ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2164 เจ้าควรกลับไปแล้ว
หรงซิวพยักหน้า
“เขาเคยพูดเช่นนั้นจริงๆ”
ตอนนั้นเขาพูดประโยคนี้ต่อหน้าทุกคน ดังนั้นชื่อเสียงและสถานะของซั่งกวนจิ้งภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่จึงสูงเพิ่มมากขึ้นด้วย
ทุกคนล้วนอยากรู้ว่าเขาจะสามารถทะลวงสู่ช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างราบรื่นหรือไม่
ฉู่หลิวเยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เล่าถึงคำพูดของซูหลีอย่างคร่าวๆ อีกรอบ
“ถ้ามันเป็นจริงอย่างที่ท่านซูพูด ตอนนี้อาณาจักรเสิ่นซวี่ก็ไม่ควรมีใครสามารถหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้สำเร็จไม่ใช่หรือ?”
ดวงตาของหรงซิวสว่างวาบ “นางบอกเช่นนั้นกับเจ้าหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
หรงซิวนิ่งไปชั่วคราว จากนั้นก็ยิ้มออกมา
“ถ้าอย่างนั้นนางคงเข้าใจอันใดบางอย่างผิดไป”
ฉู่หลิวเยว่ชะงัก
“ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสถังเคอเคยพูดเรื่องนี้กับข้ามาก่อน เจ้ายังจำตำหนักกลางอากาศที่ทะเลทรายจันทราสีชาดได้หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่จำได้แน่นอน
นางสามารถพูดได้ว่านางจดจำทุกเหตุการณ์ภายในสถานที่แห่งนั้นได้อย่างแม่นยำ
“คือว่า…สถานที่แห่งนั้นมีอันใดผิดปกติหรือ?”
หรงซิวยื่นมือออกไป จากนั้นก็ทำท่าทางหนึ่งขึ้นมา
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ตระหนักได้ถึงอันใดบางอย่าง “เจ้ากำลังหมายถึง…จัตุรัสแห่งนั้นหรือ?”
หรงซิวพยักหน้า
“เห็นได้ชัดว่าโล่ผสานนภามีต้นกำเนิดมาจากสถานที่แห่งนั้น ในเมื่อตอนแรกโล่ผสานนภาปรากฏขึ้นมาแล้วและสามารถกระตุ้นให้ผู้อาวุโสถังเคอและท่านซูหลอมสิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ ถ้าอย่างนั้น…มันก็อาจจะไม่ใช่เช่นนั้น ตอนแรกผู้อาวุโสถังเคอก็เคยพูดไว้ว่า ภายในจัตุรัสแห่งนั้นมีพลังเช่นเดียวกับโล่ผสานนภา บางทีนี่อาจจะเป็นความลับของสมบัติศักดิ์สิทธิ์”
ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีไปกว่านาง จัตุรัสหยกดำแห่งนั้นมีความชื่อมโยงอันใดบางอย่างกับโล่ผสานนภา!
“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า…บนโลกใบนี้ยังมีโอกาสหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ?”
หรงซิวยิ้มออกมาบางๆ จากนั้นก็หันไปมองทางด้านนอก
“ตามหลักการแล้วมันก็คงเป็นแบบนั้น แต่ว่าความเป็นจริง เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากมาก”
ฉู่หลิวเยว่จมอยู่ในห้วงความคิดลึกซึ้ง
แม้ระดับการหลอมอาวุธของผู้อาวุโสถังเคอกับท่านซูจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน แต่เรื่องอื่นๆ เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสถังเคอมีประสบการณ์มากกว่า อีกทั้งยังสามารถตัดสินได้อย่างเฉียบขาด
ซูหลีหลับใหลมาเป็นเวลาหมื่นปี ไม่รู้เรื่องราวโลกภายนอกก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว
ในเมื่อถังเคอพูดเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเขาจะต้องมีเหตุผลอื่นแน่นอน
ถ้าบอกว่าที่โล่ผสานนภาหลุดออกมาจากจัตุรัสหยกดำ และสามารถกระตุ้นสิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ ถ้าเช่นนั้น…ภายในจัตุรัสหยกดำอาจจะมีพลังอันใดบางอย่างที่น่าตกตะลึงกว่านั้นก็ได้?
“นั่นไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นมาอย่างมั่นใจว่า
“มันจะต้องมีอยู่จริงๆ !”
…
เยี่ยนชิงเดินทางออกจากท่าเรือดอกท้อแล้วมุ่งหน้าไปยังพระราชวังเมฆาสวรรค์
ตอนที่เขาไปถึงพระราชวังเมฆาสวรรค์นั้น ทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปทางประตูเข้าออกบานก่อนหน้านี้
พระราชวังเมฆนครสวรรค์มีประตูทางเข้าออกอยู่สามทางด้วยกัน ประตูที่เยี่ยนชิงเดินทางมานั้น เป็นทางเข้าที่ลึกลับมากที่สุด
คนที่มีอำนาจผ่านทางเข้านี้ได้ทั่วทั้งพระราชวังเมฆาสวรรค์มีเพียงหยิบมือเท่านั้น
ทหารยามสวมชุดเกราะสีดำคนหนึ่งยืนเฝ้าประตู เมื่อเห็นว่าเป็นเยี่ยนชิง เขาก็รีบทำความเคารพทันที
“คารวะใต้เท้าเยี่ยนชิง!”
“ขอรับ!”
ทหารยามคนนั้นไม่ถามอันใดมาก แล้วปล่อยให้เยี่ยนชิงเดินออกไปทันที
ระลอกคลื่นวูบไหว หลังจากนั้นเงาร่างของเยี่ยนชิงก็หายไปจากหลังบานประตูทันที
…
แคว้นเย่าเฉิน
เมื่อยามราตรีมาถึง ถนนหนทางที่เคยครึกครื้นก็เงียบสงัด
ร้านค้าน้อยใหญ่สองข้างทางต่างปิดร้านกันหมดแล้ว
เหยียนเก๋อลงกลอนประตูบานใหญ่ เขาร้องเพลงเสียงฮึมฮัม เหยียนเก๋อผู้นั้นรู้สึกสบายใจที่ได้กลับมายังบ้านของตัวเอง
แต่เมื่อเข้ามายังห้องนอน เขาก็สัมผัสได้ว่ามีอันใดผิดปกติไป
“ใครน่ะ?”
เขาพูดด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
เงาร่างหนึ่งเดินออกมาจากความมืด ใบหน้าหล่อเหลาคมคายค่อยๆ ปรากฏออกมา
ตอนที่มองเห็นอย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เหยียนเก๋อก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง แล้วลูบหน้าอกของตัวเอง
“เยี่ยนชิง เจ้าทำข้าตกใจหมดเลย!”
เขานึกว่าใครเสียอีก!
“นายท่านมีคำสั่ง”
เยี่ยนชิงพูดขึ้น เหยียนเก๋อสีหน้าตึงเครียด
“เรื่องอันใดหรือ?”
เยี่ยนชิงหยิบใบรายการแผ่นหนึ่งส่งให้ ซึ่งใบรายการแผ่นนี้เป็นแผ่นที่หรงซิวเคยมอบให้เขา
“นี่คือของที่นายท่านต้องการ เจ้ารีบไปหากลับมาโดยเร็ว”
เหยียนเก๋อรับมาด้วยสองมือ เขากวาดสายตามองอย่างละเอียด ก่อนมองทางเยี่ยนชิงด้วยความประหลาดใจ
“ความคิดของนายท่าน ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถคาดเดาได้”
เหยียนเก๋อแค่นหัวเราะ
“เจ้าติดตามนายท่านมาเป็นระยะเวลานาน อีกทั้งเจ้ายังพยายามมาตั้งหลายครั้ง ข้าขอคาดเดาสักครั้งจะเป็นอันใดไป?”
“วางใจเถอะ ขอเวลาสามวันก็เพียงพอแล้ว!”
เหยียนเก๋อเก็บใบรายการนั้นลง พร้อมเลิกคิ้วขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
“เรื่องเช่นนี้เป็นหน้าที่ของข้าเอง รับรองได้เลยว่าไม่มีปัญหา!”
“นายท่านพูดว่า หากเจ้าจัดการใบรายการนี้สำเร็จ เจ้าไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่เย่าเฉินอีกต่อไปแล้ว”
เมื่อเยี่ยนชิงพูดประโยคนี้ เหยียนเก๋อก็เผยสีหน้าตกใจออกมาในทันที
“จริงหรือ?”
เยี่ยนชิงพยักหน้า
“นายท่านหมายถึง เจ้าควรกลับไปได้แล้ว”
เหยียนเก๋อตบหน้าขาของตัวเอง น้ำตาของเขาก็ไหลออกมาด้วยความตื่นเต้นยินดี
“ในที่สุดก็มีวันนี้!”
พระเจ้ารู้ดีว่าเขาอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว เขาเกือบจะเบื่อตายแล้วเนี่ย!
ในที่สุดนายท่านก็พูดเช่นนี้ เขาจึงตื่นเต้นมากๆ !
สีหน้าของเยี่ยนชิงยังคงเย็นชาเช่นเดิม แต่แววตาเผยความรังเกียจอย่างปิดไม่มิด
เหยียนเก๋อไม่สนใจ
ไม่ว่าอย่างใดหลายปีที่ผ่านมานี้เยี่ยนชิงก็เป็นภูเขาน้ำแข็งเดินได้มาโดยตลอด
เขาสาวเท้าขึ้นไปด้านหน้าอย่างมีความสุข แล้วถามว่า
“เช่นนั้น…นายท่านคงจะใกล้กลับมาแล้วใช่หรือไม่? ฮูหยินล่ะ? คงจะกลับมาพร้อมกันใช่หรือไม่?”
เยี่ยนชิงถอยหลังลงไปครึ่งก้าว ก่อนหมุนตัวเดินจากไป
“เฮ้ย…อย่าเพิ่งไป! พูดให้จบก่อนสิ!”
เหยียนเก๋อตะโกนขึ้นเสียงดัง แต่อย่างใดก็ตามเยี่ยนชิงก็จากไปเร็วมาก อีกทั้งเขายังไม่มองมาเลยแม้แต่น้อย
“จริงๆ เลย… นิสัยแบบนี้ในอนาคตเจ้าก็คงไม่มีภรรยาหรอก!”
เหยียนเก๋อแค่นหัวเราะหนึ่งเสียง แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายเพิ่งพูดมา เขาก็รู้สึกยินดีมาก
เพื่อวันนี้ เขาถึงยินยอมที่จะมีริ้วรอยเพิ่มขึ้นหลายเส้น!
ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องนอนอีกต่อไปแล้ว เขารีบเก็บของอย่างลวกๆ จากนั้นก็ออกเดินทางอย่างรวดเร็ว
…
หลังจากที่เว่ยเจ๋อเดินทางออกจากลุ่มน้ำชิงกู่ เขาก็มุ่งหน้าตรงไปที่ท่าเรือดอกท้อ
แน่นอนว่าครั้งนี้เขาเดินทางมาพร้อมกับเว่ยซีผิงด้วย
“ท่านพ่อ ท่านคิดว่าหรงซิวต้องการจะทำอันใดกันแน่?”
เสียงของเว่ยซีผิงดังมาจากภายในแหวนเฉียนคุน อีกทั้งได้น้ำเสียงยังแฝงด้วยความตื่นเต้นระคนสงสัย
เว่ยซีผิงส่ายหน้า
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”
หรงซิวมีความคิดลึกซึ้ง เขาก็ไม่สามารถมองออก
“แต่ตอนนี้ท่าเรือดอกท้อกับพระราชวังเมฆาสวรรค์ร่วมมือกันแล้ว อำนาจของเขาเพิ่มขึ้นทุกวัน หากจะให้ไปยั่วยุคงไม่ใช่เรื่องดี…เขาก็คงน่าจะมีแผนการอื่นเตรียมเอาไว้แล้ว ท้ายที่สุด หากเขาคิดจะฆ่าเจ้าจริงๆ คงลงมือไปนานแล้ว ไม่รอจนถึงป่านนี้หรอก…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ปราณเย็นสายหนึ่งก็ปะทะขึ้นมา เว่ยเจ๋อหยุดยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขามองตรงไปด้านหน้าด้วยความประหลาดใจ
“ใคร?”