ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2149 ลูกสาวสักคนก็แล้วกัน
ตอนที่ 2149 ลูกสาวสักคนก็แล้วกัน
………………..
ดวงตาดวงนั้นลักพาตัวถวนจื่อไปเพื่อช่วยนางเปิดเส้นชีพจรเท่านั้นน่ะเหรอ?
แต่ด้วยคุณสมบัติของถวนจื่อแล้ว นางสามารถเปิดเส้นชีพจรได้แน่นอน แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น แล้วเหตุใดสิ่งนั้นต้องรีบร้อนขนาดนี้?
เพียงแค่ความประมาทเล็กน้อย อาจทำลายพรสวรรค์ของถวนจื่อได้เลย
มันต้องการจะทำอันใดกันแน่?
ฉู่หลิวเยว่ลูบผมของถวนจื่อ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอบอุ่น
“ใช่แล้ว ยังดีที่ถวนจื่อของพวกเราแข็งแกร่ง”
“เป็นเพราะจื่อเฉินแข็งแกร่ง!” ถวนจื่อพูดแก้ให้ “ถ้าไม่มีเขา ข้าอาจจะต้องเปิดเส้นชีพจรที่เจ็ดแล้ว”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่จมดิ่ง
ใบหน้าของอี้เจาก็มืดครึ้มเช่นกัน
โชคดีที่พวกเขามาทันเวลา และโชคดีที่ถวนจื่อสามารถดึงสติขึ้นมาได้ก่อน
เนื่องจากพันธสัญญาร่วมชีวิต เมื่อฉู่หลิวเยว่ทะลวงสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ ถวนจื่อก็ได้รับประโยชน์มากมายเช่นเดียวกัน โดยขั้นตอนส่วนใหญ่แล้วมันจะกระทบกับการเปิดเส้นชีพจร
หากนางถูกฝืนให้เปิดเส้นชีพจรที่เจ็ดจริงๆ เกรงว่าร่างกายของนางจะได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
อี้เจาถามถึงสถานการณ์ในวันนั้นอีกครั้ง ถวนจื่อก็เล่าทุกอย่างอย่างละเอียด
“ท่านปู่ประมุข อาเยว่ ในเมื่อตอนนี้ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าไปดูแลจื่อเฉินแล้วนะ?”
ถวนจื่อพุ่งตัวเข้าไปกอดขาฉู่หลิวเยว่ แล้วเงยหน้าขึ้นถาม
ฉู่หลิวเยว่ลูบใบหน้าเล็กๆ ของนาง
“ได้”
ถวนจื่อเดินจากไปอย่างมีความสุข
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ผู้อาวุโสอี้เจาวางใจได้เลย ข้าได้สั่งให้สิบสามผู้พิทักษ์เยว่สืบเรื่องนี้อย่างลับๆ แล้ว หากพบสิ่งใดแล้ว พวกเราจะแจ้งให้ท่านทราบทันที”
อี้เจาพูดขึ้นด้วยเสียงสูงต่ำว่า “ข้าเดาว่าคนของพวกเจ้าน่าจะไม่พอ เดี๋ยวข้าจะรีบกลับไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงและระดมกำลังค้นหา ไม่ว่าอย่างใดเราก็จะต้องสืบเรื่องนี้ออกมาให้ได้”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตกใจมาก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เข้าใจความคิดของเขา
แม้อี้เจาจะไม่ชอบคลุกคลีกับเผ่ามนุษย์ ครั้งนี้เกี่ยวพันกับถวนจื่อ เขารักใคร่เอ็นดูถวนจื่อเป็นที่สุด ครั้งนี้ถวนจื่อได้รับความทุกข์ทรมาน แล้วเขาจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไปเงียบๆ ได้อย่างใด
เขาตั้งใจจะระดมคนทั้งเผ่าเพื่อแก้แค้นให้แก่ถวนจื่อ
ฉู่หลิวเยว่ประสานมือทำความเคารพ
“ขอบคุณผู้อาวุโสอี้เจามาก”
แม้สีหน้าของอี้เจาจะตึงเครียดเย็นชาเช่นเดิม
“ถวนจื่อเป็นนายน้อยของเผ่าเรา นี่เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว”
เมื่อพูดจบเขาก็ขอตัวลา
ฉู่หลิวเยว่ส่งเขาออกจากประตูไป
ร่างนั้นหายไปภายในพริบตา
หรงซิวเดินเข้ามาจากด้านหลัง
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง เมื่อสบตากับหรงซิวนางก็ชะงักตัวไปเล็กน้อย
สีหน้าเช่นนี้… แตกต่างจากปกติของเขาเล็กน้อย
ดวงตาที่ลึกล้ำคู่นั้นกำลังมองนางอยู่ เหมือนกับมีระลอกคลื่นสาดซัด อีกทั้งยังมีเสน่ห์ที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้
ฉู่หลิวเยว่ลูบใบหน้าของตัวเอง
“ใบหน้าของข้ามีอันใดติดอยู่หรือ?”
หรงซิวส่ายหน้า
“ไม่มี”
“แล้วเหตุใดถึงมองข้าเช่นนั้นล่ะ?”
หรงซิวถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ข้าแค่คิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้”
“อันใดหรือ?”
หรงซิวไม่ได้ตอบในทันที แต่กลับเดินมาตรงด้านหน้านาง เขาใช้แขนข้างหนึ่งโอบเอวคอดของนาง จากนั้นเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนกระซิบที่ข้างหูของนางว่า
“ข้าแค่กำลังคิดว่า… หากพวกเรามีลูกสาวสักคนจะต้องดีมากแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักค้างไป ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่ามีเปลวเพลิงลุกลามตั้งแต่บริเวณแก้มลามไปถึงหูของนาง
“จะ… เจ้าพูดอันใดน่ะ? นั่นมันเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นนะ!”
หรงซิวก้มหน้ามองลำคอระหงของนางที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วแล้ว ริมฝีปากกดเป็นรอยยิ้มลึก เขากอดนางแน่นขึ้น จากนั้นก็เม้มที่ใบหูของนาง น้ำเสียงทุ้มต่ำ
“พวกเราแต่งงานกันแล้วนะ มันยังเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นอีกหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พูดอันใดไม่ออก
ลมหายใจอุ่นร้อนรดอยู่ที่ใบหูและหลังคอของนาง ทำให้ร่างกายของนางร้อนผ่าวไปเกือบทั้งหมด
“หะ เหตุใดอยู่ๆ ถึงคิดเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?”
หรงซิวหัวเราะเสียงต่ำแต่ไม่ได้พูดอันใด
ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีความคิดนี้มาก่อนเลย แต่เมื่อครู่นี้ตอนที่อยู่ภายในห้อง เขาเห็นนางกำลังปลอบโยนถวนจื่อด้วยท่าทีอ่อนโยน เขาก็รู้สึกว่ามีความสุขทันที
หากพวกเขามีลูกด้วยกันสักคน นั่นจะต้องเป็นก้อนหยกที่น่ารัก อ่อนโยน และงดงาม
เหมือนกับนางแน่นอน
ฉู่หลิวเยว่มองค้อนเขาด้วยสายตาโกรธ
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดอันใดได้ง่ายๆ เสียหน่อย
ผู้ชายคนนี้มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว
แต่น่าเสียดายที่นางก็ไม่ได้อยากจะไปขัดขวาง แต่ในทางตรงกันข้ามมันเหมือนมีอันใดมาสะกิดหัวใจอยู่ตลอดเวลา
เขาอุ้มนางขึ้นท่าเจ้าหญิง จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้อง
ฉู่หลิวเยว่สะดุ้งแล้วรีบโอบรอบคอของเขาในทันที
“หรงซิว? นี่เจ้าจะทำอันใดน่ะ?”
นี่มันกลางวันแสกๆ นะ…
หรงซิวมองใบหน้าที่ตื่นตระหนกของนาง จากนั้นเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาทันที
“เจ้ากำลังคิดอันใดอยู่น่ะ? ข้าแค่คิดว่าเจ้าเพิ่งทะลวงด่านเทพศักดิ์สิทธิ์มา อีกทั้งยังเดินทางกลับมาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดพัก ตอนนี้คงต้องการจะพักผ่อน เหตุใด? นี่เจ้ากำลังคิดอันใดอยู่อย่างนั้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่กัดฟันกรอด
ผู้ชายคนนี้!
“เจ้ากำลังคิดอันใด ข้าก็กำลังคิดแบบนั้นแหละ!”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มที่มุมปากลึกขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราสองสามีภรรยาก็ใจตรงกันมากเลยนะ คิดอันใดก็เหมือนกัน”
เขาพูดไป แล้วก็อุ้มอีกฝ่ายเข้าไปในห้อง
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง เขาวางนางลง ลงกลอนประตู มือข้างหนึ่งวางบนศีรษะของนาง ส่วนอีกข้างก็เชิดคางขึ้น จูบนี้เป็นการจูบที่กึ่งยั่วยวนกึ่งบังคับ
ริมฝีปากของนางเผยอขึ้น
“…หรง…หรงซิว เมื่อ…เมื่อครู่นี้เจ้าบอกให้ข้าพัก…พักผ่อน…”
หรงซิวขยับตัวเข้ามาใกล้ น้ำเสียงของนางหอบสะท้าน
“ใช่แล้ว”
“แต่ถ้ายังอยากทำแบบนี้…แล้วก็แบบนี้…”
น้ำเสียงของเขากระซิบอยู่ข้างหูของนาง น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า ลมหายใจร้อนผ่าว
“เยว่เออร์เมื่อครู่นี้เจ้าพูดว่า เจ้าคิดเหมือนกันกับข้าไม่ใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่อยากจะโต้เถียงกับเขาอีกสองสามประโยค แต่ก็ต้องถูกเขากลืนคำพูดลงไป
ก่อนที่สติของนางจะดับลง คำพูดหนึ่งก็ดังขึ้นภายในสมองของนาง
ผู้ชายคนนี้… น่ากลัวมาก!