ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2135 ลำนำ ตอนที่ 2136 อันตราย
ตอนที่ 2135 ลำนำ
เสียงฉินนั้นดังขึ้นอย่างกะทันหัน
รกร้าง ว่างเปล่า อีกทั้งยังแข็งแกร่งและกว้างไกลอย่างไม่สามารถพรรณาได้!
หรงซิวกะพริบตาเล็กน้อย มือที่กำแน่นค่อยๆ คลาย ลำแสงสลัวส่องประกายในดวงตา
จากนั้นเขาก็เงยหน้าไปมองดวงตาที่อยู่ด้านบน ริมฝีปากยกขึ้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“เดิมทีข้าไม่คิดจะลงมืออย่างจริงจังเลย แต่พลังจำนวนมากของเจ้าที่นี่นั้นได้มอบให้แก่เยว่เออร์ใช้ ถือว่าเป็นเรื่องดีมาก”
ในแววตานั้นมีประกายจิตสังหารและกรุ่นโกรธ
“หรงซิว! เจ้ากล้าหลอกลวงข้าหรือ?”
เขาจงใจทำเช่นนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ!
เขาต้องการแย่งชิงพลังแห่งสวรรค์และโลกของที่นี่ให้แก่ฉู่หลิวเยว่ได้ใช้!
มุมปากของหรงซิวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบ ก่อนพูดเสียงเรียบว่า
“เดิมทีข้าไม่ได้อยากให้นางทะลวงด่านสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เร็วขนาดนี้ แต่น่าเสียดายที่เจ้ามอบโอกาสมาให้ตรงหน้า ข้าจึงทำได้เพียงยิ้มรับเอาไว้”
แม้ว่าขั้นตอนเหล่านี้จะยากมาก แต่สำหรับฉู่หลิวเยว่ที่สามารถทะลวงด่านสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้นั้น ก็มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย
เขาเพียงแค่ผลักเรือไปตามน้ำ
“เจ้า…”
เขายังพูดไม่ทันจบ เสียงฉินก็ดังขึ้นมาจากภายในร่างกายของฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง!
ดวงตาทั้งสองข้างของนางปิดสนิท แพขนตายาวสั่นเล็กน้อย
หากเสียงฉินครั้งแรกเป็นเหมือนกับเด็กน้อยโง่เขลาที่ดึงสายฉินเล่นเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นเห็นได้ชัดว่าเสียงฉินครั้งที่สองแข็งแกร่งกว่าเดิมไม่น้อย
เมื่อเสียงฉินดังขึ้น เส้นชีพจรบางจุดภายในร่างกายของนางก็แตกกระจายออกมา!
จากนั้นลำแสงสีทองคำชาดก็ปกคลุมขึ้นอีกครั้ง!
เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ เส้นชีพจรแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย!
ฉู่หลิวเยว่ใช้กำลังฉีกเส้นชีพจรทั่วร่างกาย จากนั้นก็ใช้พลังปราณดั้งเดิมและเสียงฉินช่วยทำให้มันสงบลง!
นางเพิ่งทะลวงด่านสู่ระดับเทพขั้นสูงได้ไม่นาน นางจึงไม่มีเวลาเพียงพอที่จะสามารถทำให้เส้นชีพจรแข็งแกร่ง
แต่ในเมื่อนางจำเป็นจะต้องทะลวงสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นนางจึงสร้างความแข็งแกร่งนี้ด้วยตนเอง!
ความเจ็บปวดกระจายทั่วทั้งร่างกาย เสียงที่ดังอยู่ภายในโสตประสาทของฉู่หลิวเยว่มีเพียงเสียงฉินที่ดังก้องอย่างต่อเนื่องเท่านั้น!
…
เสียงฉินนั้นดังก้องทั่วทั้งท้องพระโรง จากนั้นก็ดังกระจายออกไปที่ลานด้านนอก
ตึง!
เสียงฉินนั้นมีความสมจริงมาก มันกระแทกกับประตูหินอย่างแรงจนมีเสียงดังก้อง
จากนั้นประตูหินก็เปิดออก เสียงฉินดังก้องกังวานออกไป!
เสียงฉินไร้รูปร่าง แต่ในตอนนี้เหมือนว่าทุกคนสามารถมองเห็นวิถีการเคลื่อนไหวของมันได้แล้ว
ตู้ม!
ในที่สุดทัณฑ์สวรรค์สีทองบนท้องฟ้าก็ผ่าลงมาอย่างรุนแรง!
ในตอนนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากภายในพระราชวัง!
ทุกคนตกใจจนรีบหันกลับไปมอง
“ซั่งกวนเยว่!”
มีคนอุทานขึ้นมา
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ร่างกายของนาง
ลำแสงนั้นต้องสะท้อนเข้ากับใบหน้าและร่างกายของนาง
นางลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนหันขึ้นไปมองที่ด้านบน!
ทัณฑ์สวรรค์สีทองอยู่เหนือศีรษะของนางแล้ว!
ดวงตาของนางดำมืดราวกับหมึกส่องสะท้อนกับลำแสงสีทองจนมีแสงสว่างเจิดจ้า
จากนั้นนางก็ยกมือขึ้น
มือของนางนั้นเรียวยาวและขาวเหมือนกับหยก อ่อนนุ่มเหมือนไม่มีกระดูก
ทุกคนที่เห็นดังนั้นก็ต้องกลั้นหายใจทันทีโดยไม่รู้ตัว
นางต้องการ… จะทำอันใดกันแน่?
หลังจากนั้นพวกเขาก็มองตามไปที่นิ้วชี้ของนางที่กำลังสะบัดไปมาในความว่างเปล่า
เหมือนว่านางกำลังเล่นฉิน แต่ตรงหน้าของนางนั้นไม่มีอันใดอยู่เลย
ไม่!
วินาทีถัดมาทุกคนก็ต้องล้มเลิกความคิดของตัวเอง
เพราะว่าใต้ฝ่ามือของนางนั้นมีแสงสีทองปรากฏขึ้น
ทัณฑ์สวรรค์สีทองมาอยู่ที่กลางฝ่ามือของนางอย่างไร้สุ้มไร้เสียง
เพียงแค่เคลื่อนไหวเล็กน้อย ทัณฑ์สวรรค์สีทองก็จางหายไปแล้ว!
ตึง!
ทัณฑ์สวรรค์กลายเป็นลำแสงสีทองแล้วถ่ายเทเข้าสู่ในร่างของนางทันที!
ตอนที่ 2136 อันตราย
นางใช้ทัณฑ์สวรรค์สีทองเป็นสายของฉิน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งสวรรค์และโลก!
เส้นชีพจรภายในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ที่เคยแตกกระจายเป็นเสี่ยง ผสานเข้ากับพลังเมื่อครู่ จากนั้นก็ปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีทองคำชาดและซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนเหล่านี้เจ็บปวดอย่างมาก แต่มันก็ได้ผลอย่างรวดเร็ว
กระดูก เส้นเอ็น เลือดและเนื้อภายในร่างกายของนาง ได้รับการปรับปรุงภายในชั่วอึดใจ!
…
ทุกคนถูกปกคลุมด้วยความเงียบ
ภาพเหตุการณ์เหมือนถูกแช่แข็ง แม้แต่อากาศยังแข็งค้าง
ตอนที่ทัณฑ์สวรรค์สีทองถูกอัญเชิญออกมา พวกเขายังเคยสงสัยว่าฉู่หลิวเยว่จะทำอย่างใด
แต่จากภาพเหตุการณ์ตรงหน้า นี่มันเกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก
“นาง…เมื่อครู่นี้นาง…ทำอันใดกันแน่? ทัณฑ์สวรรค์สีทองสายนั้น คาดไม่ถึงว่าจะ… แตกสลายเช่นนี้?”
มีคนพูดพึมพำเสียงต่ำด้วยความตกใจ ทุกคนได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน แต่กลับไม่มีใครสามารถตอบคำถามนั้นได้
เพราะพวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามนั้นอย่างใด
ตั้งแต่ที่พวกเขารู้ว่าฉู่หลิวเยว่ต้องการจะทะลวงสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาก็ไม่สามารถคาดเดาสิ่งต่างๆ ได้แล้ว
เดิมทีตอนที่ทัณฑ์สวรรค์สีทองนั้นปรากฏ การบำเพ็ญเพียรของนางคงจะต้องหยุดลง แต่มันกลับตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
พลังน่ามหัศจรรย์ที่แฝงอยู่ในร่างกายนาง เหมือนจะโคจรและแปรเปลี่ยนเป็นพลังปราณดั้งเดิมแล้ว!
…
เนี่ยหงเจี่ยเบิกตากว้าง ก่อนเงยหน้าขึ้นไปมองภาพเหตุการณ์ที่อยู่บนฟ้า ภายในสมองขาวโพลน
แม้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้เขาได้พบเจอสิ่งแปลกประหลาดมามาก แต่ตอนนี้เขาก็ต้องมึนงงไป
“ท่านพ่อ! นี่นางกำลังจะทำอันใดกันแน่?”
เนี่ยหรูอวิ๋นรู้สึกร้อนรน หวั่นวิตก นางหันมามองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ความไม่สบายใจค่อยๆ ปรากฏขึ้น
ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉู่หลิวเยว่ยังไม่ออกมา ขณะที่มองกระแสพลังที่ไหลวนอยู่ นางก็ปลอบใจตัวเองว่า ฉู่หลิวเยว่จะต้องติดอยู่ในท้องพระโรงแห่งนั้นแน่นอน นางกำลังทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส อีกไม่นานนางต้องตายแน่
เนี่ยหรูอวิ๋นรู้ดีว่า หากเป็นนางที่ต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์สีทองที่มีพลังแข็งแกร่งขนาดนั้น นางไม่มีพลังแม้แต่จะตอบโต้ได้เลย และจะต้องตายอย่างน่าอนาถแน่นอน
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับไม่ได้ดูผิดปกติอันใดไป อีกครั้งลมปราณบนร่างกายของนางนั้นยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย!
และเกือบจะอยู่ในระดับเทพขั้นสูงในขั้นสูงสุดแล้ว ซึ่งห่างจากระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เพียงหนึ่งก้าว!
“นางคงจะไม่สามารถทะลวงด่านเทพศักดิ์สิทธิ์ได้จริงๆ หรอกใช่หรือไม่? ท่านพ่อ นางต้องทำไม่ได้แน่นอน ใช่หรือไม่?”
เนี่ยหรูอวิ๋นถามขึ้นเหมือนโอบกอดความหวังสุดท้ายเอาไว้
แต่อย่างใดก็ตามเนี่ยหงเจี่ยกลับไม่ได้พูดอันใดออกมาเลยสักคำ
เขาก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่…
สัญญาณที่ฉู่หลิวเยว่สามารถทะลวงด่านได้สำเร็จนั้นชัดเจนมากเกินไป! เขาไม่สามารถเพิกเฉยได้เลย!
เดิมทีเขาคิดว่านางจะต้องล้มเหลว เนื่องจากไม่สามารถทนการหลอมของเส้นชีพจรได้ แต่ใครจะรู้ล่ะว่านางจะสามารถรับทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างสบายๆ !
เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบกลับของเขา หัวใจของเนี่ยหรูอวิ๋นก็ค่อยๆ จมดิ่งลง
ตู้ม!
เปลวเพลิงสีทองคำชาดกลุ่มหนึ่งก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของฉู่หลิวเยว่อย่างกะทันหัน จนปกคลุมร่างกายของนางทั้งร่างเอาไว้
หากมองให้ดีๆ ก็ยังสามารถมองเห็นเกราะอ่อนปกคลุมร่างกายภายใต้ประกายเพลิงเหล่านั้นด้วย
สีสันอันเจิดจ้าสว่างซ้อนทับกันหลายชั้น ประกายเพลิงลุกโชน แข็งแกร่งและทรงพลัง!
ทุกคนสามารถมองเห็นใบหน้าของนางผ่านเปลวเพลิงที่คลุมเครือได้
สีหน้าของนางสงบและราบเรียบ ดวงตาทั้งสองข้างเหมือนกับธารน้ำแข็งพันปี ยังเหมือนกับแสงจันทร์อันเป็นนิจนิรันดร์ เยือกเย็น เงียบเหงา สูงส่งไม่อาจเอื้อม
เฉินอีเอามือไพล่หลัง ก่อนเงยหน้าขึ้นมอง
แววตาที่เคยไม่แยแสสนใจ ตอนนี้มีประกายคำนึงและทอดถอนหายใจออกมา เขาทั้งหวาดกลัวและชื่นชมอย่างลึกซึ้ง
เขาพูดพึมพำโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับต้องการพูดอันใดบางอย่าง แต่กลับพูดออกมาได้เพียงครึ่งเดียว
เยว่…อันใด?
ความรู้สึกที่คุ้นเคยปะทุขึ้นมาในจิตใจ สิ่งที่เขาเคยคาดเดามาก่อนหน้านี้ได้กลับขึ้นมาในความคิดอีกครั้ง
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสงสัยมาก่อนว่า นางคือคนที่เขาตามหาหรือไม่
แต่ไม่ว่าจะอายุหรือเรื่องอื่นๆ กลับไม่ตรงกันเลยแม้แต่น้อย
แม้กระทั่งนางก็เคยพูดออกมาว่า นางไม่เคยไปที่ชายแดนใต้มาก่อน อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าในความทรงจำของนางไม่มีเขาอยู่เลย
เชียงหว่านโจวหลับตาลงและจมอยู่กับความสับสนที่ไม่สามารถดิ้นรน
เขามองไปที่ประตูหินอีกครั้งด้วยความบังเอิญ
จากนั้นก็มีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้น
… เขาเคยเดินทางออกจากประตูหินบานนี้มาแล้ว!
…
อีกด้านหนึ่งของทะเลทรายจันทราสีชาด ร่างศักดิ์สิทธิ์ของหลานเซียวกำลังก่อเป็นรูปเป็นร่าง
ตู๋กูโม่เป่าได้อัญเชิญทัณฑ์สวรรค์สีทองสายที่สี่มาแล้ว และเขาสามารถช่วยหลานเซียวสร้างแขนขาทั้งสี่ข้างได้เรียบร้อยแล้ว
เหลืออีกสองขั้นตอน กระบวนการนี้ก็จะเสร็จเรียบร้อย
สายหนึ่งสร้างกะโหลก อีกสายหนึ่งสร้างเสิ่นตัน!
ผู้อาวุโสลำดับห้ามองไปทางตู๋กูโม่เป่าด้วยความเป็นห่วง
ตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดขาวมาก เห็นได้ชัดว่าเขากำลังมาถึงขีดจำกัดแล้ว
แต่ทัณฑ์สวรรค์สองสายสุดท้ายนั้นยุ่งยากอย่างมาก และไม่รู้ว่าเขา…
“พี่เป่า เจ้าไหวหรือไม่?”
ผู้อาวุโสลำดับห้าถามขึ้นมาอย่างเป็นกังวล
ตู๋กูโม่เป่าไม่ได้พูดอันใด เพียงแต่โคจรพลังรอบกายตนเอง เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจะทำต่อไป
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า
“นังหนูเยว่เออร์ก็จะทะลวงด่านสู่เทพศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ?”
ผู้อาวุโสลำดับห้าพยักหน้า
“น่าจะใช่ เมื่อครู่นี้นางอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์สีทอง อีกทั้งดูเหมือนว่าจะสามารถต่อต้านมันได้ นางจะทะลวงด่านสู่เทพศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นก็ขึ้นอยู่กับช้าหรือเร็วเท่านั้น เพียงแต่… การทะลวงด่านในครั้งนี้นังหนูเยว่เออร์จะต้องทนทุกข์ทรมานไม่น้อย”
ตู๋กูโม่เป่าเม้มริมฝีปาก แววตามีความละอายใจปรากฏขึ้นมา
“… ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบเอง”
เดิมทีเป็นเพียงเพราะเขาต้องการอยากจะเปิดม่านพลัง คนเหล่านั้นมาช่วยนังหนูเยว่เออร์ตามหา
ถวนจื่อและจื่อเฉินกลับไป
แต่เรื่องนี้มันไปไกลเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการเอาไว้มาก
คาดไม่ถึงว่าสิ่งนั้นก็ฉวยโอกาสนี้กลืนกินพลังของทุกคน ไม่เพียงแต่มันจะสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองแล้ว มันยังบีบบังคับให้ถวนจื่อเปิดเส้นชีพจร
หลังจากถูกสะกดเอาไว้ในทะเลทรายจันทราสีชาดมานานหมื่นปี เดิมทีเขาคิดว่าสิ่งนั้นจะต้องเจียมตัวลงเสียหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะทะเยอทะยานขนาดนี้ อีกทั้งยังบีบบังคับให้นังหนูเยว่เออร์ทะลวงสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วย!
ผู้อาวุโสลำดับห้าส่ายหน้า แล้วพูดเกลี้ยกล่อมว่า
“เดิมทีเจ้าก็มีเจตนาดี ท้ายที่สุดแล้วสิ่งนั้นมันก็บ้าคลั่งเกินไป จนทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นเช่นนี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง หากไม่เปิดม่านพลังแล้วให้คนเหล่านั้นมา สิ่งนั้นก็คงไม่…”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนกำลังหวาดกลัวกับอันใดบางสิ่ง
“ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม หากนังหนูเยว่เออร์สามารถฉวยโอกาสนี้เลื่อนขั้นสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ นี่ก็เป็นเรื่องดี”
ไม่ว่าช้าหรือเร็ววันนี้ก็ต้องมาถึงอยู่ดี
ตู๋กูโม่เป่าถอนสายตากลับมา แล้วหันมองทางหลานเซียว
ตอนนี้ร่างของเขาเป็นดักแด้ที่ห่อหุ้มด้วยลำแสงสีทองและเงิน ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท คิ้วขมวดกันแน่น
เขารู้ดี เพียงแต่ไม่สามารถพูดออกไปได้
การสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นขึ้นมาใหม่นั้นเจ็บปวดทรมานอย่างมาก และทำให้เขาสูญเสียกำลังไปทั้งหมด
ตู๋กูโม่เป่าสะบัดมือขึ้นอีกครั้ง
ทัณฑ์สวรรค์สีทองก็ปรากฏขึ้น!
อย่างใดก็ตามทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้ กลับไม่ยอมตกลงมาเป็นระยะเวลานาน
หัวใจของตู๋กูโม่เป่าจมดิ่งแล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง
คาดไม่ถึงว่าทัณฑ์สวรรค์สีทองนั้นจะจางหายไปอย่างเงียบเชียบ