ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2134 ทำลายเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วยเสียงฉิน
ตอนที่ 2134 ทำลายเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วยเสียงฉิน
………………..
ทุกคนหันกลับไปมอง และเห็นเพียงว่าทางนั้นมีเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเท่านั้น
พลังแห่งสวรรค์และโลกจำนวนนับไม่ถ้วนพวยพุ่งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนมุ่งตรงไปทางพระราชวังแห่งนั้น!
ทัณฑ์สวรรค์สีเงินจำนวนนับไม่ถ้วน ทะยานออกมาจากด้านหลังของชั้นเมฆ!
“นี่มันเรื่องอันใดกัน? มีคนจะทะลวงด่านอย่างนั้นหรือ?”
แม้ว่าพวกเขาจะยืนอยู่ห่างจากม่านพลัง แต่ก็สามารถจับเค้าลางได้ว่ามีคนต้องการจะทะลวงด่านจริงๆ
“ด้านในนั้นมีแค่หรงซิวกับซั่งกวนเยว่สองคน อีกทั้งหรงซิวก็เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว…”
ถ้าเช่นนั้นคนที่เตรียมทะลวงด่าน…ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร!
“จะเป็นไปได้อย่างใด? ปีนี้ซั่งกวนเยว่อายุไม่ถึงยี่สิบ อีกทั้งข้าเพิ่งได้ยินมาว่านางเพิ่งทะลวงด่านตอนที่สำนักหลิงเซียวประสบกับหายนะ นี่มันเพิ่งผ่านมาไม่นานเท่าไรเอง!”
“แต่ถ้าไม่ใช่นาง หรงซิวก็ไม่สามารถทะลวงด่านได้อีกแล้วไม่ใช่หรือ? เวลาหมื่นปีที่ผ่านมานี้ไม่เคยมีใครทะลวงด่านเกินกว่าระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เลยนะ?”
“น่าจะเป็นซั่งกวนเยว่! พวกเจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างใดว่าบนตัวของนางนั้นมีไพ่ไม้ตายมากขนาดไหน? ไม่แน่ว่า นางอาจจะใช้โอกาสนี้ทะลวงด่านแล้วกลายเป็นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์!”
…
ทุกคนที่อยู่ด้านนอกม่านพลังต่างพูดกันเซ็งแซ่ แต่คนที่อยู่ภายในม่านพลังกลับตกอยู่ในความเงียบที่น่าขนลุก
พวกเขาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนกว่าคนที่อยู่ข้างนอก ดังนั้นตอนที่ทัณฑ์สวรรค์ปรากฏ พวกเขาจึงมั่นใจว่าฉู่หลิวเยว่ต้องเป็นคนอัญเชิญมาแน่นอน!
… นางตั้งใจจะทะลวงด่านภายในพระราชวังแห่งนั้นจริงๆ ด้วย!
เฉินอีเอามือไพล่หลัง สีหน้าราบเรียบ เพียงแต่ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ารู้สึกตื่นเต้นและเป็นกังวล
เขาไม่เคยสงสัยในพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของนายท่าน เพียงแต่ครั้งนี้มันกะทันหันมากเกินไป
การที่ฝืนกลืนกินพลังจำนวนมากเพื่อทะลวงด่านนั้น ทำให้เกิดความเสี่ยงเป็นจำนวนมากเช่นกัน
เดิมทีเขาคิดว่าฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวที่ถูกขังอยู่ด้านในจะต้องไม่มีทางขอความช่วยเหลืออย่างแน่นอน อันตรายอยู่รอบด้าน แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นเลย!
คาดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะฉวยโอกาสนี้เพื่อทะลวงสู่ด่านเทพศักดิ์สิทธิ์!
เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาที่อยู่ในสภาพจนตรอก นี่มันต่างกันราวฟ้ากับเหว
นี่เท่ากับเป็นการเหยียบหน้าพวกเขาเลยทีเดียว!
“จากระดับเทพขั้นสูงทะลวงไปสู่เทพศักดิ์สิทธิ์ เป็นเรื่องที่ยากมาก! ซั่งกวนเยว่บ้าไปแล้วจริงๆ ด้วย!”
เนี่ยหงเจี่ยกัดฟันกรอด
เนี่ยหรูอวิ๋นเม้มริมฝีปากแน่น
เพราะว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ใบหน้าของเขาจึงซีดขาวแล้ว ลมปราณอ่อนแรง
ถ้าไม่ใช่เพราะเนี่ยหงเจี่ยมอบโอสถให้นางมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางคงไม่สามารถยืนหยัดได้แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นภาพตรงหน้าของนางก็เริ่มดำมืด
ทันใดนั้นนางก็ทรุดตัวลง เกือบจะล้มหน้าทิ่มพื้น
เนี่ยหงเจี่ยรีบพยุงตัวนางไว้ “หรูอวิ๋น เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง? เจ้าไปนั่งพักทางนั้นก่อนดีหรือไม่?”
เนี่ยหรูอวิ๋นส่ายหน้า นางจ้องมองพระราชวังที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ไม่ ข้าต้องการเห็นนางล้มเหลวด้วยตาของข้าเอง ข้าจะดูความพ่ายแพ้ของนาง!”
ทางที่ดีที่สุด นางจะต้องตายโดยไร้ดินกลบหน้า
เนี่ยหงเจี่ยได้ยินดังนั้นก็ตบไหล่ปลอบโยนนาง
“เจ้าวางใจเถอะ นางเพิ่งจะทะลวงด่านมาส่งระดับเทพขั้นสูงได้ไม่นาน นางไม่มีทางทำได้สำเร็จแน่นอน! พวกเราทำได้เพียงรอดูเท่านั้น!”
ตามข่าวลือบอกว่านางสามารถเอาชนะอี้เหวินเทาได้ แต่ในการต่อสู้ครั้งนั้นนางอาศัยการช่วยเหลือจากอสูรศักดิ์สิทธิ์สองตัว อีกทั้งยังมีไพ่ไม้ตายจำนวนมาก
หากให้นางต่อสู้เพียงลำพัง ประสิทธิภาพในการต่อสู้ของนางจะต้องลดลงอย่างแน่นอน
เนี่ยหงเจี่ยถือว่าตนเองมีพรสวรรค์ชั้นยอด ไม่อย่างนั้นเขาไม่สามารถรับตำแหน่งเจ้าสำนักเทียนอู่ได้แน่นอน
ต่อให้เป็นเขาก็ต้องใช้เวลายี่สิบปีเต็มในการเลื่อนระดับสู่เทพศักดิ์สิทธิ์
“ซั่งกวนเยว่ผู้นี้คิดว่าตนเองมีความสามารถ…”
เปรี้ยง!
เขายังพูดไม่ทันจบ ทัณฑ์สวรรค์สีทองก็ปรากฏออกมา!
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นั้น ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริด
เนี่ยหรูอวิ๋นขมวดคิ้วแล้วถามว่า
“ท่านพ่อ ข้าจำได้ว่าตอนที่ท่านจะทะลวงด่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เหมือนว่า…จะไม่ได้อัญเชิญทัณฑ์สวรรค์สีทองออกมา?”
ตอนที่จะทะลวงด่านสู่เทพศักดิ์สิทธิ์ นางก็อายุสิบกว่าขวบแล้ว อีกทั้งนางยังสามารถสัมผัสได้ด้วยตนเอง
ดังนั้นนางจึงจำได้อย่างแม่นยำ
ริมฝีปากของเนี่ยหงเจี่ยขยับเล็กน้อย แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอันใด
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น ตอนที่ผู้บำเพ็ญเพียรทุกคนบนโลกใบนี้จะทะลวงด่านสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครเจอสถานการณ์เช่นนี้สักคน!
แต่ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่กลับสามารถอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์สีทองมาได้ นี่เป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก!
…
คนที่รออยู่ด้านนอกม่านพลังเห็นเหตุการณ์ดังนั้นต่างพูดอันใดไม่ออก
ชือรุ่ยเออร์มองมาทางนี้ที ทางนั้นที ดวงตากลมสวยค่อยๆ เบิกกว้าง
คาดไม่ถึงว่าท้องฟ้ายามราตรีในตอนนี้จะมีทะเลอัสนีบาตสองแห่ง!
ประเด็นสำคัญก็คือ คาดไม่ถึงว่าภายในทะเลอัสนีบาตทั้งสองแห่งนั้นจะมีทัณฑ์สวรรค์สีทองปรากฏขึ้นมาด้วย!
ทะเลอัสนีบาตสองแห่งกำลังเผชิญหน้ากัน แต่กั้นด้วยระยะที่ห่างออกไป ท้องฟ้าแทบจะทั้งหมดสว่างไสว
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ด้านนอกม่านพลังแล้ว แต่ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ชัดเจน!
ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องเป็นคนแบบใดถึงจะสามารถอดทนต่อแรงกดดันขนาดนี้ได้…
อาณาเขตเซียนเทพสีเงินแดงรอบกายนาง มันล้อมตัวนางอย่างสมบูรณ์ พร้อมกลืนกินพลังเหล่านั้นด้วยความเร็วสูงและต่อเนื่อง จากนั้นก็ถ่ายเทสู่ร่างกายของนาง
พลังเหล่านี้ถ่ายเทมาจากทุกพื้นที่ ก่อนจะไหลไปตามแขนและขา พร้อมชำระล้างชีพจร เลือดเนื้อ และกระดูก ของนางอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายก็ถ่ายเทไปที่ตันเถียน!
ภายในไข่มุกธาราสว่างสดใส
เหมือนกับว่ามันมีหลุมลึกไร้ก้น อีกทั้งยังรับพลังเหล่านั้นมาอย่างใจเย็น จากนั้นก็แบ่งส่วนหนึ่งถ่ายเทเข้าสู่ร่างกายของนาง
ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสแผ่ซ่านทั่วร่างกาย เส้นชีพจรภายในร่างกายมีแสงสว่างสีทองคำชาดสว่างขึ้นจางๆ
ความอดทนของนางถึงขีดจำกัดแล้ว!
หากนางไม่ได้ทำพันธสัญญาร่วมชีวิตกับถวนจื่อ หากไม่มีการป้องกันเส้นชีพจรส่วนสุดท้ายเอาไว้ เกรงว่าร่างกายของนางจะต้องระเบิดตายไปแล้ว!
คราบเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนาง
ดวงตาที่อยู่ด้านบนกำลังมองนางเหมือนนางเป็นแค่มดปลวก
แน่นอนว่าการทะลวงสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
เรื่องพื้นฐานและเรื่องที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ เส้นชีพจร
ผู้บำเพ็ญเพียรที่สามารถก้าวข้ามธรณีประตูนี้ได้ จำเป็นจะต้องสะสมพลังให้เพียงพอ และจำเป็นต้องมีเส้นชีพจรที่แข็งแกร่ง!
สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปแล้ว เส้นชีพจรคือสิ่งที่สวรรค์กำหนดมาตั้งแต่แรก ไม่สามารถปรับปรุงและฝึกฝนได้
แต่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เหมือนกัน
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพขั้นสูงฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของในร่างกายตัวเองชำระล้างและหลอมเส้นชีพจรด้วยจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน แต่เมื่อถึงขีดจำกัดแล้วเท่านั้น ถึงจะสามารถทำลายพันธนาการและยกระดับเส้นชีพจร ก่อนจะทะลวงด่านเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็นทางการ!
แม้ว่าตอนนี้ฉู่หลิวเยว่จะมีพลังเพียงพอ แต่ระยะเวลาที่นางอยู่ในระดับเทพขั้นสูงนั้นสั้นเกินไป เส้นชีพจรภายในร่างกายของนางยังไม่ได้รับการฝึกฝนที่เพียงพอ
แล้วนางจะสามารถทะลวงด่านได้อย่างใด?
ตอนนี้นางมีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น ล้มเลิกการทะลวงด่าน หรือว่าจะยืนหยัดต่อไปจนกว่าเส้นชีพจรจะระเบิด!
แต่สถานการณ์ทั้งสอง ไม่ว่านางจะเลือกแบบไหน ผลลัพธ์สุดท้ายก็เหมือนกัน…
ล้มเหลว!
หรงซิวหันศีรษะกลับไปมองนาง มือกำหมัดกรอด ในแววตาเหมือนมีระลอกคลื่น ดวงตาลึกไร้ก้นบึ้ง
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ภายในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ก็มีเสียงฉินดังขึ้นอย่างกะทันหัน