ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2150 เขาจะลงมือใช่หรือไม่
ตอนที่ 2150 เขาจะลงมือใช่หรือไม่
………………..
พายุภายในทะเลทรายจันทราสีชาดกำลังสงบลง
หลังจากนั้นไม่นานจวนเยว่ก็ได้ส่งองครักษ์มือดีกลุ่มหนึ่งมา
พวกเขาเดินทางมาที่อาณาจักรใหม่เพื่อมารับช่วงต่อการเฝ้าเวรจากเฉินอี
หลินจือเฟยและคนอื่นๆ ก็เดินทางมาพร้อมกัน ภายใต้การช่วยเหลือของเฉินอี เขาได้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายจากอาณาจักรใหม่ไปสู่ท่าเรือดอกท้อโดยตรง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนก็ได้เดินทางอย่างอิสระมากยิ่งขึ้น
บางทีอาจจะเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในทะเลทรายจันทราสีชาดได้แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรเสิ่นซวี่ ดังนั้นตระกูลส่วนใหญ่จึงเลิกคิดเกี่ยวกับแห่งนี้
ดังนั้นเรื่องนี้เป็นการอำนวยความสะดวกแก่เฉินอีและคนอื่นๆ มาก
หลังจากจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขากับหลินจือเฟยก็เดินทางกลับมาที่ท่าเรือดอกท้อ
…
ตระกูลเว่ย ลุ่มน้ำชิงกู่
เงาร่างของเว่ยเจ๋อเดินผ่านเทือกเขาสลับซับซ้อน กระทั่งเดินทางไปถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง
เว่ยเค่อหานที่ฝ้ายามอยู่ เห็นเขาก็รีบวิ่งเข้ามาทันที
“ท่านประมุข ท่านกลับมาแล้ว ช่วงที่ผ่านมาที่ท่านไม่อยู่ ภายในตระกูล…”
ทันใดนั้นคำพูดของเขาก็หยุดชะงัก สายตาของเขาหยุดมองตรงที่แขนของเว่ยเจ๋อ
“ท่านได้รับบาดเจ็บ?”
เว่ยเจ๋อพันผ้าพันแผลให้ตนเองเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังใช้เสื้อตัวใหญ่ปกปิดรอยบาดแผลนี้ไว้ แต่กลิ่นคาวเลือดที่กระจายออกมาไม่สามารถหลอกลวงคนอื่นได้
เว่ยเจ๋อมีสีหน้ามืดครึ้ม
“ท่านไปที่ตระกูลอี้ไม่ใช่หรือ…”
เสียงของเว่ยเค่อหานหยุดชะงักไป เมื่อเห็นสีหน้าย่ำแย่ของเว่ยเจ๋อ เขาก็สามารถคาดเดาอันใดบางอย่างขึ้นมาได้
หรือว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากตระกูลอี้จริงๆ !
ดูเหมือนว่า… จะไม่ใช่เรื่องดีด้วย
น้อยครั้งนักที่เขาจะเห็นเว่ยเจ๋อทำสีหน้าเช่นนี้
เว่ยเค่อหานเป็นคนฉลาดมาก เขาจึงหุบปากฉับแล้วไม่ถามอันใดต่อ
เว่ยเจ๋อถามขึ้นขณะที่กำลังเดินไปที่ถ้ำ
“เมื่อครู่นี้เจ้าพูดว่าภายในตระกูลเหตุใดนะ?”
เว่ยเค่อหานรีบพูดขึ้นมาว่า
“ท่านประมุข หลังจากที่ท่านกลับมาจากป่าศิลา ท่านก็ไม่ได้กลับเข้ามาที่ตระกูลเลย เวลาจึงลากยาวมาขนาดนี้ ดังนั้นภายในตระกูลจึงมีเรื่องเกิดขึ้นไม่น้อย ทั้งหมดนี้ยังคงรอท่านมาจัดการด้วยตัวเอง”
เว่ยเจ๋อชะงักฝีเท้า จากนั้นก็หันมามองแล้วหัวเราะเสียงเย็น
“ในเวลาแบบนี้มันจะเกิดเรื่องอันใดได้? แปดส่วนต้องเป็นเพราะยังมีคนไม่ชอบประมุขของตระกูลเรา เมื่อพวกเขาสืบได้ว่ามีเรื่องผิดปกติไป พวกเขาก็เริ่มทำตัววุ่นวาย”
เว่ยเค่อหานพูดขึ้นว่า “ท่านประมุขโปรดวางใจ พวกเขาล้วนรู้ดีว่าท่านชอบอยู่อย่างสันโดษ ดังนั้นจึงไม่กล้าหุนหันพลันแล่น”
คำพูดนี้ช่างมีไหวพริบ แต่ก็เป็นการยอมรับคำพูดของเว่ยเจ๋อ
เว่ยเจ๋อหัวเราะเยาะ จากนั้นก็เดินเข้าไปในถ้ำต่อ
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเขารอไปก่อน! ประมุขอย่างข้าจะขอดูว่า พวกเขาจะสามารถพลิกฟ้าอันใดได้หรือไม่!”
หลังจากพูดจบ เงาร่างของเขาก็หายไปในความมืดของถ้ำ
“ท่าน…”
เว่ยเค่อหานลังเลที่จะพูดขึ้น สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ตามเข้าไปด้านใน
ความจริงแล้วสถานการณ์ของภายในตระกูลเว่ยก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น
ตั้งแต่เว่ยซีผิงถูกไล่ออกจากสำนักหลิงเซียว ภายในตระกูลเว่ยก็เกิดคลื่นใต้น้ำขึ้นมากมาย
ก่อนหน้านี้ตอนที่สุสานของถังเคอเปิดออก เว่ยเจ๋อก็พาทุกคนไปที่นั่น แต่สุดท้ายเขาก็ต้องกลับมาที่นี่พร้อมความล้มเหลว ซึ่งนั่นทำให้ทุกคนภายในตระกูลรู้สึกไม่พอใจมาก
ในสายตาของพวกเขา ป่าศิลาเป็นถิ่นของตระกูลเว่ย ถ้าอย่างนั้นของทุกอย่างที่อยู่ในสุสานถังเคอก็ต้องเป็นของพวกเขาโดยสมบูรณ์
แม้จะเชิญปรมาจารย์หลอมอาวุธจากอาณาจักรเสิ่นซวี่มาที่นี่ก็ตาม แต่ในเมื่อเว่ยเจ๋อเป็นประมุขของตระกูลเว่ย เขาก็ควรออกหน้ายึดสมบัติของถังเคอทั้งหมด
แต่สุดท้ายแล้ว…เขาก็กลับทำล้มเหลว!
ไม่เพียงแต่ต้องเสียสมบัติทุกสิ่งภายในสุสานถังเคอ เขายังสูญเสียง้าวว่านเฟิงไปด้วย!
คนในตระกูลเว่ยทุกคนรู้สึกไม่พอใจเว่ยเจ๋อมาก
หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ เขาก็ไม่โผล่หน้าออกมาเลยสักครั้ง
นี่ยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟลงในกองเพลิง
ถ้าไม่ใช่เพราะเว่ยเค่อหานช่วยถ่วงเวลาอย่างเต็มกำลัง เกรงว่าคนเหล่านั้นจะต้องไล่ตามมาถึงที่นี่แล้ว
เมื่อดูจากท่าทางของเว่ยเจ๋อแล้ว เหมือนว่าเขาจะไม่เห็นเรื่องนี้อยู่ในสายตาเลย…
เว่ยเค่อหานถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา
เขาทำได้เพียงรอให้ท่านประมุขออกมาพูดคุยกับพวกเขาด้วยตนเอง…
…
เว่ยเจ๋อเดินเข้าไปจนสุดทาง
ค้อนชิ้นหนึ่งกำลังตั้งอยู่ภายในส่วนลึกของถ้ำอย่างเงียบเชียบ
เว่ยเจ๋อเดินเข้าไปหา
“ซีผิง”
ภายในน้ำเสียงของเว่ยซีผิงเต็มไปด้วยความปรารถนาและกระตือรือร้น
ก่อนหน้านี้ที่เขาได้คุยกับจวินจิ่วชิง นั่นคือเรื่องโกหก
เขาไม่ได้เป็นฝ่ายขอร้องให้เขาออกมาดูเอง แต่เว่ยซีผิงเป็นคนอยากออกมาด้วยตนเองต่างหาก!
น่าเสียดายที่จวินจิ่วชิงไม่ได้เห็นด้วย
“ซีผิง เขาบอกกับเจ้าว่าเจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะปล่อยออกมาเอง”
เว่ยเจ๋อพูดออกมาอย่างยากลำบาก
เสียงของเว่ยซีผิงหายไปแล้ว เขาเงียบไปนานไม่ได้ตอบอันใดกลับมา
เว่ยเจ๋อรู้ว่าเขารู้สึกเสียใจ ดังนั้นจึงพูดปลอบโยนออกมาว่า “เจ้าวางใจได้เลย มันไม่มีทางนานเกินไปหรอก ข้า…”
“ก่อนหน้านี้เขาก็พูดแบบนี้! แต่นี่ก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขายังไม่มีความเคลื่อนไหวอันใดเลย! ข้าไม่เชื่อเขาอีกต่อไปแล้ว!” เว่ยซีผิงระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างกะทันหัน น้ำเสียงของเขาแหบพร่าและโศกเศร้า “ท่านพ่อ! ท่านต้องช่วยข้านะ! ท่านต้องช่วยข้า!”
ในตอนแรกเขายังคงมึนงง แต่ในตอนนี้เขารู้กระจ่างแจ้งแล้ว!
ไม่ว่าอย่างใดเขาก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว!
เว่ยเจ๋อขมวดคิ้วแน่น
“แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ พวกเราก็ไม่มีหนทางอื่นเลย”
เว่ยซีผิงหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงของเขาก็หวีดแหลมขึ้น
“หรงซิว! ใช่แล้ว! ยังมีหรงซิว! เขาจะต้องมีหนทางแน่นอน! ท่านพ่อ ท่านไปขอร้องเขาสิ? ขอเพียงเขาช่วยเหลือ…”
เว่ยเจ๋อหลับตาลง
“เจ้าคิดว่า เขาจะลงมือช่วยหรือ?”
คำพูดของเว่ยซีผิงชะงักค้างกะทันหัน
………………..