ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2166 ของขวัญ
ตอนที่ 2166 ของขวัญ
………………..
ท่าเรือดอกท้อ
ฉู่หลิวเยว่กำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ภายในห้องของตนเอง
ค่ายกลสีเงินแห่งหนึ่งกำลังลอยอยู่กลางอากาศตรงหน้านาง
ค่ายกลนั้นซับซ้อนมาก ลำแสงสว่างเปล่งประกาย แต่น่าเสียดายที่มันยังไม่สมบูรณ์ เหมือนว่ามีพื้นที่หลายส่วนที่ขาดหายไป
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองมันอยู่นาน หัวคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย
“…ไม่ถูกต้อง…มันไม่ใช่เช่นนี้…”
ค่ายกลที่ขาดหายไปนี้คือ ค่ายกลกระสวยสวรรค์!
ฉู่หลิวเยว่อาศัยความทรงจำร่างโครงสร้างค่ายกลขึ้นมาใหม่ แต่นางสามารถรื้อฟื้นโครงสร้างได้เพียงคร่าวๆ เท่านั้น เพราะความสามารถของนางยังไม่ถึง ดังนั้นจึงไม่สามารถแสดงค่ายกลที่สมบูรณ์ออกมาได้
ตอนแรกที่อยู่ในสำนักหลิงเซียว นางเคยช่วยพี่เป่าซ่อมแซมค่ายกลกระสวยสวรรค์มาแล้ว
แต่หากจะให้แสดงค่ายกลแบบสมบูรณ์ขึ้นมาเลยนั้นกลับเป็นเรื่องที่ยากกว่ามาก
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่กลับมาจากทะเลทรายจันทราสีชาด นางก็ใช้เวลาศึกษาค่ายกลกระสวยสวรรค์อยู่ช่วงหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้มีความคืบหน้ามากนัก
เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่หรงซิวสามารถใช้ค่ายกลกระสวยสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
ช่องว่างระหว่างพวกเขากว้างมากเกินไป…
นางรู้สึกว่าหรงซิวไม่ได้ใช้เวลาศึกษาอันใดมากมาย แต่ความแข็งแกร่งทุกด้านของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นตลอดจนน่าตกใจ!
ทุกครั้งที่ฝีมือของพวกเขาทั้งสองคนเหมือนจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่หรงซิวก็แสดงพลังอันน่าตกตะลึงออกมาอีกครั้ง
ในตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ถึงสามารถสัมผัสได้ว่า อันใดที่เรียกว่า “ความคับข้องใจ”
“เยว่เออร์? เสี่ยวเยว่เออร์?”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ฉู่หลิวเยว่โบกมือขึ้นเพื่อปัดค่ายกลที่อยู่ด้านหน้าให้จางหายไป จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปที่ด้านนอก
“เสี่ยวเยว่เออร์ ข้าอยากจะมาขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นอย่างสงสัย “เรื่องอันใดหรือ? ท่านสามารถพูดออกมาได้เลย”
ซูหลีกัดริมฝีปากแล้วพูดขึ้นว่า
“ข้าต้องการวัสดุในการหลอมอาวุธ ไม่ทราบว่าเจ้ามีหรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป
ซูหลีอธิบายขึ้นมาว่า “เรื่องมันเป็นอย่างนี้ เหมือนว่าช่วงนี้ถังเคอจะเตรียมตัวหลอมอาวุธแล้ว ข้าก็อยาก…แต่ข้ายังขาดของอยู่บางส่วน ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าเจ้าพอจะมีบ้างหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกสงสัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสถังเคอไปขอวัสดุเหล่านั้นจากหรงซิวมาแล้ว อีกทั้งยังช่วยขอให้ท่านด้วยหนึ่งชุด ท่านไม่รู้หรือ?”
ซูหลีตกตะลึงไป “จริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอน วันนั้นข้าเห็นกับตาตัวเองเลย” ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น แต่นางก็คิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ มุมปากของนางกระตุก “หรือว่า…ผู้อาวุโสถังเคอไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่ท่านหรือ?”
ซูหลีส่ายหน้า
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำอันใดบางอย่างผิดอย่างไม่ได้ตั้งใจ
นั่นก็หมายความว่า…ถังเคอตั้งใจไม่บอก และต้องการจะมอบของเหล่านี้เป็นของขวัญให้แก่ซูหลี?
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอแล้วถามอย่างเก้อเขิน
“ท่านซู ท่านทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้ได้หรือไม่?”
ซูหลี “…”
คนฉลาดแบบนาง ตอนนี้สามารถคาดเดาอันใดบางอย่างได้แล้ว ดังนั้นใบหน้าจึงเห่อร้อนขึ้นมา
“ข้า ข้ารู้แค่ว่าเขาเตรียมตัวจะหลอมอาวุธ แต่ไม่รู้เรื่องเหล่านี้…”
ตอนนี้นางได้กายเนื้อกลับคืนมา อีกทั้งยังสามารถทะลวงสู่ระดับเทพระดับสูงได้ นางจึงรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมาพอดี
เดิมทีนางอยากจะมาขอวัสดุการหลอมอาวุธจากฉู่หลิวเยว่ และจะหาโอกาสพูดคุยกับถังเคอดีๆ แต่ใครจะรู้เล่าว่า…
“ตอนนี้ผู้อาวุโสถังเคอคงจะเตรียมการอยู่ไม่น้อยเลยใช่หรือไม่?”
“ถูกต้อง เหมือนว่าพรุ่งนี้เขาเตรียมตัวจะไปหลอมอาวุธที่ร่องน้ำคืนมังกร อีกทั้งซั่งกวนจิ้งและคนอื่นๆ ก็จะไปด้วย”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
การได้เห็นถังเคอหลอมอาวุธด้วยตาตัวเองนั้นถือเป็นความฝันอันสูงสุดของปรมาจารย์หลอมอาวุธจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถพลาดโอกาสนี้ได้เด็ดขาด
ดูเหมือนว่าเมื่อถึงตอนนั้นนางเองก็จะต้องไปเปิดหูเปิดตาบ้างแล้ว
“ท่านวางใจเถอะ ผู้อาวุโสถังเคอใส่ใจท่านอยู่เสมอ ปัญหาเรื่องวัสดุในการหลอมอาวุธนั้น ท่านไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเลย” ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น จากนั้นนางก็นึกถึงบทสนทนาของหรงซิวที่พูดคุยกันก่อนหน้านี้อีกครั้ง “จริงสิ มีอีกเรื่อง…”
นางเล่าเรื่องนั้นให้ซูหลีฟังอย่างคร่าวๆ
หลังจากที่ซูหลีฟังจนจบ นางก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
“จริงหรือ? นั่นก็หมายความว่า… บนโลกนี้ยังสามารถหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้อีกหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“เรื่องนี้พูดยาก ท้ายที่สุดแล้ว…ในจัตุรัสหยกดำแห่งนั้น ก็มีเพียงโล่ผสานนภาที่หลุดออกไป ต่อให้มันมีพลังในการหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็คาดว่าไม่มีมนุษย์คนใดสามารถใช้ได้”
ไม่อย่างนั้นแล้วละก็ ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมาภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ก็คงจะต้องมีความคืบหน้าอันใดบ้าง
“จะว่าไปแล้วก็จริง…” ซูหลีครุ่นคิด ทันใดนั้นนางก็นึกอันใดบางอย่างออก ก่อนจะถามขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หาก…พวกเราไปที่นั่นอีกครั้งก็จะมีโอกาสไม่ใช่หรือ?”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นไหว
“ขอพูดตามตรงนะเจ้าคะ ข้าเองก็มีความคิดนั้นอยู่เช่นเดียวกัน”
ในเมื่อโล่ผสานนภามีต้นกำเนิดมาจากที่แห่งนั้น ถ้าเช่นนั้นจัตุรัสหยกดำก็จะต้องมีอยู่จริง รวมถึงพระราชวังหลังนั้นด้วย มันจะต้องมีอยู่จริงแน่นอน
เพียงแต่ในตอนนี้นางไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าจะหามันได้อย่างใด
…
วันรุ่งขึ้นมาหาอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเช้า คนจำนวนมากเดินทางออกจากบ้านของตนเองมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง
พวกเขาได้ข่าวมาว่า วันนี้ถังเคอวางแผนว่าจะไปหลอมอาวุธที่ผาธารใส พวกเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นมากและตั้งใจจะไปชมความงดงามของปรมาจารย์หลอมอาวุธ
แม้จะทำได้เพียงมองอยู่ไกลๆ แต่พวกเขาก็ไม่รู้สึกเสียใจเลย
สิบสามผู้พิทักษ์เยว่หลายคนก็ตั้งใจจะเข้าร่วมรับชมความสนุกนี้ด้วย
อวี๋จิ่วกอดดาบไม้ในมือเอาไว้ ใบหน้าของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น จากนั้นก็หันไปถามเฉินอีที่อยู่ด้านข้างว่า
“พี่ใหญ่ ได้ยินมาว่าครั้งนี้ผู้อาวุโสถังเคอไม่ได้จะหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างเดียวเท่านั้น หากเป็นไปได้…ข้าสามารถขอให้ผู้อาวุโสถังเคอนำเศษวัสดุที่เหลือมาหลอมเป็นกระบี่สักเล่มให้ข้าได้หรือไม่? ไม่เช่นนั้น ท่านซูก็ได้!”
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามท่านซูก็เป็นช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งนางยังมีวาสนากับฉู่หลิวเยว่ และนางก็ยังดีต่อสิบสามผู้พิทักษ์เยว่มาก
เรื่องนี้นางน่าจะช่วยแน่นอน
เฉินอีเหลือบสายตามองอย่างราบเรียบ
“กระบี่ของเจ้าก็ยังดีอยู่เลยไม่ใช่หรือ?”
“ดีที่ไหนกันเล่า?” อวี๋จิ่วหยิบดาบไม้ที่อยู่ในอ้อมกอดออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “ด้านบนมีแต่รอย! ข้า…”
เฉินอีสะบัดข้อมือ จากนั้นก็หยิบดาบไม้เล่มใหม่ออกมาให้นาง
“เปลี่ยนไปใช้อันนี้ก็แล้วกัน”
อวี๋จิ่ว “…”
เขาไม่ต้องการใช้ดาบไม้อันเล็กอีกต่อไปแล้ว
เฉินอีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ไม่อยากได้หรือ?”
“ลำบากพี่ใหญ่แล้ว”
เฉินอีพยักหน้า
“หากไม่พอก็มาขออีกได้ ข้ายังมีอีกเยอะ”
อวี๋จิ่วร้องไห้ไม่มีน้ำตา “พี่ใหญ่ช่างดีกับข้าจริงๆ ขอบคุณพี่ใหญ่”
น้องแปดกับสือฟางก็เดินเข้ามาหา
“สิบสามล่ะ? ข้าเดินหาจนรอบแล้วแต่ก็ไม่เห็นเขาเลย”
เฉินอีพูดขึ้นว่า “หลายวันที่ผ่านมานี้เขามาที่ผาธารใสทุกวัน”
ทุกคนเผยสีหน้ากระจ่างแจ้งเข้าใจ
ที่แท้ก็มาถึงนานแล้ว
“พี่รองก็ไม่อยู่ เหมือนว่าเขาจะออกไปฝึกสัตว์อสูร”
สือฟางพูด
ทุกคนรู้สึกเคยชินกับเรื่องเหล่านี้ไปแล้ว
หัวซวงซวงใช้เวลาอยู่กับสัตว์อสูรมากกว่าอยู่กับพวกเขาเสียอีก
เฉินอีสาวเท้าก้าวขึ้นไปเป็นคนแรก
คนที่เหลือก็เดินตามหลังไป
………………..