ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2138 รนหาที่ตาย
ตอนที่ 2138 รนหาที่ตาย
………………..
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พระราชวังขนาดใหญ่ก็ถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว
พลังจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนระเบิดขึ้น ความว่างเปล่าอันไม่มีที่สิ้นสุดก็มีรอยแตกร้าว!
“ไป!”
โหมวเจินและอี้เจาตอบสนองได้เร็วที่สุด เมื่อเงาร่างของเขาวูบไหว ร่างกายของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ด้านนอกแล้ว
ยังดีที่ก่อนหน้านี้ประตูหินที่อยู่ด้านหน้าถูกเพลงฉินของฉู่หลิวเยว่เปิดออกมาก่อนแล้ว จึงทำให้พวกเขาหลบหนีได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น
เฉินอีมองไปยังพระราชวังที่พังทลาย เขาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ในแววตามีประกายสับสนขึ้นมาสายหนึ่ง
แต่ความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ เขาถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งตัวออกจากที่นี่
เมื่อหันกลับไปแล้วเขายังเห็นว่าเชียงหว่านโจวยืนอยู่ตรงนั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขามองไปที่พระราชวังแห่งนั้นอย่างเหม่อลอย เหมือนว่าเขาจะคิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ แต่ก็เหมือนว่าทำอันใดไม่ถูก
“ไปได้แล้ว”
เฉินอีกล่าวเตือนเสียงทุ้มต่ำ
เชียงหว่านโจถึงจะสามารถดึงสติกลับมาได้
เขาหันกลับไปมองทางเฉินอี ก่อนพยักหน้า แล้วหมุนตัวเดินจากไป
คนเหล่านี้มีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว ในขณะเดียวกันคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในนั้นก็สามารถสัมผัสได้ถึงอันตราย พวกเขาจึงติดตามออกมาด้วยความรวดเร็ว
ตอนมาน่ะง่าย แต่ตอนจากไปไม่ง่ายเลย
ขณะที่พวกเขาสาวเท้าออกมาได้ไม่กี่ก้าว พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าพื้นที่บริเวณนี้ถูกม่านพลังอันน่ากลัวกวาดล้างออกมา แรงกดดันอันรุนแรง เดิมทีพวกเขาไม่สามารถสาวเท้าก้าวออกมาได้เลย!
มุมปากของเนี่ยหรูอวิ๋นมีเลือดไหลออกมาอีกครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของนางรู้สึกเจ็บปวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เดิมทีนางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เดินออกไปไม่ถึงสองก้าวก็ต้องล้มตัวลง
แต่ความจริงแล้วสภาพของเขาในตอนนี้ก็ไม่ได้สู้ดีนัก กอปรกับมีเนี่ยหรูอวิ๋นอีกคน ที่แย่ยิ่งกว่าซวยซ้ำซวยซ้อนเสียอีก
ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นกวาดกระจายออกไป ทันใดนั้นก็มีคนหลายคนถูกทิ้งเอาไว้ที่ด้านหลัง และโดนแรงกดดันเหล่านั้นกดทับจนแตกสลาย!
เพียงชั่วพริบตาเดียว พวกเขาก็หายตัวไปอย่างไร้สุ้มไร้เสียง
เนี่ยหงเจี่ยรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม
ที่แห่งนี้มีพลังแห่งสวรรค์และโลกอุดมสมบูรณ์ และขณะนี้มันกำลังระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน มันทรงพลังอย่างมากจนไม่สามารถเทียบเทียมได้เลย!
หากอยู่ในตอนที่เขามีสภาพร่างกายสมบูรณ์ บางทีเขาอาจจะสามารถหนีทัน แต่ตอนนี้เขากับเนี่ยหรูอวิ๋นต่างได้รับบาดเจ็บ…
“อ๊าก…”
เสียงตะโกนที่ดังขึ้นอย่างสั้นๆ ดังขึ้นมาจากด้านหลังที่ไม่ห่างไกลกันนัก
เนี่ยหงเจี่ยรีบหันกลับไปมอง รูม่านตาของเขาก็หดเล็กลง!
กองหนุนของสำนักเทียนอู่หลายคนล้วนเสียชีวิตไปหมดแล้ว!
เลือดสดๆ สาดกระเซ็นไปทั่วพื้น คนเหล่านั้นหายไปไม่เห็นเงา
“ท่านพ่อ!”
เนี่ยหรูอวิ๋นหวาดกลัวจนร้องไห้ออกมา ร่างกายสั่นสะท้าน
“ท่านพ่อ พวกเราจะต้องจะตายอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่?”
“อย่าพูดจาไร้สาระ!”
เนี่ยหงเจี่ยกัดฟันกรอด ก่อนจะโบกมือสร้างม่านพลังแล้ววิ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วที่สูงขึ้น
ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม พวกเขาไม่ยอมตายอยู่ที่นี่แน่นอน!
แต่ม่านพลังของเขาแทบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพลังแห่งสวรรค์และโลกที่รุนแรงเหล่านั้นเลย!
แทบจะในวินาทีถัดมา ม่านพลังของเขาก็ถูกทำลายในทันที!
เขาเงยหน้าขึ้นมา และหันไปมองทางโหมวเจินกับอี้เจาที่อยู่ไม่ไกล
“ประมุขโหมวเจิน! ประมุขอี้เจา! ขอร้องล่ะช่วยพวกเราด้วย! ขอเพียงท่านทั้งสองช่วยพวกเรา สำนักเทียนอู่จะต้องตอบแทนอย่างงามแน่นอน!”
ตอนนี้ในบรรดาของคนที่อยู่ที่นี่ สองคนนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด!
มีเพียงแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องและช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้รอดพ้นจากอันตรายครั้งนี้ไปได้
ดังนั้นเนี่ยหงเจี่ยจึงไม่ลังเลเลยที่จะเอ่ยปาก
โหมวเจินหันกลับมามองพวกเขา ใบหน้าเหมือนมีรอยยิ้มประดับอยู่
“เมื่อครู่นี้ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนีออกไปแล้ว แต่พวกเจ้ายังไม่หนี เจ้าพลาดโอกาสครั้งนั้นไป แล้วจะโทษใครได้?”
เนี่ยหงเจี่ยหน้าซีดเผือด
ก่อนหน้านี้ได้โน้มน้าวให้ชือรุ่ยเออร์และคนอื่นๆ ออกไปด้านนอกด้วยตัวเอง อีกทั้งยังพูดตามตรงว่าอยู่ที่นี่อันตรายกว่ามาก
ในตอนนั้นเขาคิดว่าที่เฉินอีให้คนอื่นออกไปเช่นนั้นเป็นเพราะ เขาต้องการให้ฉู่หลิวเยว่ครอบครองสมบัติภายในที่แห่งนี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น!
แต่ใครจะคิดเล่าว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง?
ตอนนี้คนที่อยู่ที่นี่ นอกจากเฉินอีและพวกอีกไม่กี่คน คนอื่นๆ ล้วนเป็นคนที่ไม่ค่อยถูกกับฉู่หลิวเยว่
หลังจากพระราชวังพังทลายไปแล้ว ภายในช่วงเวลาสั้นๆ มีคนตายไปเกือบครึ่ง!
ถ้าโหมวเจินและคนอื่นๆ ไม่ช่วยเหลือ เนี่ยหงเจี่ยเชื่อว่า เขาไม่มีทางวิ่งกลับมาที่ประตูหินนี้ได้ทันแน่นอน!
“ข้า เมื่อครู่นี้พวกเราแค่สับสน…แต่ว่าชีวิตคนสำคัญที่สุด ประมุขทั้งสอง…”
โหมวเจินแค่นหัวเราะเสียงเย็น แล้วเดินออกจากประตูหิน
คนต่อมาคือ เฉินอีและเชียงหว่านโจว
เนี่ยหงเจี่ยหันไปมองทางพวกเขาทั้งสอง และต้องตกใจว่า ‘ความเร็วของพวกเขาทั้งสองสูงขนาดนี้เชียวหรือ?’
เฉินอีน่ะช่างเถอะ เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นน่าจะอยู่ในระดับเทพศักดิ์สิทธิ์
แต่เด็กหนุ่มผมสั้นสีทอง ดูแล้วน่าจะอายุสิบหกสิบเจ็ด อีกทั้งเพิ่งอยู่ในระดับเทพขั้นสูง เหตุใดเขาถึงวิ่งเร็วกว่าคนอื่นมากขนาดนี้?
ตอนนี้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แต่ทันใดนั้นเขาก็บอกว่าตรงหน้ามีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน
แต่เมื่อเขาจ้องหน้าอีกฝ่ายก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ
“ประมุขอี้เจา!”
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือ อี้เจา
เดิมทีเขาออกตัวพร้อมกับโหมวเจิน แต่ตอนที่เขาไปถึงประตูหิน เขาก็ย้อนกลับมา
เมื่อเห็นว่าอี้เจาอยู่ตรงหน้า เนี่ยหงเจี่ยก็รู้สึกประหลาดใจมาก
“ประมุขอี้เจา! ท่านมาช่วยพวกเราหรือ! ข้า ข้ากับหรูอวิ๋นรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก!”
ตามข่าวลือแล้ว ประมุขอี้เจาคนนั้นเป็นคนเย่อหยิ่งจองหอง เข้มงวด อีกทั้งรังเกียจที่จะต้องติดต่อกับพวกมนุษย์
เนี่ยหงเจี่ยคิดไม่ถึงเลยว่า อี้เจาจะเป็นฝ่ายเข้ามาช่วยเขาเอง
อี้เจามองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“ไม่ใช่”
คำพูดที่เย็นชาเหล่านี้ ทำให้รอยยิ้มของเนี่ยหงเจี่ยแข็งทื่อ
“ท่าน ท่านหมายความว่าอย่างใด?”
เมื่อเห็นสีหน้าของอี้เจา ความไม่สบายใจก็พวยพุ่งขึ้นมา
อี้เจาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เขากำลังมองไปทางพระราชวังที่กำลังพังทลายอย่างต่อเนื่อง แล้วพูดขึ้นมาว่า
“ข้าจะมาส่งเจ้าสู่หนทางแห่งความตาย!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็ยกมือขึ้น!
เนี่ยหงเจี่ยยังไม่ทันได้พูดอันใด เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่กระแทกหน้าอกของเขาอย่างรุนแรง!
ร่างกายของเขาลอยกระเด็นออกไป!
เนี่ยหรูอวิ๋นที่ขาดการพยุงก็ลอยกระเด็นตามไปทันที
เงาร่างของทั้งสองคนถูกพลังอันน่าสะพรึงกลัวพัดกลืนไปในชั่วพริบตา!
คราบเลือดหลายสายปรากฏขึ้นมา แต่บุคคลเหล่านั้นได้หายไปแล้ว
เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้ ต่อให้เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องตายอย่างไม่มีหลุมฝังศพ!
แน่นอนว่าตอนที่อี้เจาลงมือเขาได้ใช้พลังทั้งสิบส่วน เขาไม่แน่ใจว่าเนี่ยหงเจี่ยจะตายด้วยน้ำมือของเขาหรือไม่
แต่เนี่ยหรูอวิ๋นยิ่งไม่ต้องพูดถึง นางต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากยืนยันได้แล้วว่า ชีวิตของทั้งสองคนนั้นได้สูญสิ้น อี้เจาก็ถอนสายตากลับมา แล้วเดินออกไป
โหมวเจินที่ยืนอยู่หน้าประตูหินเห็นดังนั้นก็แค่นหัวเราะดัง “หึ” ออกมา
“หลายปีที่ผ่านมานี้ ตาแก่คนนี้ยังเจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนเดิม! แต่ว่าสองพ่อลูกตระกูลเนี่ยก็รนหาที่ตายเอง จะไปยั่วโมโหใครไม่ยั่ว ดันไปยั่วโมโหถวนจื่อ?”
เขาบุ้ยปาก
นั่นน่ะคือแก้วตาดวงใจของอี้เจาเชียว!
เดิมทีเมื่อเห็นถวนจื่อได้รับความทุกข์ทรมาน อี้เจาก็รู้สึกปวดใจจะแย่อยู่แล้ว แต่เนี่ยหงเจี่ยกล้าใส่ร้ายถวนจื่ออีก… นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่อยากจะใช้ชีวิตอีกต่อไปแล้วไม่ใช่หรือ?