ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2156 ซวงซวง
ตอนที่ 2156 ซวงซวง
………………..
ฉู่หลิวเยว่โบกมือขึ้น
“นั่งลงเถอะ”
“ขอบพระคุณนายท่าน”
เมื่อเฉินอีพูดจบ เขาก็นั่งลงอย่างสง่างาม
“นายท่าน เหตุใดวันนี้ถึงว่างมาที่นี่ได้ล่ะ?”
“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ข้าแค่ต้องการมาเอาของกับสือฟัง แล้วเจอพวกเจ้าพอดี”
เฉินอีเผยสีหน้าเข้าใจ
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็ลองชิมดู ฝีมือการทำอาหารของสือฟังไม่เลวเลย”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
วันนี้ข้าไม่ได้มากินข้าวเสียหน่อย!
แต่นางก็ได้ยินเสียงตัวเองพูดว่า
“ได้สิ”
หลังจากจมอยู่กับความเงียบครู่หนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็เริ่มขยับตะเกียบ
จากนั้นเฉินอีก็ขยับตะเกียบ
ในที่สุดตอนนั้นทุกคนถึงเริ่มกิน
“อ๋า!”
สือฟังกระตือรือร้นมาก
“ถ้าข้ายังไม่ได้กินข้าวอีก เกรงว่าข้าจะต้องอดตายแล้ว!”
“ใครใช้ให้เจ้าเรื่องมากขนาดนี้ล่ะ?”
“ขอบคุณขอรับพี่แปด แต่พี่แปดผักจานนี้พี่ก็ไม่ชอบหรือ?”
น้องแปดถอนหายใจออกมา
“ช่วงนี้ข้ากำลังลดความอ้วน ต้องกินให้น้อยลงหน่อย”
สิบสามชะงักไป “พี่แปด ผักเหล่านี้…กินแล้วอ้วนอย่างนั้นหรือ?”
น้องแปดเหลือบสายตามองเขาด้วยความเศร้าสร้อย
“เจ้าอายุยังน้อยนัก กำลังอยู่ในช่วงเผาผลาญง่าย เจ้าจะมาเข้าใจความกลุ้มใจของพี่แปดได้อย่างใด?”
สิบสามพยักหน้าคล้ายเข้าใจคล้ายไม่เข้าใจ จากนั้นก็เริ่มตักกับข้าวใส่จานอีกครั้ง
แม้เขาจะกินเร็วและเยอะมาก แต่ก็ไม่ได้ดูมูมมาม หลังจากได้ติดตามข้างกายเฉินอีมาหลายปี เขาก็ได้เรียนรู้มาไม่น้อย รวมถึงเรื่องนี้ด้วย
มุมปากของฉู่หลิวเยว่กระตุกขึ้น
เห็นได้ชัดว่าน้องแปดไม่ชอบอาหารเหล่านี้
แม้นางจะนอนนิ่งตลอดทั้งวันไม่ขยับ แต่เอวนางก็ยังคอดอยู่ นี่เป็นเรื่องที่มีมาแต่กำเนิด
หากว่าไปแล้ว ในบรรดาสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ คนที่เลือกกินรองลงมาจากสือฟังนั้นก็คือน้องแปดนั่นแหละ
“จริงสิ เมื่อไรพี่รองจะมา?”
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองเฉินอี
เฉินอีชะงักไปเล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้เขาได้เขียนจดหมายมาแล้ว บอกว่ากำลังเดินทางมาทางนี้ ถ้านับเวลาดูแล้ว เขาก็ควรจะ…”
ทันทีที่สิ้นเสียง ตอนนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากด้านนอก
พวกเขาทั้งหลายหันกลับไปมอง ทันใดนั้นก็เห็นว่าสัตว์อสูรกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป
สัตว์อสูรเหล่านี้…เป็นสัตว์ที่นางพามาจากถ้ำปีศาจทมิฬ อีกทั้งยังได้ปล่อยพวกมันเข้าป่าไปแล้ว ตอนนี้เหตุใดถึง…
สือฟังลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองอย่างตั้งใจ ท่ามกลางกลุ่มสัตว์อสูรเหล่านั้น มีเงาร่างสูงใหญ่ของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง
เฉินอีวางตะเกียบในมือลง
“พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา…” อวี๋จิ่วพูดพึมพำเสียงเบา จากนั้นก็หยิบดาบไม้ข้างตัวขึ้นมา
ซานซานจับถ้วยที่อยู่ในมือแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “แบบนี้มันกะทันหันเกินไปแล้ว! เหตุใดไม่บอกข้าล่วงหน้าล่ะ?”
สิบสามเพิ่มความเร็วในการกิน จากนั้นเขาก็กินข้าวคำสุดท้ายในถ้วยจนหมด
ถ้าไม่รีบกินตอนนี้ อีกเดี๋ยวอาจจะไม่ได้กินแล้ว
น้องแปดลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ แต่ความเร็วของนางกลับสูงมาก ชั่วพริบตาเดียวนางก็มายืนอยู่ด้านข้างของฉู่หลิวเยว่ จากนั้นก็จับแขนของนางเอาไว้ “นายท่าน ข้าขอยืมไหล่หน่อยนะเจ้าคะ”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
“ฮ่าๆ ! พี่ใหญ่! พวกเจ้าอยู่ที่นี่กันหมดเลยหรือ!”
เสียงนั้นทุ้มต่ำและดังสนั่นมาก
“มาๆ ขอทางหน่อยสิ!”
คำพูดนี้อีกฝ่ายกำลังพูดกับสัตว์อสูร
ทันทีที่เขาพูดขึ้น สัตว์อสูรที่ยืนล้อมหน้าล้อมหลังก็แหวกทางให้อย่างเชื่อฟัง แต่ด้านหลังก็ยังคงติดตามเขามาอย่างใกล้ชิด
หากคนอื่นได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้คงตกใจจนตาถลนออกมา
สัตว์อสูรเหล่านี้อย่างน้อยก็มีประมาณสิบกว่าตัว แต่พวกมันเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
หากในสถานการณ์ทั่วไปแล้ว ถ้าคนธรรมดาต้องการจะเข้าใกล้มันก็ยังเป็นเรื่องยาก แต่ในตอนนี้ สัตว์อสูรเหล่านี้กลับทำตัวใกล้ชิดสนิทสนม อีกทั้งยังเชื่อฟังคำสั่งของเขามาก
แต่ว่าเฉินอีและคนอื่นๆ เห็นเรื่องประหลาดจนเคยชินแล้ว
ชายคนนี้ดูแล้วเหมือนอายุยี่สิบแปดยี่สิบเก้า
ตัวของเขาสูงมาก แทบจะสูงพอๆ กับจื่อเฉินเลย ผิวเป็นสีน้ำผึ้ง คิ้วทรงกระบี่ ดวงตาเต็มไปด้วยแสงดาว องคาพยพหล่อเหลา
ที่เอวของเขาห้อยตราหยกสี่เหลี่ยมเอาไว้ มีขนาดเท่ากับหัวแม่มือ หยกนั้นแกะสลักด้วยความประณีต
นอกจากนี้แล้ว เขาก็ไม่มีเครื่องประดับอื่นใดอีก
ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู เขาก็หันไปพูดกับสัตว์อสูรเหล่านั้นว่า
“รออยู่ที่นี่ดีๆ นะ ถ้าไม่มีคำสั่งของข้าห้ามออกวิ่งซี้ซั้ว เข้าใจหรือไม่?”
สัตว์อสูรเหล่านั้นยืนอยู่กับที่อย่างเชื่อฟัง
มีเพียงสัตว์ที่เกาะอยู่บนไหล่เท่านั้นที่วิ่งไปมา จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปหาสิบสาม
สิบสามรู้ได้ทันทีว่านั่นคือลูกเสือดาวลายเมฆสีชาดตัวนั้น ใบหน้าของเขาจึงเผยรอยยิ้มออกมา
ลูกเสือดาวลายเมฆสีชาดตัวนั้นกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของสิบสาม และสิบสามก็รับไว้ได้พอดี
“เจ้าก็มากับพี่รองด้วยหรือ?”
ลูกเสือดาวลายเมฆสีชาดตัวนั้นซุกตัวในอ้อมกอดของเขา ก่อนแค่นเสียงออกมาสองเสียง
“ดูเหมือนว่ามันจะชอบเจ้ามากจริงๆ นะ คาดไม่ถึงว่ามันจะยอมทิ้งพี่รองแล้วไปหาเจ้า” อวี๋จิ่วอุทานออกมาอย่างตกใจ
“ฮ่าๆ ! สือฟังทำกับข้าวหรือ? ดูเหมือนว่าข้าจะมาได้เวลาพอดีเลยนะ!”
ขณะที่เขาพูดขึ้น ฝีเท้าของเขาก็หยุดชะงักอย่างกะทันหัน สายตาของเขาก็หยุดอยู่ที่ฉู่หลิวเยว่
หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่งแล้ว ในแววตาของเขาก็มีประกายยินดีขึ้นมา
“นายท่าน?”
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่มีใบหน้าคล้ายเดิมอยู่แปดส่วน อีกทั้งด้วยนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ สามารถทำให้เขาจดจำได้อย่างง่ายดาย
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ริมฝีปากเผยรอยยิ้ม
แม้จะไม่ได้เจอกันมาหลายปี แต่สำหรับพวกเขาแล้ว เหมือนเคยได้แยกจากกันด้วยความตาย
ในตอนนี้เมื่อได้มาพบกันอีกครั้ง ความทรงจำในวันวานก็ปรากฏกลับมาอย่างชัดเจน
เหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอันใดเกิดขึ้นเลย พวกเขายังคงเป็นเหมือนเดิมก่อนที่จะแยกจากกัน
“ซวงซวง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ยินดีต้อนรับกลับบ้าน”
………………..