจะยิ้มออกมา แล้วเงยหน้ามองลูกตาดวงนั้น พร้อมพูดทีละคำว่า
“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นตัวอะไรกัน คิดว่าจะสามารถควบคุมข้าคนนี้ได้อย่างนั้นหรือ ฝันกลางวันไปเถอะ!”
จนกระทั่ง… นางได้ยินเสียงของอี้เจาและฉู่หลิวเยว่!
ความจริงแล้วตอนที่ฉู่หลิวเยว่สัมผัสแผลที่แขนของนาง นางก็มีสติแจ่มใสดีแล้ว
แต่ที่นางทำเช่นนั้น หนึ่งเพื่อต้องการส่งคนเหล่านั้นทั้งหมดออกไป อีกด้านหนึ่งก็เพื่อฉวยโอกาสทำลายพระราชวังแห่งนี้!
นางสามารถสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่าที่นางถูกควบคุมต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับพระราชวังแห่งนี้แน่นอน โดยเฉพาะสัญลักษณ์ที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนพื้น
ยังดี… ที่นางพนันถูกข้าง!
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิด ทันใดนั้นก็อัญเชิญเกราะอ่อนที่งดงามออกมา!
นางสะกิดปลายเท้า แล้วพุ่งตัวไปอยู่ด้านหน้าของถวนจื่อ
“ถวนจื่อ ข้ามาสายไป”
“อาเยว่!”
ถวนจื่อรู้สึกแสบจมูก นางอยากจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
แต่ทันทีที่นางขยับตัว เสียงโซ่ล่ามที่ตรึงตัวนางอยู่ก็ดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ถอยหลังไปครึ่งก้าว แล้วอัญเชิญขวานสุริยันมรกตออกมา
“ถวนจื่อ อย่าขยับ ข้าจะช่วยเจ้าตัดของสิ่งนี้!”
ถวนจื่อพยักหน้าอย่างแรง แล้วยื่นมือออกไปยังเชื่อฟัง
ฉู่หลิวเยว่ง้างขวานสุริยันมรกตขึ้นสูง ก่อนจะจามลงมาอย่างแรง!
ตึง!
ประกายไฟสว่างวาบขึ้นมาทันที!
แต่อย่างใดก็ตาม บนโซ่สีดำก็ทิ้งเพียงรอยขีดข่วนอันบางเบาเท่านั้น
หัวใจของฉู่หลิวเยว่จมดิ่ง
ขวานสุริยันมรกตเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ บนโลกใบนี้แทบจะไม่มีอาวุธชิ้นไหนสามารถเทียบเคียงกับขวานเล่มนี้ได้เลย แต่โซ่เส้นนี้กลับแข็งแกร่งมาก แม้แต่ขวานสุริยันมรกตก็ยังไม่สามารถทำอันใดได้!
ภายในน้ำเสียงนั้นแฝงด้วยคำประชดประชัน
“ด้วยฝีมือของเจ้าในตอนนี้ หากต้องการจะตัดโซ่เส้นนี้ก็เป็นเรื่องที่เพ้อฝันไปเท่านั้น”
ทันใดนั้นเสียงที่ทุ้มต่ำและเย็นชาก็ดังขึ้น
“แล้วถ้าเป็นข้าล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง เห็นว่าหรงซิวกำลังมองไปยังดวงตาดวงนั้นที่อยู่ด้านบน
จากนั้นเขาก็หันมามองทางนาง ดังนั้นแม้ว่านางจะไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน แต่กลับสามารถสัมผัสได้ถึงไอเย็นและแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
ฉู่หลิวเยว่ตกใจ
ความรู้สึกแบบนั้นกลับมาอีกแล้ว
หรงซิวในตอนนี้แตกต่างจากปกติมาก
แต่ความคิดนั้นก็เกิดขึ้นเพียงครู่เดียวเท่านั้น
เพราะวินาทีถัดมา หรงซิวก็ลงมือแล้ว!
พรึ่บๆ !
เสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้น ทำให้นางต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
ค่ายกลสีทองขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอยู่กลางอากาศ และกำลังโคจรอย่างเชื่องช้า
ค่ายกลนี้คือค่ายกลกระสวยสวรรค์ที่หรงซิวเคยใช้กำจัดดวงตาดวงนั้นมาแล้ว!
ลำแสงสีทองเคลื่อนผ่านและสว่างเจิดจ้า
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกแน่นหน้าอกเล็กน้อย จนแทบจะหายใจไม่ออก
หัวใจของนางเต้นแรง
ลมปราณบนร่างกายของหรงซิวแข็งแกร่งกว่าอี้เหวินเทาในตอนแรกมาก!
ขณะนี้หรงซิวกำลังเงยหน้าขึ้นไปมอง
ดวงตาของเขาข้างหนึ่งสีดำ ข้างหนึ่งสีทอง เปลวเพลิงสองสายลุกโชน
………………..