ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2155 กินสิ
ตอนที่ 2155 กินสิ
………………..
“แต่ว่า…ข้าคิดว่าค้อนเหล็กอันนั้นมีปัญหาเล็กน้อย หลังจากเว่ยซีผิงที่ถูกไล่ออกจากสำนัก เขาก็หายตัวไปเลย ข่าวลือจากโลกภายนอก แม้กระทั่งตระกูลเว่ยเองก็ไม่รู้ว่าเขาไปไหน แต่ใครจะรู้แล้วว่าเขาจะไปซ่อนตัวอยู่ในนั้น?”
ฉู่หลิวเยว่เคาะนิ้วลงบนโต๊ะเบาๆ
“ไม่รู้ว่าระหว่างนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง…”
“รอเว่ยเจ๋อมาที่นี่อีกครั้ง เดี๋ยวพวกเราก็รู้เรื่องทั้งหมดเอง”
หรงซิวพูดขึ้น จากนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
“จริงสิ ข้าคิดว่าจะช่วยสร้างกายเนื้อให้ผู้อาวุโสถังเคอ”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป “ตอนนี้หรือ?”
“อื้อ ก่อนหน้านี้ตอนที่ทำลายร่างของหลินเจียงตัวปลอม ข้าไม่ได้ทำลายไปทั้งหมด ข้ายังคงเก็บกระดูกของเขาเอาไว้ ตอนนี้สามารถนำมามอบให้กับผู้อาวุโสถังเคอได้พอดี”
ตอนที่ถังเคอมีชีวิตเขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ หากมีกระดูกของเทพศักดิ์สิทธิ์ เรื่องนี้ก็จะง่ายขึ้นมาก
ฉู่หลิวเยว่ปรบมือแล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นก็พอดีเลย! ยังดีที่เจ้าจำได้ นี่เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมมาก โอสถที่ท่านซูจำเป็นต้องใช้ก็หลอมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอเพียงแค่มีกระดูกของจอมยุทธ์ระดับเก้าก็สามารถคืนกายเนื้อกลับมาได้ หากผู้อาวุโสถังเคอสามารถทำได้เช่นกันก็ไม่มีอันใดดีไปกว่านี้แล้ว!”
หรงซิวยิ้มออกมาเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ถังเคอไม่ได้รีบร้อนเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
แต่ตั้งแต่ฉู่หลิวเยว่สามารถหลอมโอสถได้สำเร็จ ถังเคอก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมา เขารู้สึกกังวลทั้งวันทั้งคืน กลัวว่าตัวเองจะออกมาช้าเกินไป
พอดีกับตอนนี้มีโครงกระดูกของเทพศักดิ์สิทธิ์ ถังเคอจะปล่อยไปได้อย่างใด?
ต่อให้หรงซิวอยากลืมก็ไม่สามารถทำได้
“แต่หากเป็นเช่นนี้ละก็ ทุกคนก็ต้องรู้แล้วสิว่าตัวตนของท่านซูและถังเคอยังอยู่? ถ้าเช่นนั้นฐานะของเขา…”
หรงซิวมีสีหน้าราบเรียบ
“ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสถังเคอพูดกับข้าว่า ตระกูลถังแตก แยกย้ายกันไปหมดแล้ว เขาจึงตั้งใจจะอยู่ที่ท่าเรือดอกท้อ หากเจ้ายินยอม เขาก็อยากจะฝากชื่อเป็นผู้อาวุโสของที่นี่ แต่ว่าหากเจ้าไม่ยินยอมก็ช่างเถอะ”
หนังตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกอย่างแรง
ช่างเถอะ?
เรื่องแบบนี้จะช่างมันได้อย่างใด?
นั่นคือถังเคอเชียวนะ!
ยินยอม! ข้ายินยอมอยู่แล้ว!
มีคนจำนวนนับไม่ถ้วนภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ต้องการอยากจะพบหน้าถังเคอ แต่นางกลับสามารถเชิญเขาเป็นผู้อาวุโสได้โดยตรง…
เรื่องดีๆ เช่นนี้ นางไม่มีเหตุผลอันใดที่จะปฏิเสธเลย
ก่อนหน้านี้ซูหลีก็เคยแสดงความคิดเห็นแบบนี้ออกมาเช่นเดียวกัน แต่นางก็คิดไม่ถึงว่าถังเคอก็จะ…
“รบกวนเจ้าพูดกับผู้อาวุโสถังเคอว่าข้ายินดีต้อนรับมาก!”
ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นยืนอย่างมีความสุข
“หากเป็นเช่นนั้นละก็ ข้าขอไปจัดการเรื่องของท่านซูก่อนนะ!”
กระดูกของจอมยุทธ์ระดับเก้า ในท่าเรือดอกท้อแห่งนี้นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ง่ายมาก
ก่อนหน้านี้นางเคยสั่งให้สือฟังไปหาแล้ว ตอนนี้จึงสามารถไปคัดเลือกได้พอดี
เมื่อพูดจบนางก็เดินจากไปทันที
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
…
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่มาถึงเรือนของสือฟัง เขาก็กำลังทำอาหารอยู่ที่หน้าเตาไฟ
นางไม่ได้มาที่นี่สักช่วงเวลาหนึ่งแล้ว ตอนนี้พืชผักนานาชนิดที่อยู่ในสวนของเขานั้นก็เติบโตงอกงามเต็มที่แล้ว
ความจริงแล้วตอนที่พวกเขาบำเพ็ญเพียรถึงระดับนี้ ก็สามารถดูดซับพลังสวรรค์และโลกเพื่อเติมเต็มพลังงาน ดังนั้นการกินข้าวจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป
แต่สือฟังดื้อรั้นมาก
ก่อนหน้านี้เขาเดินทางไปรอบๆ และปลูกผักในหลายพื้นที่ สุดท้ายก็ไม่ทันได้รอให้มันโตขึ้น
นี่จึงเป็นเหตุทำให้เขาอดอยากมาจนถึงตอนนี้
นี่เป็นอาหารมื้อแรก
“มาแล้วหรือ? นั่งสิ!”
สือฟังได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ดังนั้นจึงพูดขึ้นโดยไม่หันกลับมามอง
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองแล้วเห็นว่า ภายในเรือนมีโต๊ะยาวตัวหนึ่งตั้งอยู่ ทั้งสองฟากฝั่งของโต๊ะนั้นมีเก้าอี้ตัวยาวสองตัว
เหมือนว่าได้เตรียมเอาไว้นานแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น
“สือฟัง เจ้ากำลังรอใครอยู่หรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น สือฟังก็ตกใจสะดุ้งโหยง แล้วรีบหันกลับมามอง
“นายท่าน? ท่านมาได้อย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น “ข้ามาไม่ได้หรือ?”
“ไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน”
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ฉู่หลิวเยว่ตกใจมาก
ด้านหลังของนางมีอวี๋จิ่วและคนอื่นๆ ยืนอยู่
ในมือของพวกเขาถือตะเกียบและชามเอาไว้ เหมือนว่าพวกเขากำลังจะมาทานมื้อเย็น
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามอง “นี่พวกเจ้า…มาทำอันใดที่นี่หรือ?”
“นายท่าน พวกเรามาทานอาหารเย็น!”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่กระตุก
“ไม่ ไม่ต้อง ข้าแค่มาดูเฉยๆ คิดไม่ถึงว่าจะได้บังเอิญเจอกับ…”
“นายท่าน ท่านมาได้ตรงเวลาพอดี!”
สือฟังยกตะหลิวในมือขึ้นทักทาย
“ท่านเชิญนั่งก่อน! ในห้องของข้ายังมีถ้วยและตะเกียบคู่ใหม่!”
“นั่นสิ! บังเอิญมากเลย รีบเข้ามาเร็วๆ เถอะขอรับ!”
“หากช้ากว่านี้กับข้าวจะเย็นได้นะ!”
“ไปแล้วๆ !”
ซานซานและคนอื่นๆ พาฉู่หลิวเยว่เข้าไปด้านใน
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่ดึงสติกลับมาได้ นางก็มานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะด้านหนึ่งด้วยความมึนงงแล้ว
ส่วนซานซานและคนอื่นๆ ก็นั่งอยู่ทั้งสองข้างของนาง
สือฟังกำลังเสิร์ฟอาหารด้วยความกะตือรือร้น
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองโดยรอบ
“ทั้งหมดนี้มีแต่ผักหรือ?”
“เฮ้อ เรื่องนี้พูดแล้วข้าอยากจะร้องไห้”
สือฟังวางอาหารชามสุดท้ายในมือลง แล้วพูดขึ้นด้วยความเสียใจสุดซึ้ง
“เวลาที่เข้ามาถึงที่นี่มันน้อยเกินไป ดังนั้นจึงไม่ทันได้เลี้ยงดูพวกตัวน้อยเหล่านั้น แล้วอีกอย่างพี่รองไม่อยู่ ข้าก็เลี้ยงสัตว์ไม่เก่งนัก ดังนั้นจึงยอมแพ้ อาหารวันนี้กว่าจะได้มาก็ยากลำบากนัก นายท่านอย่ารังเกียจเลยนะขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่ตัวสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ภาพที่ไม่ดีบางอย่างปรากฏขึ้นมาภายในสมอง
ถูกต้องแล้ว ภายในสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ พี่รองชอบเลี้ยงพวกตัวน้อยเหล่านั้นมาก
“ช่างเถอะ แบบนี้ก็ดีมากแล้ว ดีมากแล้วจริงๆ !”
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอ
ฝีมือการทำอาหารของสือฟังยอดเยี่ยมมาก แม้อาหารทุกจานจะมีแค่ผัก แต่มันก็อร่อยและครบรสมาก
นี่เป็นสาเหตุว่าเหตุใดซานซานและคนอื่นๆ ถึงมาทานข้าวเย็นที่นี่
“สือฟังก็นั่งลงเถอะ”
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองโดยรอบแล้วถามขึ้น
“วันนี้อู่เหยาไม่มาหรือ?”
“นายท่านคงลืมไปแล้ว วันนี้เป็นเวรพี่ห้าเฝ้ายามม่านพลัง” อวี๋จิ่ววางดาบไม้ไว้ที่เท้า แล้วพูดขึ้น
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้น…ก็กินเถอะ?”
“นายท่านช้าก่อน”
สือฟังพูดขึ้น จากนั้นก็วางตะเกียบและถ้วยอีกชุดหนึ่งที่ข้างนาง
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
ตำแหน่งนี้…
ในตอนที่นางกำลังครุ่นคิด ที่ประตูใหญ่ก็มีคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้น
คนผู้นั้นคือเฉินอี
เขาสวมชุดคลุมสีเขียว ท่วงท่าเคลื่อนไหวเหมือนต้นหลิวลิ่วลม ทั้งผ่อนคลายและมีความสุขมาก
เมื่อคนผู้นี้ปรากฏขึ้น มันออกจะดู… ไม่เข้ากับบรรยากาศสักเล็กน้อย
เมื่อเฉินอีมองเห็นฉู่หลิวเยว่ แววตาของเขาก็มีความประหลาดใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็กลับคืนสู่ความสงบเช่นเดิม เขาเดินผ่านเข้ามา
สือฟังกระซิบเสียงเบาที่ด้านข้าง
“นายท่าน เดิมทีตำแหน่งนี้เคยเป็นที่นั่งของพี่ใหญ่”
แต่ในเมื่อนางอยู่ที่นี่ ตำแหน่งของเฉินอีจึงลดลงไปหนึ่งขั้นทันที
เฉินอีรีบสาวเท้าก้าวเข้าไป
“นายท่าน”
………………..