ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2163 ระดับศักดิ์สิทธิ์
หัวซวงซวงชะงักไปครู่หนึ่ง
ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจผิดไปเองหรือไม่ เขาคิดว่าจื่อเฉินผู้นี้ไม่ค่อยจะต้อนรับเขา…
ถวนจื่อวิ่งเข้าไปหาจื่อเฉิน แล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย
“จื่อเฉิน เมื่อครู่นี้พวกเราเสียงดังจนรบกวนเจ้าหรือเปล่า?”
นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้จื่อเฉินเตรียมตัวจะพักผ่อน…
จื่อเฉินหันมองทางนั้น
“เปล่า”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวเสริมอีกประโยคว่า
“บางทีบาดแผลกำลังฟื้นตัวอยู่ ดังนั้นข้าจึงนอนไม่หลับ”
“หา? อย่างนั้นหรือ!”
ถวนจื่อนึกถึงตอนที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บ ทุกครั้งตอนที่แผลตกสะเก็ดแล้ว บาดแผลของนางก็จะรู้สึกคันๆ ขึ้นมา
จื่อเฉินก็น่าจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
“แต่นั่นก็หมายความว่ากำลังจะหายดีแล้วไม่ใช่หรือ! ป่ะ ข้าจะช่วยเจ้าเปลี่ยนยาเอง!”
เปลี่ยนยาบ่อยๆ นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
จื่อเฉินเงยหน้าหันไปมองทางหัวซวงซวง
“แบบนี้คงไม่เหมาะสมหรอกมั้ง? เจ้ากับสหายไม่ได้เจอกันมานาน…”
“ตอนนี้บาดแผลของเจ้าสำคัญกว่านะ!”
ในตอนนี้ถวนจื่อยังรู้จักการจัดลำดับความสำคัญ
ฉู่หลิวเยว่ก็พูดขึ้นว่า
“ก่อนหน้านี้จื่อเฉินได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเหลือถวนจื่อ ถวนจื่อจึงรู้สึกผิดอยู่ตลอด ดังนั้นข้าจึงให้นางอยู่ที่นี่เพื่อดูแลจื่อเฉิน”
หัวซวงซวงพยักหน้า “หัวใจของถวนจื่อบริสุทธิ์มาก นางจะต้องเสียใจกับเรื่องนี้มากแน่นอน ด้วยวิธีการเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วสำหรับนาง”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่โค้งขึ้นเล็กน้อย
“พลังแห่งสายเลือดของจื่อเฉินก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน อีกไม่นานก็คงหายดี เมื่อถึงตอนนั้นข้าค่อยให้ถวนจื่อไปหาเจ้าก็แล้วกัน”
หัวซวงซวงหัวเราะเสียงดัง
“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน! ไม่ว่าอย่างใดวันนี้ข้าก็ได้เจอนางแล้ว เท่านี้ข้าก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมากแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ตะโกนเข้าไปในเรือนว่า
“จื่อเฉิน ถวนจื่อ ถ้าเช่นนั้นพวกเราไม่กวนเวลาพักผ่อนของพวกเจ้าแล้ว ข้าขอตัวลาก่อนนะ?”
จื่อเฉินเพิ่งจะนอนเอนตัวลงบนเตียง ส่วนถวนจื่อกำลังถือขวดยา เมื่อได้ยินเสียงนั้นนางก็หันศีรษะกลับมาแล้วพูดตอบรับว่า
“เข้าใจแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่และหัวซวงซวงจากไปอย่างรวดเร็ว
ถวนจื่อวางขวดยาในมือลง จากนั้นก็แก้ปมรูปโบว์ที่ผ้าพันแผลของจื่อเฉิน
จื่อเฉินหลุบตามองหน้านาง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ถามขึ้นมาว่า
“ความจริงแล้วบาดแผลของข้าก็เกือบจะหายดีแล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปบอกกับนายท่าน…”
ถวนจื่อส่ายหน้ารัวๆ
“ไม่ต้องๆ ! หากบอกว่าสิบวันก็คือสิบวัน จะน้อยลงสักวันก็ไม่ได้!”
นางเปิดผ้าพันแผลออก เมื่อเห็นว่าบาดแผลของจื่อเฉินเริ่มตกสะเก็ดแล้ว เพียงแต่บาดแผลมีขนาดใหญ่ จึงทำให้คนที่เห็นรู้สึกตกใจเท่านั้น
นางขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เทยาลงไปอย่างระมัดระวัง ก่อนเปลี่ยนผ้าพันแผลผืนใหม่ที่สะอาด
จื่อเฉินไม่ได้พูดอันใดมาก เขาเอนกายพิงหัวเตียง แววตาดูผ่อนคลายหลายส่วน
จื่อเฉินเหลือบสายตามองนางอีกครั้ง
เหมือนสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ถวนจื่อจึงเงยหน้าขึ้นแล้วกะพริบตาปริบๆ
“เป็นอันใดหรือ? จื่อเฉิน หรือว่าเจ้าอารมณ์เสียอีกแล้ว?”
“เปล่า”
“เป็นแน่นอน!”
ถวนจื่อพูดขึ้น จากนั้นก็สาวเท้าก้าวขึ้นไปด้านหน้า ก่อนยื่นมือเล็กๆ ไปจิ้มที่มุมปากของอีกฝ่าย
“เจ้าไม่ได้ยิ้มเลยเนี่ย!”
จื่อเฉินจับมือของนางเอาไว้ หลังจากเงียบไปนานเขาก็พูดขึ้นว่า
“ข้าแค่รู้สึกเจ็บบาดแผลเล็กน้อย”
ถวนจื่อเข้าใจในทันที จากนั้นนางก็รู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้ง
“เมื่อครู่นี้ข้ามือหนักไปใช่หรือไม่? เช่น…เช่นนั้นข้าจะต้องระวัง…”
จื่อเฉินตอบรับคำว่า “อื้อ” หนึ่งเสียง จากนั้นก็ปล่อยมือเล็กๆ ของนาง ก่อนหลับตาลง
ถวนจื่อก้มหน้าพันแผลด้วยความระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม
…
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่กำลังออกจากเรือนนั้นก็ได้ยินคำพูดประโยคนั้นเข้าพอดี นางหันกลับไปมอง แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
นางหูฝาดหรือเปล่า?
เมื่อครู่นี้บอกว่าเจ็บแผลเล็กน้อย?
มีอันใดผิดพลาดไปหรือเปล่า ท่านผู้ชายคนนี้ต่อให้กระดูกแตก ร่างแหลกเป็นเสี่ยง เขาก็ยังไม่กรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ
ตอนนี้บาดแผลหายดีขึ้นมากแล้ว แต่เหตุใดถึงพูดว่าเจ็บกันนะ?
หัวซวงซวงก็ชะงักฝีเท้า จากนั้นก็หันไปมองตามสายตาของฉู่หลิวเยว่
“นายท่าน มีอันใดหรือ?”
“ไม่มีอันใด พวกเราไปกันเถอะ”
ช่วงนี้มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นมากมาย…
หลังจากเดินไปสักพักหัวซวงซวงก็พูดขึ้นมาว่า
“นายท่าน เหมือนว่า…จื่อเฉินจะไม่ค่อยต้อนรับข้าเท่าไรเลย”
“เป็นไปได้อย่างใด?” ฉู่หลิวเยว่หัวเราะ “เดิมทีจื่อเฉินก็มีนิสัยที่ค่อนข้างเย็นชา และเขาก็เป็นอย่างนี้กับทุกคน ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
หัวซวงซวงจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดี”
เดิมทีร่างกายของเขามีลักษณะพิเศษ สัตว์อสูรทุกตัวจะเป็นมิตรกับเขามากเป็นพิเศษ
แต่ตอนที่เขาได้พบกับจื่อเฉิน เขารู้สึกได้ว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติไป
บางทีเขาอาจจะคิดไปเองก็ได้
…
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่กับหัวซวงซวงจากไปแล้ว พวกเขาก็เดินกลับมาที่เรือนของตัวเอง
หรงซิวกำลังเขียนใบรายการส่งให้กับเยี่ยนชิง
“…ของทั้งหมดนี้ต้องจัดส่งภายในห้าวัน”
เยี่ยนชิง รับใบรายการมาด้วยสองมือ จากนั้นก็รีบเก็บลงด้วยความรวดเร็ว “ขอรับ!”
เมื่อพูดจบเขาก็ทำความเคารพแล้วถอยหลังลงไป ตอนที่เขาเดินออกมาก็บังเอิญเจอกับฉู่หลิวเยว่พอดี
หลังจากเขาทำความเคารพแล้วก็รีบเดินจากไปทันที
ฉู่หลิวเยว่มองตามแผ่นหลังของเขา ก่อนถามด้วยความประหลาดใจว่า
“เหตุใดเขาต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วยล่ะ?”
“ไม่มีอันใด ข้าแค่ให้เขาไปหยิบของที่พระราชวังเมฆาสวรรค์เท่านั้น” หรงซิวพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ของเหล่านั้นล้วนเป็นของที่ผู้อาวุโสถังเคอต้องการ”
“ผู้อาวุโสถังเคอต้องการของอันใด แล้วเหตุใดเขาถึงไม่บอกข้าล่ะ? หรือว่าภายในท่าเรือดอกท้อนั้นไม่มี?”
หรงซิวพูด
“เขาเพิ่งมาเมื่อครู่นี้ แต่เจ้าไม่อยู่ ข้าจึงตอบรับไปแล้ว ของเหล่านั้นคือวัสดุในการหลอมอาวุธ ท่าเรือดอกท้อมี แต่มีจำนวนไม่มาก แต่บังเอิญว่าในคลังของพระราชวังเมฆาสวรรค์มีของเหล่านั้นพอดี ดังนั้นข้าจึงให้เยี่ยนชิงไปหยิบมา”
“อย่างนี้นี่เอง”
ถังเคอคือปรมาจารย์หลอมอาวุธ ดังนั้นของที่เขาต้องการย่อมเป็นของที่เกี่ยวข้องกับการหลอมอาวุธแน่นอน
แม้ท่าเรือดอกท้อจะมีพลังสวรรค์และโลกเต็มเปี่ยม แต่เมื่อพูดถึงของเหล่านี้ก็ยังถือว่ามีจำนวนน้อยกว่าพระราชวังเมฆาสวรรค์
ฉู่หลิวเยว่ลูบปลายคางของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงจะต้องเตรียมให้กับท่านซูบ้างแล้ว?”
“ไม่จำเป็นหรอก ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสถังเคอได้ขอแทนท่านซูแล้ว”
ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองคนก็เป็นปรมาจารย์หลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังเคยประมือกันมาก่อน ในด้านนี้ไม่มีใครเข้าใจพวกเขาไปกว่าตัวพวกเขาเองแล้ว
ฉู่หลิวเยว่แค่นหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง
“ผู้อาวุโสถังเคอ…สุดยอดจริงๆ เลย”
ก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนอีกคนให้กลายเป็นภรรยา ต่อมาก็เริ่มติดตามอีกฝ่ายทุกฝีก้าว
ตลอดสองวันที่ผ่านมานี้ซูหลีไม่ได้พบเขาเลย แต่เขากลับคิดวิธีเหล่านี้ขึ้นมาได้
แม้กระทั่งฉู่หลิวเยว่ก็ยังต้องเลื่อมใสเขา
หรงซิวยกริมฝีปากบางขึ้น แล้วหันมองหน้านาง
“ครั้งนี้ผู้อาวุโสถังเคอตั้งใจจะหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
สำหรับถังเคอแล้ว การหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อนั้นไม่ใช่ปัญหา
แต่ประเด็นสำคัญก็คือ แล้วจะทำอย่างใดกับสมบัติศักดิ์สิทธิ์?
ตามที่ซูหลีเคยพูดเอาไว้ที่พวกเขาสามารถหลอมสิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ออกมาได้ ก็เป็นเพราะการปรากฏตัวของโล่ผสานนภา
แต่ว่าในตอนนี้หากต้องการจะหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์นั้น เกรงว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย
ทันใดนั้น หัวใจของนางก็สั่นสะท้าน
“จริงสิ เจ้าจำได้หรือไม่ว่าตอนแรกผู้อาวุโสถังเคอเคยพูดว่า องค์ไท่จู่สามารถทะลวงสู่ระดับช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ได้?”
………………..