ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2162 สมควรแล้ว
ตอนที่ 2162 สมควรแล้ว
………………..
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าเรือนแล้วหันไปมองทางหัวซวงซวงอย่างไม่พูดอันใด
จากเรือนที่นางพำนักมาถึงที่แห่งนี้ก็ถือว่าใกล้มาก!
แต่ด้วยระยะทางสั้นๆ ขนาดนี้ แต่เหล่าสัตว์อสูรก็ยังติดตามมาไม่ห่าง
และยังมีสัตว์อสูรอีกสองสามตัวที่ห้อยติดอยู่บนร่างกายของหัวซวงซวง
“ซวงซวง เหตุใดข้ารู้สึกว่าเจ้าดึงดูดพวกมันได้มากกว่าแต่ก่อนล่ะ?”
ในตอนแรกนางนึกว่านางคิดไปเอง แต่หลังจากสังเกตอยู่สองวัน นางก็พบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
อสูรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นชนิดไหน ไม่ว่าจะมีนิสัยอย่างใด แต่เมื่อมาเจอกับเขาพวกมันก็มาเกาะติดอย่างเหนียวแน่น
นางไม่รู้ว่าภายในร่างกายของเขามีอันใดน่าดึงดูดกันแน่
หัวซวงซวงหัวเราะเสียงดัง
“ท่านวางใจเถอะ พวกมันล้วนเชื่อฟังมาก ไม่มีทางก่อเรื่องเด็ดขาด”
ขณะที่พูด เขาก็ดึงสัตว์อสูรที่เกาะอยู่บนร่างกายออกแล้ววางลงบนพื้น จากนั้นก็หันไปกำชับว่า
“เอาล่ะ รออยู่ที่นี่ดีๆ นะ ห้ามวิ่งเพ่นพ่านไปมาล่ะ”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้น
“ซวงซวง วางใจเถอะ พวกมันกล้าก่อเรื่องในส่วนอื่นของจวนเยว่ แต่ไม่กล้าก่อเรื่องที่นี่เด็ดขาด”
หัวซวงซวงเข้าใจอย่างรวดเร็ว “เป็นเพราะ…ถวนจื่อ?”
ตอนนี้ถวนจื่อเป็นเผ่าหงส์ทองคำแล้ว อีกทั้งยังเป็นนายน้อยที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ ถือว่าตำแหน่งของมันสูงสุดภายในที่แห่งนี้แล้ว
เมื่อสัตว์อสูรเหล่านี้เห็นนาง พวกมันจึงรู้สึกเกรงขามในสายเลือดของนางอยู่หลายส่วน
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน
“ถวนจื่อน่าจะรู้แล้วว่าเจ้ามา แต่เมื่อไม่นานมานี้ข้าเพิ่งให้ถวนจื่อดูแลจื่อเฉิน นางจึงอยู่ที่นี่มาโดยตลอด หากนางเห็นเจ้านางจะต้องดีใจแน่นอน”
“นั่นคือสัตว์อสูรในพันธสัญญาอีกตัวของท่านหรือ?”
เรื่องที่ฉู่หลิวเยว่มีสัตว์อสูรในพันธสัญญาสองตัว หัวซวงซวงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว
“ใช่”
หัวซวงซวงทอดถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “ได้ยินมาว่าเป็นอินทรีสามตาที่ผสานสายเลือดกับไท่ซวีเฟิ่งหลง เขาจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ในที่สุดวันนี้ข้าก็จะได้เจอเขาแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าขึ้นมาด้านหน้าแล้ว ตะโกนเรียกขึ้นว่า
“ถวนจื่อ! ดูสิว่ามีใครมาหา!”
…
ตอนนั้น ถวนจื่อที่กำลังจะช่วยจื่อเฉินเปลี่ยนยา เมื่อนางได้ยินเสียงนั้น ดวงตาของนางก็เปล่งประกายขึ้นมาในทันที แล้วมองออกไปด้านนอกด้วยความตื่นเต้น
จื่อเฉินเงยหน้าขึ้นมองนาง แล้วยื่นมือออกมา
“เอายามาให้ข้าเถอะ”
ถวนจื่อถอนสายตากลับมา แล้วเบี่ยงมือหลบ
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างใด? ตอนนี้เจ้ายังไม่หายดีเลยนะ เรื่องแบบนี้ให้ข้าทำเองดีกว่า!”
จื่อเฉินมองนางด้วยสีหน้าราบเรียบ
“สหายยากจะพบหน้ากัน ในเมื่อเขามาแล้วก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะไม่ไปพบ”
“นั่นก็จริง!”
ถวนจื่อครุ่นคิด ในตอนนั้นนางก็คิดว่าคำพูดของจื่อเฉินมีเหตุผลมาก
นางวางยาลงที่ด้านข้างแล้วถามว่า
“ชะ…เช่นนั้นข้าออกไปดูหน่อยนะ? แล้วเดี๋ยวข้าจะรีบกลับมาเปลี่ยนยาให้เจ้า!”
จื่อเฉินพยักหน้า “ไปเถอะ”
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าจื่อเฉินดีที่สุด!”
ชั่วพริบตาเดียว เงาร่างเล็กๆ ก็หายออกไปจากห้องมีเพียงเสียงกระดิ่งที่ดังกังวานเท่านั้น
จื่อเฉินหลับตาลง ตั้งใจจะพักผ่อน
จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องขึ้นเพราะความยินดีของถวนจื่อ
“พี่ซวง!”
จื่อเฉินลืมตาขึ้น
…
ถวนจื่อวิ่งออกมา เมื่อนางเห็นหัวซวงซวง นางก็รู้สึกตื่นเต้นยินดีในทันที
“พี่ซวง! เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย! เป็นเจ้าจริงๆ ด้วยนะ!”
เมื่อหัวซวงซวงเห็นถวนจื่อ เขาก็ชะงักไปก่อนเล็กน้อย จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้นางกลายร่างเป็นมนุษย์แล้ว
แม้นางจะแตกต่างไปจากเดิมมาก ต่อให้สายเลือดจะเปลี่ยนแปลงไป แต่เขาก็ยังรู้สึกคุ้นเคยกับลมปราณของนางอยู่
บนใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มกว้าง จากนั้นก็อ้าแขนทั้งสองข้างออก
“เก้าจิ๋ว!”
เขารับถวนจื่อเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเอง
“ดูข้าสิ ข้าตื่นเต้นเกินไปหน่อย ดังนั้นจึงเผลอเรียกเจ้าว่าเก้าจิ๋วเสียได้ ตอนนี้เจ้าชื่อว่าถวนจื่อสินะ”
ในบรรดาสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ เขากับถวนจื่อมีความสนิทสนมคุ้นเคยมากที่สุด เขาเรียกเก้าจิ๋วจนเคยชินแล้ว จะให้มาเปลี่ยนทันทีมันคงยาก
ถวนจื่อหัวเราะขึ้นมา
“ไม่เป็นไร! จะเรียกอันใดก็ได้ทั้งนั้น!”
หัวซวงซวงหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็ใช้สายตาสำรวจนางจนทั่ว
“เก้าจิ๋ว เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่?”
จื่อเฉินที่อยู่ภายในห้องก็เริ่มขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
ตอนที่เขาเดินมาถึงหน้าประตู เขาก็เห็นว่าถวนจื่อกำลังกอดศีรษะของหัวซวงซวงแล้วพยักหน้าอย่างแรง
“คิดถึงสิ!”
ฉู่หลิวเยว่เห็นจื่อเฉินเป็นคนแรก ดังนั้นจึงอุทานด้วยความตกใจว่า
“จื่อเฉิน เจ้าออกมาเหตุใด?”
จื่อเฉินมีสีหน้าราบเรียบ
“เมื่อมีแขกมา เจ้าจะให้ข้านอนอยู่ได้อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นบาดแผลของข้าก็เริ่มจะหายดีแล้ว”
ขณะที่พูดเขาก็หันไปมองหัวซวงซวง
“ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ…”
“จื่อเฉิน!”
ถวนจื่อหันกลับไปมอง จากนั้นก็โบกมือเรียกจื่อเฉินด้วยความยินดี
“ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก นี่คือพี่ซวง! เขาเคยเป็นน้องชายของข้าล่ะ!”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
“ถวนจื่อ นั่นเป็นเรื่องตั้งนานมาแล้ว แล้วอีกอย่างตอนนั้นซวงซวงยอมถอยให้เจ้าหรอก”
หัวซวงซวงหัวเราะเสียงดังมากขึ้น
“นายท่านไม่ต้องใส่ใจ! เก้าจิ๋วพูดได้ถูกต้อง หลายปีที่ผ่านมานั้นข้าได้ติดตามเก้าจิ๋วอยู่จริงๆ !”
ถวนจื่อเผยสีหน้าภาคภูมิใจ
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างจนปัญญา
“ก็มีแต่เจ้าที่ตามใจนางเช่นนี้”
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งสองคนนำสัตว์อสูรมาสร้างปัญหาให้แก่ราชวงศ์เทียนลิ่งไม่น้อย
ถวนจื่อพูดขึ้นอีกว่า
“พี่ซวง นี่คือจื่อเฉิน! ครั้งนี้เขาได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยชีวิตข้าเอาไว้!”
“อย่างนี้นี่เอง”
ถวนจื่อตบไหล่ของเขา
“เอาล่ะ! ข้าจะต้องไปช่วยจื่อเฉินเปลี่ยนยาแล้ว! หากข้าทำงานเสร็จแล้วข้าจะมาหาเจ้านะ!”
หัวซวงซวงวางถวนจื่อลง จากนั้นก็หันไปประสานมือให้จื่อเฉิน
“ขอบคุณมากที่ช่วยดูแลเก้าจิ๋ว”
จื่อเฉินพูดเสียงเรียบ
“นี่เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”