ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2159 ช่วยเหลือ
ตอนที่ 2159 ช่วยเหลือ
………………..
หัวซวงซวงยืนอยู่นอกประตู เมื่อเห็นสถานการณ์ภายในห้อง เขาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจ
ไม่ได้เจอกันนานขนาดนี้ เหตุใดนายท่านถึง…
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นเสียงฟ้าผ่าจากฟากฟ้าก็ดังขึ้น!
หัวซวงซวงรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง จากนั้นก็เห็นว่าเมื่อครู่ท้องฟ้ายังแจ่มใสอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับมีเมฆดำปกคลุม
ทัณฑ์สวรรค์สีเงินสายหนึ่งกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในชั้นเมฆ
“นี่มัน…”
เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวเช่นนี้ เขาก็กลัวว่าจะมีอันใดผิดปกติเกิดขึ้น
ภายในสมองของเขามีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้น แต่วินาทีต่อมาทัณฑ์สวรรค์ก็ผ่าลงมาแล้ว คาดไม่ถึงว่ามันจะผ่านลงมาที่จวนเยว่!
จิตวิญญาณของหัวซวงซวงตึงเครียด สายตาของเขาจ้องมองไปที่ทัณฑ์สวรรค์ตาเขม็ง สุดท้ายเขาก็พบว่ามันผ่าลงมาภายในเรือนสักแห่งในจวนเยว่
เปรี้ยง!
ทันใดนั้นแสงสีเงินก็สาดกระจายไปทั่วทุกทาง!
หัวซวงซวงสาวเท้าขึ้นมาสองสามก้าว เขามองติดตามไปอย่างใกล้ชิด ทันใดนั้นก็ยังเห็นแสงสีทองส่องประกายอยู่เลือนราง
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินความเคลื่อนไหวนั้น นางก็หันกลับไปมอง มุมปากยกยิ้มขึ้น
“คาดไม่ถึงว่าจะลงมือเร็วขนาดนี้…”
ดูจากสถานการณ์แล้ว หรงซิวน่าจะทำสำเร็จได้อย่างราบรื่น
ท้ายที่สุดแล้วหรงซิวก็มีกระดูกของเทพศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งฝีมือของถังเคอก็แข็งแกร่งมาก ดังนั้นเขาจึงสามารถหลอมร่างได้อย่างง่ายดาย
นางถอนสายตากลับมา หลังจากฉันเลือกโครงกระดูกทีละร่างแล้ว นางก็เลือกร่างที่เหมาะสมที่สุดมา
“ร่างนี้แหละ”
นางวางกระดูกเหล่านั้นลงกับพื้น จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิ
ฟุบ!
เปลวเพลิงสีทองคำชาดกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนาง!
จากนั้นนางก็ขยับข้อมือเล็กน้อย เปลวเพลิงกลุ่มนั้นก็ลอยขึ้นทันทีแล้วกระแทกเข้ากับโครงกระดูกที่อยู่ตรงหน้านางอย่างแผ่วเบา
แน่นอนว่าโครงกระดูกของจอมยุทธ์ระดับเก้าไม่สามารถต้านทานพลังของเปลวเพลิงเหล่านี้ได้แน่นอน ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงใช้พลังปราณดั้งเดิมของตัวเองห่อหุ้มโครงกระดูกเหล่านี้เอาไว้ก่อนแล้ว
ไม่ว่าเปลวเพลิงเหล่านั้นจะผ่านไปที่ใด โครงกระดูกก็มีลักษณะกระจ่างใสขึ้นมาในทันที
นี่คือการขจัดคราบสิ่งสกปรก และทำให้โครงกระดูกนี้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เป็นการอำนวยความสะดวกต่อขั้นตอนต่อไป
หัวซวงซวงเผยสีหน้าตกตะลึง
“จอมยุทธ์ระดับเก้า?”
คาดไม่ถึงว่านายท่านจะช่วยจอมยุทธ์ระดับเก้าคนหนึ่งสร้างกายเนื้อขึ้นมาใหม่?
เหมือนว่านี่จะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้นะ?
แล้วก็ยังมีทางนั้น เหมือนว่าจะเป็นการช่วยระดับเทพศักดิ์สิทธิ์สร้างกายเนื้อ!
นี่มัน…
“ท่านซู ท่านสามารถออกมาได้แล้ว”
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่หลอมโครงกระดูกเหล่านั้นแล้ว นางก็พูดขึ้นเสียงเบา
ทันทีที่สิ้นเสียง เงาร่างโปร่งแสงร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่กลางเรือน
สือฟังรู้เรื่องนี้มานานมากแล้ว แต่ตอนนี้ได้มาพบกับซูหลีด้วยตนเอง เขาก็ยังรู้สึกตกใจและสงสัยมาก
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสับสนอย่างสิ้นเชิง
“ท่านซู…เป็นผู้หญิงหรือ?”
เขาเคยได้ยินชื่อของท่านซูคนนี้
ซูหลีก็ปิดปากของตัวเองแล้วยิ้ม
“เยว่เออร์ ข้าว่าหลังจากนี้ ข้าควรปรากฏตัวในฐานะผู้ชายดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ทุกคนตกใจ”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้น จากนั้นนางก็ส่ายหน้า
“ข้าคิดว่าผู้อาวุโสถังเคอคงไม่ยินยอมแน่นอน”
ทันใดนั้นซูหลีก็รู้สึกเขินอายขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอันใดกลับไป
นางเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปขอบคุณสือฟัง
สือฟังรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้รับคำขอบคุณนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าคนในตำนานคนนั้นจะหันมาคุยกับตน คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเข้าถึงง่ายขนาดนี้
“ท่านซู เชิญ!”
ฉู่หลิวเยว่มีสีหน้าจริงจังขึ้นมาหลายส่วน
ซูหลีพยักหน้า ก่อนหน้านี้นางได้กินโอสถสำหรับหลอมร่างกายไปแล้ว หลังจากนั้นนางก็เคลื่อนตัวไปทาบทับโครงกระดูกร่างนั้น
ฉู่หลิวเยว่โบกมือทั้งสองข้างขึ้นเบาๆ เปลวเพลิงสีทองคำชาดพวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง!
…
เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างเชื่องช้า บนกระดูกนั้นค่อยๆ มีเลือดและกล้ามเนื้อปรากฏขึ้น
บางทีนี่อาจจะเป็นความช่วยเหลือจากโอสถเม็ดนั้น คาดไม่ถึงว่าโครงกระดูกร่างนี้จะสามารถทนรับแรงกดดันได้จริงๆ !
ยามราตรีคืบคลาน ในที่สุดกายเนื้อของซูหลีก็ค่อยๆ รวมตัวขึ้นมา!
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองอย่างใกล้ชิด ไม่กล้าผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย
นางรู้ว่า เมื่อถึงส่วนท้ายยิ่งประมาทไม่ได้
โอสถเม็ดนี้หาได้ยากมาก ยิ่งไปกว่านั้นพลังจิตวิญญาณของซูหลีก็อ่อนแออยู่แล้ว
ถ้าไม่สามารถสำเร็จในครั้งนี้ได้ คงจะต้องส่งผลกระทบอย่างมากต่อวิญญาณของซูหลี
เปรี้ยง!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นไปมองอย่างรวดเร็ว หัวใจของนางก็สั่นไหว
แม้นางจะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน แต่นางก็มั่นใจได้ว่าคนผู้นั้นคือถังเคอ!
การเคลื่อนไหวของเทพศักดิ์สิทธิ์มีความเร็วสูงมาก
ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ภายในท่าเรือดอกท้อล้วนหันไปมองทางจวนเยว่
“การเคลื่อนไหวเช่นนี้…มีคนทะลวงสู่ด่านเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ?”
“ไม่หรอกมั้ง? เทพศักดิ์สิทธิ์เขาไม่ได้ทะลวงด่านกันแบบนี้…”
“แต่แรงกดดันที่อยู่รอบกายของคนผู้นั้นคือเทพศักดิ์สิทธิ์จริงๆ !”
“เมื่อครู่นี้มีทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมาหลายสาย อีกทั้งยังมีแสงสีทองส่องประกายมาจากทางจวนเยว่ หรือว่า…โอรสสวรรค์จะลงมือแล้ว?”
ตอนที่ทุกคนกำลังรู้สึกสงสัยอยู่นั้น ในที่สุดเงาร่างที่ค้างอยู่กลางอากาศก็กลืนทัณฑ์สวรรค์ลงไปจนหมดแล้ว
เงาร่างของเขาก็ค่อยๆ ปรากฏออกมา
เมื่อเห็นว่าเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย ทุกคนก็ต่างมองหน้ากัน
ภายในท่าเรือดอกท้อไม่มีคนรูปร่างหน้าตาเช่นนี้
แต่ในตอนนั้นเองชายคนนั้นก็ประสานมือทำความเคารพแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า
“ข้าถังเคอจากตระกูลถังรู้สึกขอบคุณโอรสสวรรค์และนายท่านเยว่มากที่ช่วยเหลือข้า!”
ทันทีที่สิ้นเสียงทุกคนก็มึนงงไปในทันที
“ตระกูลถัง? ตระกูลถังไหน? เหมือนว่าภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่จะไม่มีตระกูลนี้นะ?”
“ถัง…ถังเคอ? ปรมาจารย์หลอมอาวุธ…ถังเคอหรือ?”
“จะเป็นตระกูลถังตระกูลไหนได้อีกล่ะ! บนโลกนี้ก็มีคนเดียวที่กล้าเรียกตัวเองว่าถังเคอ!”
หลังจากเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง ทุกคนก็ดึงสติกลับมาได้ ตอนนั้นทุกคนภายในท่าเรือดอกท้อก็รู้สึกตกใจมาก!
หากพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง พวกเขาก็ไม่กล้าเชื่อเลยว่า ถังเคอคนนั้นยังมีชีวิตอยู่!
เหตุใดตอนนี้ถึงกลายเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตไปได้ล่ะ?
ฉู่หลิวเยว่ถอนสายตากลับคืนมา ก่อนหยิบเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์เมล็ดหนึ่งออกมา
ใบไม้สีเขียวอ่อนพลิ้วไหวไปมา
พรึ่บ…
พลังแห่งสวรรค์และโลกจากทั่วทุกทิศทุกทางถ่ายเทเข้าไปในร่างกายของซูหลีอย่างรวดเร็ว!
นางยังไม่ได้ทะลวงสู่ด่านเทพขั้นสูง ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ทัณฑ์สวรรค์มาช่วยหลอมกายเนื้อได้ การใช้เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์จึงจะเหมาะสมที่สุด
พลังที่เอ่อล้นห่อหุ้มลมปราณ จากนั้นก็ถ่ายเทเข้าไปในร่างกายของซูหลีอย่างต่อเนื่อง!
ในที่สุดนางก็ลืมตาขึ้นมา!
แววตาของนางอ่อนโยนราวน้ำพุร้อน อีกทั้งยังส่องสว่างสดใส
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกยินดีมาก สำเร็จแล้ว!
ในตอนที่นางกำลังจะหยุดมือ นางกลับพบว่าพลังเหล่านั้นยังคงถ่ายเทไปที่ร่างกายของซูหลีอย่างต่อเนื่อง
เปรี้ยง!
ทัณฑ์สวรรค์สายหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอย่างกะทันหัน!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นนางก็เข้าใจอันใดบางอย่างขึ้นมา
ซูหลีกำลังจะ…ฉวยโอกาสนี้เลื่อนขั้นสู่ระดับเทพขั้นสูง!
ขณะที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นมาในสมองของนาง ทัณฑ์สวรรค์สายนั้นก็ผ่าลงมาตรงหน้าซูหลีทันที!
ซูหลีเงยหน้าขึ้นมองทางทัณฑ์สวรรค์สายนั้น
ใบหน้าของนางไม่มีความหวาดกลัวเลย แต่กลับมีความตื่นเต้นยินดีปรากฏขึ้นมาแทน
นางรู้มาโดยตลอดว่าตัวนางนั้นไม่มีพรสวรรค์ และทั้งชีวิตนี้อาจจะไม่สามารถทะลวงสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้
แต่…ในที่สุดครั้งนี้โอกาสก็มาถึงแล้วไม่ใช่หรือ?