ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2139 ทัณฑ์สวรรค์ทะลุเมฆ
ตอนที่ 2139 ทัณฑ์สวรรค์ทะลุเมฆ
………………..
เนี่ยหงเจี่ยนั่งในตำแหน่งเจ้าสำนักเทียนอู่มานาน คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่มีสมองเลยแม้แต่น้อย
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ถวนจื่อไม่ได้ทำอันใดแบบนั้น ต่อให้นางทำ อี้เจาก็ไม่มีทางพูดอันใด แล้วเขาอาจจะมาช่วยนางด้วยซ้ำ
เขากับอี้เจารู้จักกันมาหลายปีแล้ว แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้พูดคุยติดต่อกันมากนัก แต่พวกเขาก็รู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
ด้วยนิสัยของอี้เจา เขาไม่สนใจความเป็นความตายของมนุษย์เหล่านั้น เขาสนใจเพียงแค่ถวนจื่อได้รับความทุกข์ทรมาน โดนคนล่วงเกิน
ก่อนหน้านี้ทุกคนสามารถมองออกได้ว่าร่างเล็กๆ ของถวนจื่อนั้นต้องทนทุกข์ทรมานจนยากที่คนทั่วไปจะสามารถจินตนาการออก อี้เจาอดทนอดกลั้นอยู่ตลอด ภายในใจของเขานั้นยังสุมไฟแห่งความโกรธอยู่
ถ้าเนี่ยหงเจี่ยไม่ได้รนหาที่ตายแล้วจะเรียกว่าอันใด?
เมื่อพูดจบ อี้เจาก็เดินจากมาแล้ว
โหมวเจินจัดเสื้อผ้าของตนเองให้เรียบร้อย แล้วเชิดคางขึ้น ก่อนพูดด้วยสีหน้าตึงเครียดว่า
“หรงซิวยังอยู่ด้านใน”
อี้เจาเดินไปด้านหน้าโดยไม่หันกลับไปมอง
“เขากำลังรอเวลานี้อยู่ ทุกคนตายแล้ว แต่เขาไม่มีทางตาย”
ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงหรงซิวเลย
ส่วนฉู่หลิวเยว่นั้น… นางเพิ่งจะทะลวงด่านสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ นั่นยิ่งไม่จำเป็นต้องห่วง
อี้เจาครุ่นคิดแล้วพูดขึ้น
“ก็จริง”
ความแข็งแกร่งของหรงซิวนั้นยากเกินหยั่งถึง
เหตุใดจะต้องเป็นห่วงเขา?
มันคงเป็นเรื่องไม่จำเป็นแล้ว
พวกเขาทั้งหลายจึงเดินออกมาทันที
เมื่อเห็นว่าพระราชวังพังทลาย พลังโหมกระหน่ำ ชือรุ่ยเออร์และคนอื่นๆ ก็แอบรู้สึกยินดีไม่ได้
โชคดีที่พวกเขาทำตามคำแนะนำของเฉินอี ไม่อย่างนั้นเกรงว่าพวกเขาจะต้องติดอยู่ภายในและต้องตายอย่างอนาถแน่นอน
“พวกเจ้าดูสิ เหมือนว่าพระราชวังแห่งนั้นจะมีปัญหานะ”
ทันใดนั้นก็มีคนอุทานออกมาด้วยความตกใจ ชือรุ่ยเออร์และคนอื่นๆ เงยหน้าขึ้นไปมองทันที
เมื่อเงยหน้าขึ้น นางก็เข้าใจทันทีว่า คนพูดนั้นหมายความว่าอย่างใด
เพราะว่า… หลังจากที่พระราชวังเก่าแก่และโบราณค่อยๆ พังทลายไป แม้ว่าการพังทลายของมันจะดูยิ่งใหญ่ แต่กลับแตกต่างจากปกติมาก
ไม่มีฝุ่นฟุ้งกระจาย ไม่มีเศษหินปลิวกระเด็น
มีเพียงแต่พลังที่บ้าคลั่งกระจัดกระจาย ราวคลื่นยักษ์ซัดสาด!
“พระราชวังแห่งนั้น… เป็นของปลอมอย่างนั้นหรือ?”
ชือรุ่ยเออร์พูดพึมพำด้วยความตกใจ
“ไม่ น่าจะบอกว่า เป็นภาพมายา”
โหมวเจินพูดแก้ไขให้
หลังจากที่พวกเขาออกมา พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงจุดนี้เช่นเดียวกัน
ภาพมายาเหล่านี้สมจริงมาก มากเสียจนตอนที่พวกเขาอยู่ด้านในกลับไม่รู้สึกผิดสังเกตเลยด้วยซ้ำ
“อย่างนี้นี่เอง!”
ทุกคนเข้าใจได้ในทันที
นอกจากนี้ยังสามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดสมบัติก่อนหน้านี้ที่พวกเขาได้รับมาจึงแปรเปลี่ยนกลายเป็นหมอกสีดำ!
นั่นเป็นเพราะว่า มันเป็นของปลอมมาตั้งแต่แรก!
“เมื่อครู่นี้ตอนที่เยว่เออร์ลงมือ ข้าได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากภายในพระราชวัง พวกเจ้าได้ยินหรือไม่?” ชือรุ่ยเออร์ถามขึ้นเสียงทุ้มต่ำ
ผู้อาวุโสแห่งเฟยซิงเหมินต่างมองหน้ากันไปมา จากนั้นก็พยักหน้า
ชือรุ่ยเออร์เม้มริมฝีปาก และนึกถึงสิ่งที่ฉู่หลิวเยว่พูดก่อนหน้านี้
เพราะว่าถวนจื่อและจื่อเฉินหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย บางที… อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าของเสียงนั้น?
อีกทั้งการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของพระราชวังแห่งนี้ เหมือนว่ามันกำลังพุ่งเป้ามาทางฉู่หลิวเยว่โดยเฉพาะ
ชือรุ่ยเออร์กำหมัดกรอด
คนที่สามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้จะต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดา
คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ล้วนเป็นคนที่มีฝีมือและสถานะสูงส่งในอาณาจักรเสิ่นซวี่ แต่ต่อให้เป็นพวกเขา พวกเขาก็ไม่มีทางต่อต้านพลังเหล่านั้นได้เลย
สิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้มีจริงบนโลกใบนี้ด้วยหรือ?
อีกทั้ง เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะตกเป็นเป้าหมายของของสิ่งนั้น…
พรึ่บ!
ในตอนนั้น เงาร่างสูงใหญ่ก็พุ่งตัวออกมาจากพระราชวังที่พังทลายแห่งนั้น!
ชุดสีขาวลอยปลิดปลิว ลมปราณแข็งแกร่งน่าตกใจ คนผู้นั้นคือ หรงซิวนั่นเอง!
เขาไม่ได้มีท่าทีจนตรอกอย่างที่ทุกคนคาดหวัง เขาพุ่งตัวออกมาจากศูนย์กลางของระเบิดโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
และยิ่งไปกว่านั้น เสื้อผ้าของเขายังขาวสะอาดตาเหมือนเดิม มองไม่ออกเลยว่าเมื่อครู่นี้เขาเพิ่งผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา
คนจำนวนไม่น้อยมองหน้ากัน แววตาเต็มไปด้วยความสับสน
หลายปีที่ผ่านมานี้ หรงซิวมีชื่อเสียงโด่งดังภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ตระกูลระดับสูงมากมายหลายตระกูลล้วนหวาดกลัวเขา
แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้ เขาออกมาปรากฏตัวน้อยมาก อีกทั้งยังลงมือในที่สาธารณะก็น้อยด้วยเช่นกัน
หัวใจของคนบางส่วนจึงเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น
เนี่ยหงเจี่ยกับเนี่ยหรูอวิ๋นก่อนหน้านี้เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
พวกเขาไม่เพียงเยาะเย้ยถากถางฉู่หลิวเยว่ต่อหน้าหรงซิว อีกทั้งพวกเขายังใส่ร้ายถวนจื่อต่อหน้าอี้เจาด้วย
พูดได้เพียงแค่ คนไม่ตายแต่ก็แสวงหาความตาย
หรงซิวทอดสายตามองลงมา
พระราชวังขนาดใหญ่กำลังพังทลาย ภาพมายากำลังกลายเป็นประกายแสง และค่อยๆ จางหายไป
ดวงตาดวงนั้นถูกกระบี่ของฉู่หลิวเยว่บดขยี้และหายไปอย่างไร้เสียงแล้ว
หรงซิวยกมือขึ้นมา
ค่ายกลสีทองขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือพระราชวังแห่งนั้น ก่อนจะกดทับลงไปอย่างเชื่องช้า!
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิด ลำแสงทั้งสองส่วนก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วทันที
ลำแสงหนึ่งคือ โล่ผสานนภา ส่วนอีกแสงหนึ่งคือ ถ้วยหิมะวิเศษโปรย
นางเก็บถ้วยหิมะวิเศษโปรยลงไป จากนั้นก็ต้องมองไปทางโล่ผสานนภา
แสงสว่างด้านบนค่อยๆ หม่นแสง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายใต้การกดดันของค่ายกลกระสวยสวรรค์ของหรงซิวก็ต้องถูกทำลายไปอย่างไร้เสียง
ค่ายกลกระสวยสวรรค์ค่อยๆ จมลงมา ความวุ่นวายทั้งหมดถูกทำลายไป
ท้ายที่สุดมันก็จางหายไปในทะเลทราย
แสงสีแดงจางๆ ปกคลุม ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสงบใจขึ้นมา
นางรู้ดีว่า ของสิ่งนี้มีต้นกำเนิดเดียวกับมือข้างหนึ่งที่เขาหมื่นเมรัยในสำนักหลิงเซียวในตอนแรก
พวกมันยังไม่ถูกทำลายอย่างแท้จริง แต่ถูกสะกดเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น
ค่ายกลกระสวยสวรรค์สามารถสะกดมันเอาไว้เท่านั้น
ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกเมื่อใด
หนทางแก้ปัญหาก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือ ตามหาเจ้าของดวงตาดวงนี้!
พรึ่บ…
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองท้องฟ้าที่อยู่ในระยะไกล ทะเลอัสนีบาตที่เคยส่องสว่างแสบตากลับหม่นแสงลงไปแล้ว
แต่เมื่อครู่นี้นางได้ยินเสียงพลังแห่งสวรรค์และโลกพลุ่งพล่านจากทางด้านนั้น
เมื่อไม่มีทัณฑ์สวรรค์แล้ว พลังแห่งสวรรค์และโลกจากทางด้านนั้นก็ไร้แรงยึดเหนี่ยว ก่อนจะกระจัดกระจายออกมาทั่วทุกทิศ
นางขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
หลังจากทะลวงสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ นางก็สามารถรับรู้เหตุการณ์ระยะไกลได้อย่างชัดเจน
คนที่สามารถอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์สีทองได้ ทั่วทั้งทะเลทรายจันทราสีชาด มีเพียงตู๋กูโม่เป่าและคนอื่นๆ อีกสองคนเท่านั้น
และหลานเซียว… กำลังหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์?
นางหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือขึ้น
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นบนท้องฟ้าก็มีเสียงดังสนั่นกึกก้อง!
ชั้นเมฆที่กระจัดกระจายกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง!
หลังจากนั้นไม่นานทัณฑ์สวรรค์สีทองก็ปรากฏขึ้นมา ก่อนจะโจมตีไปที่ฉู่หลิวเยว่อย่างรุนแรง!
นางทะยานร่างขึ้น จากนั้นก็จับทัณฑ์สวรรค์สีทองเอาไว้ในมือ แล้วโยนมันออกไป!
ท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดมิด ลำแสงสีทองแหวกเมฆออกไป!
………………..