ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2148 ดูแล
ตอนที่ 2148 ดูแล
………………..
ฉู่หลิวเยว่หันมองทางถวนจื่อ
“ถวนจื่อ เจ้าถอยออกไปก่อน ข้าจะช่วยดูบาดแผลให้จื่อเฉิน”
ถวนจื่อเม้มริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นก็ขยับเท้าเล็กๆ ออกอย่างไม่เต็มใจ มือเล็กสองข้างยังคงจับอยู่ที่ข้างเตียง
ฉู่หลิวเยว่มองอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
เมื่อเห็นถวนจื่อร้องไห้สะอึกสะอื้น นางน่าจะรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์เหล่านี้อย่างมาก
หากอาการบาดเจ็บของจื่อเฉินยังไม่หายดี นางก็ไม่สามารถวางใจได้
ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่หันไปสนใจนางอีกแล้ว จากนั้นก็หันไปมองทางจื่อเฉิน
“อีกเดี๋ยวมันอาจจะเจ็บหน่อยนะ เจ้าอดทนหน่อยก็แล้วกัน”
จื่อเฉินละสายตาออกจากใบหน้าของถวนจื่อ จากนั้นก็พยักหน้า
ฉู่หลิวเยว่มองไปทางไหล่ซ้ายของเขา สีหน้าตึงเครียดขึ้นหลายส่วน
ตึง!
เพลิงกรรมสีโปร่งใสและเปลวเพลิงสีทองคำชาดผสานกันและปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของนาง!
ความร้อนที่แผดเผาทำให้อุณหภูมิภายในห้องเพิ่มสูงขึ้นหลายองศา
จากนั้นนางก็ค่อยๆ ทาบฝ่ามือลงไปที่บาดแผลใกล้บริเวณไหล่ซ้ายของเขา
ภายใต้ความร้อนที่ลุกโชน ทำให้คราบเลือดที่แห้งกรังนั้นระเหยออกไป เผยให้เห็นบาดแผลที่แท้จริงของเขา
ฉู่หลิวเยว่จับมีดด้วยมืออีกข้างหนึ่ง แล้ววางลงบนเปลวเพลิงเหล่านั้น
มีดเล่มนี้ยังคงเป็นมีดที่หรงซิวเคยมอบให้นางก่อนหน้านี้ มันบางราวปีกจักจั่น และคมกริบมาก
มันไม่เหมือนกับมีดทั่วไป เมื่อวางมีดเล่มนี้ลงบนเปลวเพลิง คาดไม่ถึงว่ามีดเล่มนี้จะไม่ได้กลายเป็นสีแดง แต่มันกลับสว่างกระจ่างใสเช่นเดิม
หลังจากผ่านไปสักพัก ฉู่หลิวเยว่ก็จับมีดเล่มนี้แล้วกรีดลงไปที่บาดแผลที่ไหล่ซ้ายของจื่อเฉิน
ขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังทำแผลอยู่นั้น ทันใดนั้นนางก็พบว่าจื่อเฉินกำลังมองไปที่ถวนจื่อ
“หันออกไป”
จื่อเฉินพูดกับอีกฝ่าย
ถวนจื่อตอบทันทีว่า “ข้าไม่!”
ใช่ว่านางจะไม่เคยเห็นภาพเหล่านี้ แล้วอีกอย่างจื่อเฉินบาดเจ็บเพราะนาง ถ้านางจะมองแล้วมันจะเป็นอันใดไป?
จื่อเฉินขมวดคิ้วแน่น
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
เหมือนรู้สึกได้ถึงรอยยิ้มของนาง จื่อเฉินจึงชะงักไปแล้วหลุบตาลงต่ำ
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็อธิบายออกมาว่า
“นางยังเด็กนัก”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเห็นด้วย
ใช่แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับจื่อเฉินที่มีอายุหลายพันปี ถวนจื่อก็นับว่าเด็กมากจริงๆ
แม้อีกฝ่ายจะติดตามนางมาหลายปี ผ่านเหตุการณ์ความเป็นความตายมานับไม่ถ้วน แต่ภาพเหล่านี้อาจจะทำให้ถวนจื่อตกใจได้จริงๆ
จื่อเฉินเป็นสัตว์อสูรในพันธสัญญาของฉู่หลิวเยว่ เขาจึงรู้ว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ เดิมทีเขาอยากจะแก้ตัวสักเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ ก่อนหลับตาลง
“เริ่มเลยเถอะ”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะอยู่ภายในใจ นางยังคงขยับไปด้านข้างเพื่อบดบังสายตาของถวนจื่อ
“เอ๋…”
ถวนจื่อตั้งใจจะมองอย่างละเอียด แต่สุดท้ายเมื่อถูกฉู่หลิวเยว่บังอย่างนี้ ทำให้นางมองไม่เห็นอันใดเลย
เดิมทีนางอยากจะเปลี่ยนตำแหน่งยืน แต่ก็กลัวว่ามันจะกลายเป็นการรบกวนฉู่หลิวเยว่ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยืนอยู่ที่เดิมอย่างเชื่อฟัง และชะโงกหน้ารอคอย
ยังดีที่ฉู่หลิวเยว่จัดการได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังหมดจดงดงามมาก หลังจากผ่านไปสักพักบาดแผลบนไหล่ซ้ายของจื่อเฉินก็ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว
นางหยิบขวดหยกสองขวดออกมาจากแหวนเฉียนคุน ส่วนหนึ่งเป็นยารักษาบาดแผลแบบผง ส่วนอีกขวดหนึ่งเป็นโอสถชำระจิตที่ใช้กับพลังภายใน
นางป้อนยาชำระจิตให้กับจื่อเฉินหนึ่งเม็ด จากนั้นก็เริ่มใช้ยา
เมื่อนางโรยผงยาเหล่านั้นลงที่บาดแผล ริมฝีปากของจื่อเฉินก็ซีดขาว ร่างกายของเขาตึงเกร็งขึ้นมาทันที
โอสถเหล่านี้ฉู่หลิวเยว่เป็นคนหลอมขึ้นมาเอง ประสิทธิภาพดีมาก แต่มันก็เจ็บมากเช่นกัน
นางเร่งมือรักษา เมื่อโรยผงยาเสร็จแล้วนางก็เอาผ้ามาพันแผลเอาไว้
หลังจากจัดการบาดแผลบนไหล่แล้ว นางก็หันมาดูบาดแผลที่ข้อมือทั้งสองข้าง
โชคดีที่บาดแผลที่ข้อมือไม่ได้ร้ายแรงเท่าบริเวณหัวไหล่
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อนางรักษาเสร็จหมดทุกอย่าง เสื้อผ้าของจื่อเฉินก็เปียกโชกไปด้วยเม็ดเหงื่อ
เห็นได้ชัดว่าขั้นตอนเหล่านี้เจ็บมาก
ฉู่หลิวเยว่วางยาทั้งสองขวดลงที่ข้างเตียง
“ต้องเปลี่ยนยาวันละหนึ่งครั้ง ส่วนยาชำระจิตนี้กินสองวันครั้ง หลังจากผ่านไปสิบวันอาการก็น่าจะดีขึ้นมากแล้ว ช่วงนี้เจ้าก็พักรักษาตัวนอนอยู่บนเตียงไปก่อน”
จื่อเฉินพูดขึ้นว่า
“ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนั้น”
ฉู่หลิวเยว่กุมหน้าผากของตัวเองอย่างจนปัญญา
เดิมทีนิสัยของจื่อเฉินก็เป็นเช่นนี้ จะให้เขานอนอยู่บนเตียงเป็นคนป่วยทั้งวันแบบนั้น เขาคงไม่ยินยอมแน่
แม้ว่าเขาจะเป็นคนป่วยจริงๆ ก็ตาม
นางหันไปมองทางถวนจื่อ
“ถวนจื่อ เจ้าช่วยดูแลจื่อเฉินหน่อยแล้วกัน”
“เอ๋!”
หลังจากได้รับภารกิจนี้มา ถวนจื่อก็พยักหน้าอย่างแรง
เดิมทีนางก็รู้สึกผิดที่จื่อเฉินได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเหลือนางอยู่แล้ว ตอนนี้นางมีโอกาสได้ชดเชยมัน ดังนั้นนางจึงรู้สึกดีใจมาก และคว้าโอกาสนี้ไว้ทันที
จื่อเฉินขมวดคิ้วแน่นแล้วหันไปมองทางฉู่หลิวเยว่
“ข้าไม่ต้อง…”
“ตกลงตามนี้”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ทิ้งโอกาสให้จื่อเฉินได้โต้แย้ง นางรีบตัดสินใจเรื่องนี้โดยทันที จากนั้นก็หันไปกวักมือเรียกถวนจื่อที่กำลังศึกษาขวดยาทั้งสองขนานที่หัวเตียง
“ถวนจื่อ เจ้ามานี่ก่อนสิ แล้วค่อยกลับมา”
“หา? อื้อ ได้สิ”
ถวนจื่อไม่ได้สงสัยอันใดแล้วเดินตามนางไปทันที
ฉู่หลิวเยว่อุ้มนางขึ้นแล้วเดินออกจากประตูไป
อี้เจากับหรงซิวก็เดินติดตามไปด้วย
พวกเขาเดินมาอีกห้องหนึ่งภายในเรือน
หลังจากเข้ามาแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็วางถวนจื่อลงบนเตียง
ถวนจื่อมองนางด้วยสีหน้ามึนงง
“อาเยว่?”
“ถวนจื่อไม่ต้องกังวล ข้ากับท่านปู่ประมุขจะขอดูหน่อยว่าหลังจากที่เจ้าเปิดเส้นชีพจรที่หกไปแล้วมันจะเป็นอย่างใดบ้าง”
หลังจากถวนจื่อได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ก่อนยื่นมือเล็กๆ ออกมา
“อาเยว่ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นอันใด!”
ฉู่หลิวเยว่นั่งลงที่ข้างเตียง จากนั้นก็จับเส้นชีพจรบนข้อมือของนาง
นางแยกพลังปราณดั้งเดิมสายหนึ่ง แล้วสำรวจไปตามเส้นชีพจรภายในร่างกายของถวนจื่อ
หลังจากจะผ่านไปสักพัก นางก็ถอนมือกลับมา ใบหน้าของนางไม่ได้แสดงอารมณ์อันใดเลย
เปลวเพลิงสีแดงสายหนึ่งหลุดออกมาจากปลายนิ้วของเขา จากนั้นค่อยๆ ทะลวงผ่านร่างกายของ
ถวนจื่อ
ฉู่หลิวเยว่สามารถมองเห็นสถานการณ์ของเปลวไฟที่อยู่ภายใต้ผิวหนังถวนจื่อได้อย่างชัดเจน
สีหน้าของถวนจื่อยังดูปกติ ระหว่างนั้นนางยังหัวเราะออกมาหลายครั้งเพราะรู้สึกจั๊กจี้
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งนาที อี้เจาก็ถอดเปลวเพลิงออกมา
ฉู่หลิวเยว่หันไปสบสายตาเขาแล้วถามขึ้นว่า
“ผู้อาวุโสอี้เจา ไม่ทราบว่าท่านมีความคิดเห็นอย่างใดบ้าง?”
อี้เจามีสีหน้ามืดครึ้ม
“สภาพร่างกายของถวนจื่อในปัจจุบันนี้นับว่าใช้ได้ ไม่ได้บาดเจ็บอันใด แต่… เพราะก่อนหน้านี้ได้ฝืนเปิดเส้นชีพจร ดังนั้นจึงส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเส้นลมปราณนาง เกรงว่านางจำเป็นจะต้องพักผ่อนสักระยะหนึ่ง”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ข้าก็มีความผิดเช่นเดียวกับท่าน แต่ยังดีที่ถวนจื่อเป็นสายเลือดบริสุทธิ์ ขอเพียงแค่ให้เวลาสักหน่อย ความเสียหายเหล่านี้ก็จะถูกฟื้นฟูกลับคืนมาเช่นเดิม”
ถวนจื่อเงยหน้ามองพวกเขา
“ท่านปู่ประมุข อาเยว่ นั่นก็หมายความว่า ถวนจื่อไม่ได้เป็นอันใดใช่หรือไม่?”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน พวกเขาต่างมองเห็นความกังวลในแววตาของอีกฝ่ายได้
ร่างกายของถวนจื่อไม่ได้มีปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ที่…
………………..