ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2144 ขอความช่วยเหลือ
ตอนที่ 2144 ขอความช่วยเหลือ
………………..
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกใจไปในทันที!
เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นของที่หายากมาก กว่าจะได้มาสักเม็ดก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่คิดไม่ถึงเลยว่า นางจะมีคู่หนึ่ง!
เมื่อเห็นเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่หน้าตาเหมือนกันอยู่ในมือของนางกับหรงซิว พวกเขาก็รู้สึกตกใจมากจนพูดอันใดไม่ออก
ชายคนนั้นหน้าซีดขาวไปในทันที
เขาควบคุมเพียงแค่เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์เมล็ดเดียว!
เดิมทีเขาก็คิดว่าเพียงเท่านี้จะสามารถแย่งอำนาจจากฉู่หลิวเยว่ได้แล้ว อีกทั้งยังสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย แต่ใครจะรู้เล่าว่าฉู่หลิวเยว่จะมีแผนสำรองเช่นนี้!
ชายคนนั้นพยายามทดลองอีกครั้ง จากนั้นเขาก็พบว่า เขาไม่สามารถดูดกลืนพลังจากเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์เมล็ดนั้นได้แล้ว แต่ในทางกลับกันพลังปราณดั้งเดิมที่อยู่ภายในร่างกายของเขาเริ่มพวยพุ่งไปทางเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่สามารถควบคุมได้!
พลังรอบกายเขาลดลงอย่างรวดเร็ว!
ในที่สุดตอนนี้เขาก็ตื่นตระหนกแล้ว
ตอนนั้นเขาก็สามารถตระหนักขึ้นได้ว่า ‘ไม่ว่าจะใช้วิธีใดในการควบคุมเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถเอาชนะแฝดของมันได้เลย!’
ฉู่หลิวเยว่หลุบตาต่ำมองเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์
ความจริงแล้วนางไม่เคยปกปิดเรื่องที่นางมีเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์สองเม็ดเลย เพียงแต่ทุกครั้งที่นางเอาออกมาใช้ นางเอาออกมาแค่ทีละเมล็ด
เมล็ดทั้งสองเป็นแฝดกัน ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด อีกทั้งยังสามารถดึงพลังของทั้งสองเมล็ดไปมาได้อย่างอิสระ
ดังนั้นนางจึงไม่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทุกครั้งที่นำออกมาก็ใช้เพียงเมล็ดเดียวก็เพียงพอแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเพราะความไม่รอบคอบของนางในครั้งนี้ จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้
ฉู่หลิวเยว่เขย่าเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ในมือไปมา
พรึ่บ…
ใบหน้าของเขาซีดขาว แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง ความเย่อหยิ่งที่เคยมีจางหายไปแล้ว
เขาโคจรพลังภายในร่างกายของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะโจมตีกรงที่กักขังเขาอย่างรุนแรง
หรงซิวสามารถจับกุมเขาได้ภายในชั่วพริบตา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้เลย?
ด้วยวิธีเช่นนี้ พลังภายในร่างกายของเขาจึงหายไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย เปลวเพลิงสีทองที่อยู่ปลายนิ้วลุกโชนขึ้น!
พรึ่บ!
ร่างกายของชายคนนั้นมีบาดแผลระเบิดขึ้น
กรงขังสีทองนั้นบีบรัดแน่นขึ้น ขนาดหดเล็กลง
ชายคนนั้นเลิกดิ้นรน ความเจ็บปวดแผ่กระจายทั่วร่าง ตอนนี้เขาอยู่ไม่สู้ตาย!
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองทางชือรุ่ยเออร์
“ตอนนี้เป็นอย่างใดบ้าง?”
นางถามถึงพลังที่อีกฝ่ายขโมยจากพวกเขาไป
ชือรุ่ยเออร์รีบพยักหน้า
“สบายดีมาก! เหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วย!”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
“แม้ว่าฐานะของหลินเจียงจะเป็นตัวปลอม แต่เขาอยู่ในระดับเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นของจริง หลังจากถูกทรมานทุกคนก็สมควรได้รับส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย ถือว่าเป็นการชดเชยให้แก่ทุกคน ท้ายที่สุดแล้วนี่ก็เป็นเรื่องในความดูแลของข้า”
ทุกคนได้ยินดังนั้นก็เงียบเสียงไป
แม้กระทั่งชือรุ่ยเออร์ยังอดยิ้มมุมปากไม่ได้
คำพูดนี้…ช่างเหมือน…
นางมองไปทางชายคนนั้นที่ถูกขังอยู่ในกรงด้วยความเห็นอกเห็นใจ
ชือรุ่ยเออร์สาวเท้าขึ้นมาหนึ่งก้าว เขาจ้องมองไปทางชายคนนั้นแล้วถามว่า
“ข้าจะถามอีกครั้ง ใครเป็นคนส่งเจ้ามา?”
…
ในขณะเดียวกัน ยอดเขาหมัวหยา
เขาด้านหลังตระกูลอี้ ที่แห่งนั้นคือที่ต้องห้ามของตระกูลอี้ ปกติแล้วจะมีคนมาที่นี่น้อยมาก
แต่ในตอนนี้ บนยอดเขามีเงาร่างชายรูปร่างสูงใหญ่กำลังยืนเอามือไพล่หลังอยู่
คนผู้นั้นคือ จวินจิ่วชิง
ด้านหน้าของเขาคือ แม่น้ำสีเขียวดำที่ปั่นป่วน
ส่วนด้านหลังของเขามีชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่… คนผู้นั้นคือ เว่ยเจ๋อ ประมุขตระกูลเว่ย!
ทั้งสองคนต่างไม่พูดไม่จา
เว่ยเจ๋อเงยหน้าขึ้นไปมองจวินจิ่วชิงเป็นครั้งคราว สีหน้าเต็มไปด้วยความลังเล
เขามาถึงที่นี่ประมาณครึ่งชั่วยามแล้ว แต่จวินจิ่วชิงกลับไม่ได้พูดอันใดสักคำ ไม่แม้จะหันมามองสบตาเขาด้วย
หากเป็นคนอื่น เขาไม่มีทางให้เกียรติขนาดนี้แน่นอน ไม่ว่าอย่างใดเขาก็เป็นประมุขตระกูลเว่ย ตระกูลอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรเสิ่นซวี่ ในแง่สถานะและตำแหน่งเขาไม่มีทางด้อยกว่าใครแน่นอน
แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าจวินจิ่วชิง ความภาคภูมิใจของเขาถูกลดทอนลงไปไม่น้อย
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ตระกูลอี้มีระดับสูงกว่าตระกูลของเขาหนึ่งขั้น แม้ว่าก่อนหน้านี้ตระกูลอี้จะเจอเรื่องราวถาโถมมาไม่น้อย แต่อูฐใกล้ตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า เขาไม่ควรมองข้ามตระกูลอี้ในตอนนี้ แล้วอีกอย่างจวินจิ่วชิงเป็นคนลากอี้เหวินเทาลงมาจากบัลลังก์ได้ ทั้งนี้เขายังสามารถควบคุมตระกูลอี้ภายในมือได้อย่างรวดเร็ว เท่านี้ก็เป็นข้อพิสูจน์ตัวเขา
ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นเพราะเขาเคยติดหนี้บุญคุณจวินจิ่วชิงมาก่อน
“ประมุขอี้ ทางด้าน…”
เขาไม่สามารถรอต่อไปอีกได้แล้ว เว่ยเจ๋อจึงพูดขึ้นมาว่า
แต่เขายังไม่ทันพูดจบ จวินจิ่วชิงก็ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เขาเงียบก่อน
เว่ยเจ๋อจึงได้แต่ต้องกลืนคำพูดที่เหลือลงคอ
พรึ่บ!
คำรามดังก้องมาจากระยะไกล
เว่ยเจ๋อเงยหน้าขึ้นไปมอง ตอนนั้นเขาเห็นสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายอินทรีคล้ายแร้งบินมาทางนี้
สัตว์อสูรตัวนั้นขยายปีกขึ้น ร่างกายของมันแข็งแรง และพุ่งตัวมาอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่ามันจะผ่านไปที่ใด รอยแยกของมิติสีดำบนท้องฟ้าก็ติดตามมา
จวินจิ่วชิงยกมือขึ้น สัตว์อสูรตัวนั้นบินมาที่ด้านข้างของเขา แล้วเกาะที่แขนของเขาแน่น
เว่ยเจ๋อกวาดสายตามองอย่างละเอียด
ลูกครึ่งแร้งวิเศษ
นี่คืออสูรศักดิ์สิทธิ์ที่โหดเหี้ยมและดุร้ายมาก ทุกครั้งที่มันสามารถเอาชนะศัตรูได้ มันจะกินซากศพของอีกฝ่าย
ซึ่งนี่เป็นวิธีที่โหดเหี้ยมมาก
จวินจิ่วชิงมองมันครู่หนึ่ง คิ้วของเขาเลิกขึ้นและเผยรอยยิ้มหลายส่วน
“กินอร่อยหรือไม่?”
แกว๊ก!
ลูกครึ่งแร้งวิเศษกระพือปีกกรีดร้อง เห็นได้ชัดว่ามันมีความสุขมาก
นี่คือสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของจวินจิ่วชิง
อสูรในพันธสัญญาตัวก่อนหน้านี้ของเขาตายด้วยกรงเล็บของลูกครึ่งแร้งวิเศษไปแล้ว อีกทั้งยังเก็บกินเศษซากได้หมดจด
ซึ่งตัวนี้เหมาะสมกับเขามากกว่า
ลูกครึ่งแร้งวิเศษหันศีรษะไปมองทางเว่ยเจ๋อ
แววตาที่ดุร้ายสำรวจอีกฝ่ายด้วยความละโมบอย่างปิดบังไม่มิด
ปุ่มที่ 1 ใน 4 สารบัญ
ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป
ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า
ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น
เหมือนกับว่าเว่ยเจ๋อเป็นอาหารของมันก็ไม่ปาน!
หัวใจของเว่ยเจ๋อรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างรุนแรง
เขารู้ดีว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ธรรมดา แต่สายตาที่เต็มไปด้วยการคุกคามแบบนี้ ทำให้คนรู้สึกเสียวสันหลังมาก…
ในที่สุดจวินจิ่วชิงก็หันกลับมา เขามองเว่ยเจ๋อด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ประมุขเว่ย เหมือนว่ามันจะชอบเจ้ามากทีเดียว”
เหงื่อเย็นๆ ของเว่ยเจ๋อไหลท่วมหลัง
นี่เหมือนไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ
แต่เขาก็ยังฝืนยิ้มออกมา ก่อนประสานมือแล้วพูดว่า
“อสูรศักดิ์สิทธิ์ของประมุขอี้นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ”
จวินจิ่วชิงยิ้มออกมา แล้วหวีขนให้แก่ลูกครึ่งแร้งวิเศษ พร้อมถามว่า
“เมื่อครู่นี้เจ้าพูดว่าลูกชายของเจ้าเหตุใดนะ?”
ในที่สุดก็เข้าประเด็นได้เสียที
เว่ยเจ๋อรีบพูดขึ้นมาว่า
“เรื่องมันยาวขอรับ ตั้งแต่ในป่าศิลารวน เพื่อการแข่งขันแย่งชิงที่หนึ่งกับซั่งกวนเยว่ เขาจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้แทบจะเอาชีวิตไม่รอด แล้วยังไม่สามารถรักษาได้ ไม่ทราบว่าประมุขอี้มีหนทางช่วยเหลือหรือไม่?”