ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2161 ระลอกคลื่น
ตอนที่ 2161 ระลอกคลื่น
………………..
ตระกูลเว่ย
เว่ยซงรีบเดินเข้ามาในเรือนหวู่ถง
เรือนแห่งนี้คือที่พักอาศัยของเว่ยเจ๋อ แต่ตอนนี้มีเพียงเว่ยเค่อหานคนเดียวเท่านั้นที่เฝ้าอยู่ที่หน้าประตู
“ท่านประมุขล่ะ? ยังไม่ออกมาหรือ?” เว่ยซงยืนอยู่ที่ด้านนอกเรือน แล้วมองเข้าไปด้านใน
เว่ยเค่อหานพยักหน้า “ใช่แล้ว”
เว่ยซงขมวดคิ้ว
หลังจากที่เว่ยเจ๋อกลับมาจากท่าเรือดอกท้อ เขาก็ขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดเวลา ไม่ยอมออกมาเลย
ไม่มีใครรู้ว่าภายในท่าเรือดอกท้อเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่
ทั่วทั้งตระกูลเว่ยต่างถกเถียงกัน
เว่ยซงสาวเท้าขึ้นกำลังจะเดินเข้าไปด้านใน แต่กลับถูกเว่ยเค่อหานขวางเอาไว้
“ผู้อาวุโสเว่ยซง ท่านประมุขบอกว่าอยากอยู่คนเดียว ท่านควรจะมาใหม่อีกครั้ง…”
“ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องรายงานกับท่านประมุข เรื่องนี้ไม่อาจล่าช้าได้”
เว่ยซงขมวดคิ้วขึ้น
“เรื่องนี้เจ้าก็ยังจะขวางข้าอีกหรือ?”
หัวใจของเว่ยเค่อหานกระตุกวูบ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถอยหลังลงไปหนึ่งก้าว
“ไม่กล้า”
แม้เขาจะเป็นผู้อาวุโสด้วยกันทั้งคู่ แต่ในตระกูลด้วยตำแหน่งของเว่ยซงกลับสูงส่งกว่า เว่ยเค่อหานไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้เลย
เว่ยซงเดินตรงไปที่หน้าประตูเรือนของเว่ยเจ๋อ
…
เขาควรจะรักษาสัญญากับทางหรงซิวแล้วส่งตัวเว่ยซีผิงให้แก่ท่าเรือดอกท้อ
หรือว่าเขาจะก้มศีรษะให้แก่จวินจิ่วชิงต่อไป
สำหรับเขาและตระกูลเว่ยตัวเลือกทั้งสองทางนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
แต่เขาไม่ไว้ใจหรงซิว อีกทั้งเขาก็ยังไม่ไว้ใจจวินจิ่วชิง
ไม่ว่าจะทำอย่างใดก็เท่ากับว่าเป็นการส่งเว่ยซีผิงไปอยู่ในมือของคนอื่น และทำให้เขาตกเป็นผู้ถูกกระทำโดยสมบูรณ์แบบ
ทางเลือกทั้งสองนี้เขาไม่อยากจะเลือกเลยสักทาง
แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมของเขา
“ท่านประมุข?”
เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นจากด้านนอก ในที่สุดเขาก็สามารถดึงสติกลับมาได้
“ผู้อาวุโสเว่ยซง? เชิญเข้ามาเถอะ”
เว่ยซงผลักประตูเข้ามา
ทันทีที่เข้ามา เขาก็เห็นว่าเว่ยเจ๋อมีสีหน้าซีดเชียว ภายในใจก็รู้สึกไม่เข้าใจมากกว่าเดิม
“ท่านประมุขกำลังกังวลใจเรื่องอันใดอยู่หรือ?”
หลายปีที่ผ่านมานี้ น้อยครั้งมากที่เขาจะเห็นเว่ยเจ๋อมีท่าทางเช่นนี้
เว่ยเจ๋อส่ายหน้า จากนั้นก็ลูบใบหน้าของตัวเอง
“ไม่เป็นไร เพียงแค่…ข้าคิดถึงซีผิงขึ้นมาเท่านั้น”
เว่ยซงเข้าใจแล้ว
“เมื่อครู่นี้ผู้อาวุโสเว่ยซงบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะต้องรายงาน ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอันใดหรือ?” เว่ยเจ๋อถามขึ้น
เว่ยซงมีสีหน้าตึงเครียดขึ้นมาในทันที
“เหมือนว่าท่านประมุขจะยังไม่รู้ ถังเคอและท่านซูปรากฏตัวขึ้นมาบนโลกแล้ว”
เว่ยเจ๋อไม่สามารถตอบสนองได้ชั่วครู่หนึ่ง “อันใดนะ?”
เว่ยซงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ สองคนนั้นได้กล่าวว่า พวกเขาจะอยู่ที่ท่าเรือดอกท้อต่อไป”
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เว่ยเจ๋อก็ตระหนักได้ถึงอันใดบางอย่าง จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนขึ้นมาอย่างกะทันหัน!
เก้าอี้ด้านหลังล้มกระแทกพื้นอย่างแรง
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจเรื่องเหล่านี้
“ที่พูดมานั้น…เป็นความจริงหรือไม่?”
“จริงแท้แน่นอน ตอนนี้ข่าวลือได้แพร่กระจายออกไปไกลแล้ว ทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่น่าจะรู้เรื่องเหล่านี้หมดแล้ว”
เว่ยซงรู้ว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่ ดังนั้นจึงส่ายหน้า
“นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก บนโลกใบนี้ ไม่มีใครกล้าแอบอ้างว่าเป็นถังเคอและท่านซู”
หัวใจของเว่ยเจ๋อจมดิ่งลงในทันที!
ถูกต้อง
ต่อให้มีคนกินดีหมีหัวใจเสือ พวกเขาก็ไม่กล้าทำเรื่องเหล่านี้แน่นอน!
แล้วอีกอย่าง ทุกคนล้วนคิดว่าทั้งสองคนนี้ตายไปตั้งแต่หมื่นปีก่อนแล้ว ใครจะกล้าแอบอ้างเป็นพวกเขาบ้างล่ะ?
ทั้งหมดนี้สามารถยืนยันได้ว่า เรื่องราวเหล่านี้เป็นความจริง!
“ถังเคอ…ท่านซู!”
เว่ยเจ๋อพูดพึมพำขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็ต่อยโต๊ะอย่างแรง
“ตอนที่พวกเขาออกจากสุสานของถังเคอ พวกเขาก็คง…”
คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ได้สังเกตเลย!
ความจริงแล้วไม่ใช่แค่เขา ตอนนั้นคนที่เดินทางไปป่าศิลาก็มีเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีใครที่สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้เลย!
ก่อนหน้านี้ทุกคนรู้สึกอิจฉาอีกฝ่ายมากที่พวกเขาได้รับมรดกของถังเคอ แล้วยิ่งมาดูตอนนี้สิ!
เว่ยซงมองไปทางเว่ยเจ๋อ ในแววตามีประกายแห่งความสงสัยปรากฏ
เรื่องนี้มันน่าตกใจก็จริง ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รีบร้อนเดินทางมาที่นี่หลังจากรู้ข่าว
แต่ว่า…ดูจากปฏิกิริยาของเว่ยเจ๋อ เหมือนว่าจะยิ่งใหญ่เกินไปหน่อย
“ท่านประมุข ก่อนหน้านี้ที่ท่านไปท่าเรือดอกท้อ ท่านได้คุยอันใดกับพวกเขากันแน่?”
หากเป็นอย่างที่เว่ยเจ๋อพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ เขาไปที่นั่นเพื่อคลี่คลายความเข้าใจผิด และตอนนี้เขาก็ไม่ควรจะมีท่าทางเช่นนี้สิ
เว่ยซงรู้สึกได้ว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติ
เว่ยเจ๋อสูดลมหายใจเข้าแล้วพูดว่า
“ไม่มีอันใด เพราะเรื่องของซีผิงก่อนหน้านี้ ทำให้ข้ากับพวกเขาไม่ค่อยลงรอยกัน อีกทั้งภายในสุสานถังเคอก็ยังเกิดความบาดหมางต่อกัน ดังนั้นพวกเขาจึงสงสัยว่าเรื่องของสำนักมหายานนั้นเป็นฝีมือของข้า แต่ตอนนี้…ข้าได้อธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจชัดเจนไปแล้ว”
แต่เว่ยซงกลับไม่เชื่อคำพูดของเว่ยเจ๋อ ดังนั้นจึงลองถามหยั่งเชิงว่า
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ด้วยการสนับสนุนของถังเคอและท่านซู หลังจากนี้เกรงว่าเราจะไม่สามารถยั่วยุหรงซิวและซั่งกวนเยว่ได้แล้ว คนเช่นนั้นต่อให้เป็นสหายไม่ได้ ก็ห้ามเป็นศัตรูเด็ดขาด”
เว่ยเจ๋อหลับตาลง หลังจากเขาเงียบไปนาน จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า
“เจ้าพูดได้ถูกต้อง เรื่องใหญ่ขนาดนี้ พวกเราก็ควรจะต้องแสดงความยินดี”
“ท่านประมุขหมายความว่า…”
“ข้าจะออกเดินทางไปที่ท่าเรือดอกท้อทันที ครั้งนี้ข้าต้องไปส่งมอบของขวัญแสดงความยินดีเพื่อ…ตระกูลเว่ย”
“จะต้องไปอีกหรือ?” เว่ยซงลังเลเล็กน้อย
หากไปอีกครั้ง ท่าเรือดอกท้อคงจะมองว่าเรากำลัง “ประจบ” แบบนี้มันจะสายไปหน่อยหรือไม่?
เว่ยเจ๋อหัวเราะเยาะตัวเอง
“ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม ครั้งนี้ข้าจะต้องไปให้ได้”
เว่ยซงรู้สึกว่าคำพูดของเขานั้นแฝงนัยยะ แต่เมื่อครุ่นคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าวิธีการทำเช่นนี้ของเว่ยเจ๋อไม่ได้ผิดปกติอันใด
ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็จะให้ประโยชน์แก่ตระกูลเว่ยมากกว่า
“ท่านประมุขคิดว่าจะนำของสิ่งใดไปเป็นของกำนัล? คลังของตระกูล…”
“เรื่องนี้ข้ามีในใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องรบกวนผู้อาวุโสเว่ยซง”
เว่ยเจ๋อหลับตาลง
“ข้าอยากจะพักผ่อนเสียหน่อย หากผู้อาวุโสเว่ยซงไม่มีธุระอื่นใดก็เชิญ”
เว่ยซงรู้สึกลังเลที่จะพูด แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่เหนื่อยล้าของเว่ยเจ๋อ สุดท้ายเขาก็ต้องกลืนคำพูดเหล่านั้นลงคอ ก่อนตอบรับหนึ่งเสียงแล้วหมุนตัวเดินจากไป
ประตูห้องถูกปิดลง ภายในห้องกลับคืนสู่ความเงียบอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปสักพัก เว่ยเจ๋อก็ถอนหายใจออกมายาวๆ ในตอนนั้นเหมือนว่าเขาจะแก่ขึ้นมากหลายปี
…
ท่าเรือดอกท้อ
การปรากฏตัวของถังเคอและท่านซูทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่
อย่างใดก็ตามคนทั้งสองเป็นต้นเหตุของพายุกลับเลือกที่จะอยู่ในจวนเยว่เงียบๆ เหมือนว่าพวกเขาตั้งใจจะอยู่ที่นี่ต่อไปจริงๆ
เมื่อคลี่คลายเรื่องกังวลได้แล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกโล่งอกขึ้นไม่น้อย
หลังจากเรื่องจบไปแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้น นางก็พาหัวซวงซวงมาหาถวนจื่อ
มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ฉู่หลิวเยว่ต้องบ่นอย่างหมดเรี่ยวแรงก็คือ ตอนที่พวกเขาเดินออกมาที่นอกเรือนกลับมีเหล่าสัตว์อสูรหลายสิบตัวเดินติดตามมาด้วย