ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2147 ยังดีที่ไม่ใช่นาง
ตอนที่ 2147 ยังดีที่ไม่ใช่นาง
………………..
เดิมทีถวนจื่อมีใบหน้าเจ้าเนื้อ แต่หลังจากผ่านการทรมาน นางจึงซูบผอมลงไปไม่น้อย เห็นแล้วทำให้คนรู้สึกปวดใจมาก
ตอนนี้นางเงยหน้าขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความกังวล
ฉู่หลิวเยว่อุ้มนางขึ้นมาแล้วลูบใบหน้าของนางเบาๆ
“ถวนจื่อวางใจเถอะ จื่อเฉินไม่เป็นอันใด”
แขนทั้งสองข้างของถวนจื่อโอบคอนางเอาไว้ คิ้วเล็กๆ ยังคงขมวดแน่น
“แต่ว่า… เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก…”
ฉู่หลิวเยว่ลอบถอนหายใจออกมา
ถวนจื่อฉลาดมาก คำพูดที่คลุมเครือแบบนี้ไม่สามารถปลอบโยนนางได้เลย
นางหอมแก้มถวนจื่อ แล้วปลอบโยนอย่างอดทนว่า
“ถวนจื่อ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้พวกเรากลับมาแล้ว ขอเพียงแค่พักรักษาตัวให้ดี แล้วทุกอย่างจะดีเอง เจ้าไม่เชื่อใจอาเยว่อย่างนั้นหรือ?”
ถวนจื่อส่ายหน้าแล้วซบลงเข้าที่ไหล่ของนาง จากนั้นก็พึมพำเสียงเบา
“ถวนจื่อเชื่อใจอาเยว่มากที่สุด”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่อ่อนยวบ นางหันไปพูดกับอี้เจาที่อยู่ด้านข้างว่า
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปนั่งอยู่กับท่านปู่ประมุขก่อนดีหรือไม่?”
ถวนจื่อรู้ว่านางจะต้องไปช่วยดูบาดแผลของจื่อเฉิน ดังนั้นนางจึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“ได้”
หรงซิวยืนอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นั้น ไม่รู้ว่าเขาคิดอันใดอยู่ ภายในแววตาของเขาจึงมีแสงสว่างวาบ คิ้วที่ขมวดก็อ่อนลงหลายส่วน
ฉู่หลิวเยว่ไม่ทันได้สังเกต นางหมุนตัวแล้วส่งถวนจื่อให้แก่อี้เจา
เขาหลุบสายตาลงต่ำเล็กน้อย เมื่อเห็นคราบเลือดที่แห้งกรังบนร่างกายของถวนจื่อ หัวใจของเขาก็มีความโกรธและจิตสังหารพวยพุ่ง
แต่เขากลัวว่าจะทำให้ถวนจื่อตกใจ ดังนั้นจึงต้องระงับโทสะลงไป หลังจากสังหารเนี่ยหงเจี่ยและลูกสาวแล้ว ความแค้นของเขาก็ยังไม่จางหายไป!
หลังจากนี้หากมีโอกาส เขาจะต้องตามหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนนั้น และทำให้มันต้องชดใช้ความทุกข์ทรมานของถวนจื่อเป็นร้อยเท่าพันเท่า!
ทันใดนั้นเองมือนุ่มนิ่มก็แตะลงที่หน้าผากของเขา
“ท่านปู่ประมุข อย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ ถวนจื่อก็สบายดีแล้วไม่ใช่หรือไง?”
แม้อี้เจาจะไม่ได้พูดอันใด แต่นางก็รู้ว่า เขากำลังรู้สึกปวดใจมากและยังคงโกรธแค้นเพราะเรื่องก่อนหน้านี้
ทันใดนั้นอี้เจาก็รู้สึกว่าหัวใจอ่อนยวบ
เขาจับมือเล็กๆ ของถวนจื่อแล้วพยักหน้า
“ได้ ข้าจะเชื่อฟังถวนจื่อนะ”
ในตอนนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็ใช้จิตอัญเชิญจื่อเฉินออกมา
ดูแล้วเหมือนว่าสถานการณ์ของจื่อเฉินจะย่ำแย่อย่างมาก
หากจะบอกว่า เขาฟกช้ำทั้งร่างกายก็ไม่ได้เป็นคำพูดที่เกินไปนัก
แม้ก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่จะรักษาอาการบาดเจ็บให้เขาแล้ว แต่เป็นเพราะว่าอาการบาดเจ็บของเขานั้นสาหัสเกินไป
โดยเฉพาะบาดแผลที่ทะลุกระดูก!
จื่อเฉินเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังมีสายเลือดของไท่ซวีเฟิ่งหลงไหลเวียนอยู่ครึ่งหนึ่ง ตามหลักการและร่างกายของเขาจะต้องแข็งแกร่งมาก
ต่อให้ต่อสู้กับระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาก็ไม่มีทางบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้
เห็นได้ว่าฝีมือของคู่ต่อสู้นั้นแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังลงมือกับเขาได้อย่างโหดเหี้ยม!
ฉู่หลิวเยว่ระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านภายในใจ กลางฝ่ามือของนางมีมีดสั้นเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น
นางเดินเข้าไปแล้วกรีดเสื้อผ้าของจื่อเฉินออกเผยให้เห็นบาดแผลที่ทะลุกระดูกนั้น
ความจริงแล้วในรอบหลายปีที่ผ่านมานี้ นางเคยเห็นฉากนองเลือดที่น่ากลัวแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่เมื่อมาเห็นบาดแผลของจื่อเฉิน นางไม่สามารถควบคุมความโกรธและความรู้สึกปวดใจของตัวเองได้
ข้อมือทั้งสองข้างของจื่อเฉินก็มีบาดแผลเหมือนกัน
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามว่า
“นี่เป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นจากการพยายามหนีของของสิ่งนั้นใช่หรือไม่?”
จื่อเฉินยังคงมีใบหน้าเย็นชาทว่าซีดเผือด
เขาพยักหน้าเล็กน้อย แม้น้ำเสียงจะอ่อนแรง แต่ก็ยังคงความสงบและเย็นยะเยือกเอาไว้ได้
“ข้ายังแข็งแกร่งไม่พอ นี่จึงเป็นวิธีเดียวที่สามารถหนีรอดออกมาได้”
เขาพยายามหักโซ่ตรวนนั้นแล้ว และพยายามลองหลายวิธี แต่ก็ไม่มีวิธีไหนที่ได้ผลเลย ดังนั้นจึงเหลือแค่วิธีนี้เท่านั้น
ก้อนเนื้อที่หน้าอกของฉู่หลิวเยว่บีบรัดแน่น
“ข้าประมาทเกินไป ตอนนั้นข้าไม่ควรให้พวกเจ้าออกมา”
ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องเหล่านี้ นางก็เอาแต่คิดว่า หากตอนนั้นนางระมัดระวังมากกว่านี้ ไม่ยอมปล่อยให้ถวนจื่อและจื่อเฉินออกมา บางทีก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
จื่อเฉินส่ายหน้า
“ตอนนั้นเสวี่ยเสวี่ยก็อยู่กับพวกเราด้วย แต่เป็นเพราะจุดหมายของมัน พวกเราก็เลย…”
“ไม่ใช่นะ”
ถวนจื่อพูดขึ้นมาทันที ดวงตาของนางแดงก่ำ
“ข้ารู้ เป็นเพราะข้าเอง”
น้ำเสียงของนางสะอึกสะอื้น
“เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง! ถ้าในตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะข้าเอาแต่วอแวให้จื่อเฉินมาต่อสู้ เขาก็คงไม่ถูกข้าลากลงไปด้วย…”
เมื่อพูดจบน้ำตาเม็ดใหญ่ก็ไหลร่วงลงมาอย่างอดกลั้นไม่อยู่
เขาไม่เคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน ดังนั้นมือไม้จึงพันกันไม่รู้จะจัดการอย่างใด
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
“ถวนจื่อ นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”
หากพูดตามตรงแล้ว เป้าหมายของดวงตาดวงนั้นก็คือนาง!
ส่วนถวนจื่อ น่าจะเป็นเป้าหมายต่อไปของมัน
น้ำตาของถวนจื่อไหลรินอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของเธอแดงก่ำ เมื่อมองไปยังบาดแผลที่แขนของจื่อเฉิน นางก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม
“เป็นเพราะข้าเอง! เดิมทีก็อยู่ดีๆ อยู่แล้ว เขาได้รับบาดเจ็บก็เพราะช่วยเหลือข้า…ข้ามันไม่ดีเอง…”
ก่อนหน้านี้เส้นประสาทของนางอยู่ในสภาวะตึงเครียด นางจึงไม่มีเวลามาคิดอันใดมากขนาดนั้น
แต่ตอนนี้เรื่องทุกอย่างได้จบลงแล้ว เมื่อเห็นบาดแผลของจื่อเฉิน นางก็นึกถึงภาพเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง ทำให้ความรู้สึกผิดและโทษตัวเองเพิ่มสูงขึ้นมาทันที
“จื่อเฉิน…ขอโทษนะ ข้าขอโทษ…”
ถวนจื่อร้องไห้หนักมากจนแทบหายใจไม่ออก เหมือนกับความรู้สึกเจ็บปวด คับข้องใจ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ระบายออกมาทั้งหมดแล้ว
นางร้องไห้สะอึกสะอื้น อี้เจารู้สึกปวดใจจนไม่รู้จะทำอย่างใดดี จากนั้นเขาจึงหันไปมองทางฉู่หลิวเยว่อย่างขอความช่วยเหลือ
“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว”
จื่อเฉินพูดขึ้นอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเขายังคงเย็นชาเช่นเดิม แต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยนลงหลายส่วน
ทันใดนั้นถวนจื่อก็กระโดดลงจากอ้อมกอดของอี้เจา นางวิ่งไปที่ด้านหน้าของจื่อเฉิน
“จื่อเฉิน หรือว่าเจ้าจะตีข้าก็ได้!”
ถวนจื่อพูดไป เช็ดน้ำตาไป แต่ไม่ว่าจะทำอย่างใดน้ำตาก็ไม่เหือดแห้งสักที
นางมองไปที่คราบเลือดบนไหล่และข้อมือของจื่อเฉิน หัวใจของนางก็รู้สึกเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้า เจ้าก็ไม่ต้องมาบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้”
“เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอันใดกับเจ้าเลย ตอนที่มันขังข้าไว้มันก็ตรึงข้อมือของข้าด้วยโซ่แล้ว”
จื่อเฉินส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร แบบนี้ดีแล้ว”
เขาหันไปมองข้อมือของถวนจื่อ
บางทีเพื่อช่วยถวนจื่อเปิดเส้นชีพจร อีกฝ่ายจึงไม่ได้ใช้วิธีการแบบเดียวกับเขาจัดการถวนจื่อ แต่กลับตรึงนางด้วยห่วงโซ่ธรรมดาเท่านั้น
โชคดีที่เขาเป็นฝ่ายถูกตรึงทะลุกระดูกแทน และยังเหลือโอกาสในการหลบหนี
ยังดีที่ไม่ใช่นาง