ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2167 มาแล้ว
ตอนที่ 2167 มาแล้ว
………………..
ตอนที่พวกเขาหลายคนมาถึงที่ผาธารใส ทางนี้ก็มีคนอยู่เป็นจำนวนมากแล้ว
คนส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าใกล้ คนที่สามารถอยู่ในระยะใกล้ได้นั้นล้วนเป็นคนของจวนเยว่
ซานซานกับสิบสามรออยู่ที่นั่นนานแล้ว
“เฮ้ พี่สามเหตุใดวันนี้พี่ไม่ทำบัญชีอยู่ที่จวนเยว่ล่ะ?”
น้องแปดกะพริบตาปริบๆ แล้วพูดหยอกเย้า
ซานซานหัวเราะคิกคัก
“โอกาสที่หาได้ยากยิ่งแบบนี้ ข้าก็ต้องมาดูอยู่แล้ว”
น้องแปดระเบิดเสียงหัวเราะดังขึ้น
“คิดว่าพวกเราไม่รู้จักพี่อย่างนั้นหรือ? ด้านล่างของผาธารใสมีคลังสมบัติน้อยๆ ของพี่อยู่ และพี่กังวลว่าการหลอมอาวุธของผู้อาวุโสถังเคอจะยิ่งใหญ่จนส่งผลกระทบต่อคลังนั้น พี่ถึงได้มาที่นี่ไม่ใช่หรือ?”
ซานซานกระแอมไอแล้วพูดขึ้นมาว่า
“ชู่ว! เบาเสียงหน่อย! หากผู้อาวุโสถังเคอได้ยินเข้ามันจะไม่ดี!”
นั่นไม่ใช่คลังสมบัติน้อยๆ แต่เป็นคลังสมบัติขนาดใหญ่ต่างหาก!
แม้เขาจะรู้ว่า ด้วยฝีมือของถังเคอ และไม่มีสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้
แต่มันก็เกิดเหตุไม่คาดฝันได้ไม่ใช่หรือ?
เขามาสังเกตการณ์ด้วย จะได้วางใจมากขึ้นเล็กน้อย
น้องแปดทัดผมเอาไว้หลังหู ก่อนเชิดคางขึ้น
“ไม่หรอก ผู้อาวุโสถังเคอก็ยืนอยู่ข้างหลังนี่ไง”
ซานซานรีบหันกลับไปมองด้วยความรู้สึกผิด แต่เขากลับมองไม่เห็นเงาร่างของถังเคอ ดังนั้นจึงรู้ได้ว่าน้องแปดแกล้งเขาแล้ว
“เจ้าแกล้งพี่สามของเจ้าอีกแล้ว”
ซานซานดึงข้อมือของนางลง
“ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากัน อย่าลงไม้ลงมือกันสิ ถ้าคนอื่นเห็นเข้าจะเป็นอย่างใด?”
แม้เขาจะพูดเช่นนั้น ใบหน้าของเขาไม่มีความกรุ่นโกรธเลย มีเพียงความจนปัญญาเท่านั้น
น้องแปดหัวเราะคิกคัก
สิบสามผู้พิทักษ์เยว่ต่างไม่ได้รู้สึกโกรธน้องแปด มีเพียงเฉินอีคนเดียวเท่านั้นที่จะกำราบนางได้ คนอื่นล้วนไม่สามารถทำอันใดนางได้เลย จึงทำได้เพียงต้องตามใจนางเท่านั้น
ทันใดนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นจากหางตาของนาง
น้องแปดเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ ก่อนพูดพึมพำว่า
“เขาเพิ่งออกไปเมื่อไม่กี่วันก่อนไม่ใช่หรือ?”
ซานซานหันกลับมามอง
“เจ้าพูดถึงเยี่ยนชิงหรือ? เขากลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ได้ยินมาว่าครั้งนี้ผู้อาวุโสถังเคอต้องการของบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงไปเอาจากพระราชวังเมฆาสวรรค์กลับมาให้ เอ๋ ไม่ถูกต้องสิ เจ้ารู้ได้อย่างใดว่าเขาไปตั้งแต่ไม่กี่วันก่อน?”
ซานซานมองทางน้องแปดด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ปกติแล้วนางไม่ค่อยใส่ใจเรื่องเหล่านี้มากนัก
น้องแปดกอดอกแล้วหัวเราะเบาๆ
“จวนเยว่ใหญ่ขนาดนั้น อีกทั้งยังมีฝ่ายนั้นอยู่ ข้าจะรู้เรื่องเหล่านี้บ้างก็ไม่แปลกไม่ใช่หรือ?”
“ก็จริง”
ซานซานไม่คิดอันใดมาก หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาก็พูดขึ้นว่า
“วางใจเถอะ เดี๋ยวหากมีของวิเศษอันใด ข้าจะเอามาให้เจ้าคนแรกแน่นอน!”
น้องแปดเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณพี่สามมาก!”
นางเป็นคนรูปงามมาตั้งแต่กำเนิด เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่จำเป็นต้องพูดอันใด ก็สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนรอบข้างได้ในทันที
แต่อย่างใดก็ตามน้องแปดเคยชินกับสายตาแบบนี้มานานมากแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ใส่ใจ
…
ฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวเดินทางมาพร้อมกับถังเคอและซูหลี
เมื่อเห็นซูหลีปรากฏตัวความโกลาหลก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง
“ท่านผู้นั้นคือท่านซูใช่หรือไม่? ได้ยินมาว่าความแข็งแกร่งของนางนั้นเกือบจะเทียบเท่ากับผู้อาวุโสถังเคอ ไม่ทราบว่าวันนี้เขาจะตั้งใจหลอมอันใดกันแน่?”
“พวกเขาสองคนเป็นสามีภรรยากัน หากมาด้วยกันแล้วจะเป็นเรื่องแปลกอันใด?”
“…ก็จริง ข้าเกือบลืมไปเลย…เรื่องที่ท่านซูเป็นผู้หญิงนั้น จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะยอมรับมันได้…”
ทุกคนส่งเสียงซุบซิบดังขึ้น เดิมทีซูหลีคิดว่าตนเองจะโกรธเมื่อได้ยินเรื่องราวนี้ แต่ตอนนี้นางกลับไม่ได้รู้สึกโกรธเลย เพียงแค่มีใบหน้าที่เห่อร้อนขึ้นเท่านั้น
หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว นางก็ไม่รู้ว่านางควรจะพูดว่าอย่างใด แต่เมื่อหันไปสบสายตากับถังเคอก็เห็นว่าในแววตาของเขานั้นมีรอยยิ้มแฝงอยู่
นางแค่นหัวเราะในใจ
อีกเดี๋ยวนางจะต้องเอาชนะให้ได้! ทำให้เขาได้รู้ว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงเป็นอย่างใด!
เมื่อพวกเขามาถึงผาธารใสแล้ว หลังจากที่ทักทายกันอย่างเรียบง่าย ถังเคอก็เริ่มหลอมอาวุธทันที
ทุกคนทยอยกันเงียบเสียง และรอคอยอย่างตื่นเต้น
…
ทะเลทรายจันทราสีชาด
ด้านล่างทะเลสาบ
กลางฝ่ามือของหลานเซียวมีกระจกมายาบานหนึ่งปรากฏขึ้น หลังจากที่เขาชื่นชมใบหน้าของตัวเองแล้ว เขาก็รู้สึกพอใจมาก
“หึ งดงามจริงๆ”
เพล้ง!
“พี่เป่า! เจ้าจะทำอันใดน่ะ?”
ตู๋กูโม่เป่านั่งขัดสมาธิอยู่ ดวงตาปิดสนิท ก่อนพูดทีละคำว่า
“เจ้ารบกวนเวลาพักผ่อนของข้า”
หลานเซียวชี้หน้าเขาด้วยมือสั่นเทา
“เจ้ายังไม่ลืมตาขึ้นมาด้วยซ้ำ! ที่ข้าส่องกระจกมันจะไปส่งผลกระทบกับเจ้าได้อย่างใด?”
น้ำเสียงของตู๋กูโม่เป่ายังคงราบเรียบเช่นเคย
“เจ้าเสียงดังเกินไป”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”
ผู้อาวุโสลำดับห้าที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวเสริม
“หลานเซียว หนึ่งวันมีสิบสองชั่วยาม แต่เจ้าส่องกระจกไปแล้วสิบเอ็ดชั่วยาม หนึ่งชั่วยามที่เหลือเจ้าก็นั่งชมตัวเอง หากเป็นเช่นนี้วันสองวันก็ช่างเถอะ แต่เจ้าเป็นแบบนี้มานานมาก หลานเซียว เจ้าไม่เหนื่อยหรือ?”
“ไม่มีอันใดที่น่าเหนื่อยกัน! ตอนนี้ข้ามีร่างศักดิ์สิทธิ์แล้วนะ!”
หลานเซียวแค่นหัวเราะเสียงเย็น
“อย่าลืมเล่าว่า นางหนูเยว่เออร์เป็นคนช่วยหลอมใบหน้าใหม่ให้กับข้านะ!”
อีกฝ่ายจะพูดอย่างใดเขาก็ไม่ใส่ใจ ไม่ว่าอย่างใดตอนนี้เขาก็มีความสุข!
“เฮ้อ ปัญหาแบบนี้พวกเจ้าไม่มีทางได้รับมันหรอก”
หลานเซียวเอนกายนอนลง ใช้แขนทั้งสองข้างต่างหมอน ขาข้างหนึ่งไขว่ขึ้น
“เดี๋ยวรอผู้อาวุโสลำดับห้าหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ พวกเราก็จะสามารถคิดหาหนทางหนีออกจากสถานที่บ้าๆ แห่งนี้!”
เมื่อเขาพูดคำนี้ขึ้น ตู๋กูโม่เป่าก็ลืมตาโพล่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“แน่นอนว่าข้ารู้…”
หลานเซียวยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าพื้นแผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
พวกเขาหน้าเปลี่ยนสีทันที
“เกิดอันใดขึ้น?”
ผู้อาวุโสลำดับห้าขมวดคิ้วแล้วถาม
“หรือว่าจะเป็นภัยบุหลันอีกแล้ว? นี่มันเพิ่งผ่านมาไม่นานเองไม่ใช่หรือ?”
ตู๋กูโม่เป่าลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เงยหน้ามองที่เหนือศีรษะ
“ไม่ใช่ภัยบุหลัน”
เขาค่อยๆ กำหมัดแน่นขึ้น
“สิ่งนั้นมาแล้ว!”
………………..