ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2141 กลับ
ตอนที่ 2141 กลับ
………………..
เลือด เนื้อ กระดูก และเส้นเอ็นทุกส่วนค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง!
หลานเซียวลุกขึ้นนั่ง มือข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้าของตัวเอง
หัวคิ้ว สันจมูก คาง…
ผิวหนังของเขาสมจริงมาก อีกทั้งยังมีอุณหภูมิอุ่นร้อน
นี่เป็นความรู้สึกที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานนับหมื่นปี
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสมจริง แต่กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในความฝัน
เขาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นเป็นจังหวะและทรงพลัง
เขาลูบที่หน้าอกของตัวเอง และมันยังคงเป็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่ไม่ใช่เสียงในความฝันที่เขาเคยได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน
“คาดไม่ถึงว่า…จะสำเร็จแล้ว?”
เขาบ่นพึมพำเสียงต่ำ เป็นความตกตะลึงที่ยากจะบรรยาย
เขาฝันเช่นนี้มาหลายครั้ง และรอคอยมานานแสนนาน
ดังนั้นเมื่อวันที่ฝันนี้เป็นจริง เขาจึงไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างใดดี
“พี่เป่า!”
เสียงอุทานด้วยความตกใจของผู้อาวุโสลำดับห้าดังขึ้น ในที่สุดหลานเซียวก็ได้สติขึ้นมา
เขาเงยหน้าขึ้นมามองทันที ร่างกายตู๋กูโม่เป่าวูบไหว จากนั้นก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
หลานเซียวตกใจ แล้วลุกขึ้นยืนทันที
ผู้อาวุโสลำดับห้าเข้ามาพยุงตู๋กูโม่เป่า
“พี่เป่า เจ้าเป็นอย่างใดบ้าง?”
ใบหน้าของหลานเซียวไม่มีวี่แววจะหยอกล้ออย่างเช่นเคย เขาขมวดคิ้วถามขึ้น
แต่ตอนนี้ เขารู้สึกโล่งใจ และไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป
ตู๋กูโม่เป่าส่ายหน้าเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร พักเพียงครู่เดียวก็หายแล้ว”
เขาชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เงยหน้ามองในระยะไกล
“โชคดีที่ทุกอย่างราบรื่นมาก สิ่งนั้นถูกเยว่เออร์สะกดเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงไม่มีเวลามาสนใจพวกเรา”
แม้ว่าหลานเซียวจะมีใบหน้าซีดขาว แต่ลมปราณของเขาก็ยังคงเสถียร ดังนั้นเขาจึงรู้สึกวางใจลงได้
เมื่อได้ยินเขาพูดดังนั้น มุมปากของเขาจึงยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“จะว่าไปแล้ว โชคดีมากที่มีนาง”
หากไม่ใช่เพราะทัณฑ์สวรรค์สีทองสองสายสุดท้ายนั้น ครั้งนี้เขาคงจะต้องประสบปัญหาครั้งใหญ่แล้ว
ผู้อาวุโสลำดับห้าพยักหน้าเห็นด้วย ใบหน้าของเขาไม่สามารถปกปิดความยินดีได้มิด
“ถูกต้อง! ใครจะคิดเล่าว่านางจะเลือกทะลวงด่านสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้!”
เดิมทีพวกเขาคิดว่ากว่าจะถึงขั้นนั้นคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก
ตู๋กูโม่เป่ามองไปทางด้านนั้นแล้วพูดว่า
“กลับกันเถอะ”
“กลับ?”
หลานเซียวตกตะลึง
“ไม่รอให้นังหนูเยว่เออร์มาที่นี่ก่อนหรือ?”
ตู๋กูโม่เป่าตอบอย่างไม่ลังเล
“ต้องมีโอกาสได้พบหน้ากันแน่ นี่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ครั้งนี้ที่เจ้าสามารถสร้างร่างศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จเป็นเพราะการช่วยเหลือจากเยว่เออร์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครไม่สังเกตเห็น”
หลานเซียวมีสีหน้าเคร่งเครียด
“ข้าคิดว่าครั้งนี้จะได้พบกับนังหนูอย่างเป็นทางการเสียแล้ว…”
เขาลูบใบหน้าตัวเองด้วยความเสียดายเล็กน้อย
โชคดีที่พี่เป่ายังใจดี ดังนั้นจึงไม่ได้ทำให้ใบหน้าของเขาเสียหาย
เดิมทีเขาอยากจะใช้ใบหน้าที่งดงามที่สุดเพื่อทำให้นังหนูเยว่เออร์รู้สึกประหลาดใจ…
เหมือนผู้อาวุโสลำดับห้าสามารถอ่านความคิดของเขาออก ดังนั้นเขาจึงกลอกตามองบน แล้วกล่าวเตือนอย่างสุภาพว่า
“เจ้าเลิกฝันไปได้เลย นางมีหรงซิวแล้ว นางจะเห็นคนเจ้าสำอางอย่างเจ้าอยู่ในสายตาได้อย่างใด?”
“ที่ห้า!”
หลานเซียวโกรธจัด
“ข้าเห็นว่าวันนี้เจ้าทุกข์ทรมานมาไม่น้อยแล้ว ดังนั้นจึงกล่าวเตือนด้วยความสุภาพ” ผู้อาวุโสลำดับห้าเชิดคางขึ้นเล็กน้อย “หากเจ้ายังไม่เห็นด้วย ข้ามีกระจกให้เจ้าส่อง”
หลานเซียวจ้องหน้าอีกฝ่ายตาเขม็ง ก่อนพูดขึ้นมาว่า
“เจ้าใจร้ายมาก! ข้าจะไปก่อนแล้ว!”
…
หลังจากฉู่หลิวเยว่ส่งทัณฑ์สวรรค์สองสายไปได้ไม่นาน นางก็สังเกตได้ถึงการเคลื่อนไหวที่น่าตกใจจากฝั่งนั้น
แสงสว่างส่องประกายคล้ายมีคล้ายไม่มี
จากนั้นความวิตกกังวลภายในใจนางก็สงบลง
ดูเหมือนว่าจะสำเร็จแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมายาวๆ
หรงซิวเดินมายืนอยู่ที่ข้างกายนาง
“เยว่เออร์”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองหน้าเขา ก่อนจะเห็นว่าดวงตาของเขาล้ำลึก ภายในนั้นมีความปวดใจและอ่อนโยนแฝงอยู่ นางจึงยกยิ้มขึ้น
ตอนนี้สัญลักษณ์นั้นค่อยๆ จางหายไปแล้ว
ตอนที่นางทะลวงด่านสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ ลำแสงส่องสว่างเจิดจ้า ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นสัญลักษณ์นี้
“มีแต่เพียงถวนจื่อและจื่อเฉินเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส น่าจะต้องพักรักษาตัวสักระยะหนึ่งถึงจะหายดี”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หัวคิ้วของนางก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย
จื่อเฉินบาดเจ็บภายนอกเป็นจำนวนมาก กระดูกหักหลายจุด เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หัวใจของนางยังคงสั่นสะท้าน
ความแข็งแกร่งของอินทรีสามตาในบรรดาอสูรศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันก็อยู่ในระดับสูง ยิ่งไปกว่านั้นภายในร่างกายของจื่อเฉินยังมีกระดูกไท่ซวีเฟิ่งหลงด้วย ทั้งนี้เขายังมีพลังแห่งสายเลือดของโหมวเจินอยู่ครึ่งหนึ่ง ซึ่งเขาต้องเหนือกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปแน่นอน
แม้กระทั่งเขายังบาดเจ็บจนอยู่ในสภาพเช่นนี้ จินตนาการออกได้ไม่ยากเลยว่าก่อนหน้านี้เขาไปเจอเรื่องแบบไหนมา
นอกจากนี้นางยังรู้สึกเป็นห่วงถวนจื่อมาก
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องบาดแผลภายในร่างกาย ปัญหาสำคัญของถวนจื่อก็คือ นางถูกบีบบังคับให้เปิดเส้นชีพจรเส้นที่หก
ต่อให้จะเป็นการยกระดับความแข็งแกร่งของนาง แต่อย่างใดก็ตามการดึงต้นกล้าให้โต* เป็นเรื่องร้ายมากกว่าเรื่องดี
เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอันใดจากถวนจื่อกันแน่?
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกมึนงงไม่เข้าใจ
ถวนจื่อเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของนาง หากอีกฝ่ายอยากจะทรมานถวนจื่อหรืออยากจะฆ่านาง วิธีการก็มีตั้งมากมาย แต่เหตุใดต้องเลือกวิธีนี้?
น่าเสียดายที่ตอนนี้นางไม่มีโอกาสไปถามคำถามนี้
อีกทั้งต่อให้นางถาม อีกฝ่ายก็ไม่น่าจะตอบ
หรงซิวมองนางด้วยแววตาลึกซึ้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“อย่าลืมล่ะ ตัวเจ้าเองก็บาดเจ็บเหมือนกัน”
นางเอาแต่เป็นห่วงถวนจื่อและจื่อเฉิน แต่กลับลืมไปว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองเพิ่งทะลวงด่านเทพศักดิ์สิทธิ์
ตอนนี้ทุกคนอาจจะมองมาที่นางด้วยสายตาอิจฉา แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถอดทนฉีกเส้นชีพจรทั่วร่างกาย ความทรมานของการทะลวงด่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะมีสักกี่คนที่สามารถอดทนต่อไปได้?
เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อเวลาและโอกาสมาถึงก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตา แล้ววางมือบนกลางฝ่ามือของเขา ก่อนจะใช้นิ้วเกี่ยวกันเบาๆ
“ข้ารู้”
น้ำเสียงออดอ้อน อีกทั้งยังเป็นความออดอ้อนที่หาได้ยาก
นางรู้จักหรงซิวเป็นอย่างดี
แม้ว่าตอนนี้เขาจะดูไม่ได้แตกต่างจากเมื่อก่อนเลย แต่จากคำพูดเมื่อครู่นี้ นางก็สามารถจับอารมณ์ของเขาได้อย่างชัดเจน
“ครั้งนี้ข้าไม่มีทางเลือกนี่นา…”
หัวใจของหรงซิวกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะกุมมือของนางเอาไว้ น้ำเสียงทุ้มต่ำลง
“อย่าเล่น”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มจนตาหยี
หากในอีกมุมหนึ่ง ผู้ชายของเขาก็ปลอบประโลมได้ง่ายมาก
หรงซิวชะงักไปเล็กน้อยแล้วถามว่า “ไม่ไปดูทางนั้นหน่อยหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า
บางทีตอนนี้อาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
เรื่องนี้เขากับนางสามารถเข้าใจกันเองได้ในทันที
นางเงยหน้ามองท้องฟ้า
ตอนนี้สุดขอบฟ้ามีแสงสีขาวปรากฏขึ้นมาแล้ว ฟ้าสางแล้ว
“พวกเราเองก็ควรจะกลับได้แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่พูด
…
เมื่อได้ยินว่าฉู่หลิวเยว่ต้องการจะกลับ คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อคิดอย่างละเอียดแล้ว พระราชวังที่เป็นภาพมายาก็พังทลายไปแล้ว เหมือนว่าพวกเขาไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป
*ดึงต้นกล้าให้โต หมายถึง การพยายามฝืนกฎเกณฑ์ธรรมชาติ หรือการรีบร้อนเร่งให้งานใดๆ สำเร็จ โดยใช้วิธีที่ผิด จนก่อให้เกิดผลเสียหายตามมา
………………..