ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2178 ข้ารู้
ตอนที่ 2178 ข้ารู้
………………..
สิ่งนั้นคือค่ายกลและผนึก
ทั้งซับซ้อนและแรงกดดันอันทรงอย่างที่สุด!
แม้นางจะอยู่ทะเลทรายจันทราสีชาดมาหลายปี กลับไม่เคยเห็นผนึกเช่นนี้มาก่อน แต่สิ่งที่แปลกก็คือไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางรู้สึกคุ้นเคยกับลมปราณด้านบนนี้อย่างบอกไม่ถูก
จึงทำให้นางนึกถึงดวงตานั่น
ภัยบุหลันที่จะมาถึง ไม่รู้ว่าด้านล่างนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่
“ด้านล่างนี้มีข้อห้ามมากมาย เกรงว่าจะเข้าไปไม่ได้
หรงซิวพูดขึ้น
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า และเรียกกระบี่ยาวมาไว้ในมือ
แน่นอนว่ากระบี่ดาราเลือนก่อนหน้านี้ได้ถูกหลอมและกลายเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ
ครึ่งหนึ่งเป็นสีทองแดง อีกครึ่งหนึ่งเป็นสีดำเขียว ภายใต้แสงสะท้อนของแสงหิมะขาวที่สว่างสุกใสและเจิดจ้าเป็นพิเศษ
เมื่อนางตั้งจิตเปลวไฟก็พุ่งขึ้นมา และได้หลอมละลายด้ามกระบี่ที่ไม่สมบูรณ์ของกระบี่ชื่อเซียวไว้
จิตวิญญาณของอาวุธได้รับการผสานขึ้นจากการนำของเปลวไฟเพื่อหลอมรวมเข้ากับกระบี่เล่มใหม่
“เมื่อตัวอ่อนของกระบี่ดาราเลือนถูกสร้างขึ้น จึงถูกเรียกว่ากระบี่ดาราเลือน!”
บนเล่มกระบี่ส่องแสงเจิดจรัสด้วยปราณกระบี่อันเฉียบคม!
น่าเสียดายมากจริงๆ ที่กระบี่ชื่อเซียวถูกทำลายไปเสียแล้ว
แต่ทว่าโชคดีที่นางฝึกฝนกระบี่ดาราเลือนเล่มนี้กับมือตนเอง ซึ่งประจวบเหมาะพอดี
ฉู่หลิวเยว่มองไปทางหรงซิวพลางเอ่ยขึ้น
“เป็นไปได้ว่าพวกพี่เป่าน่าจะติดอยู่ที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์นั่น พวกเราจะต้องหามันให้เจอโดยเร็วที่สุด”
พี่เป่าและทั้งสามคนติดอยู่ที่ทะเลทรายจันทราสีชาดเป็นเวลาหมื่นปี และไม่เคยออกจากที่นี่เลย
หรงซิวหยุดชะงักเล็กน้อยและพูดขึ้น
“ข้ารู้ว่าตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน”
…
ไกลออกไปหมื่นลี้
ภายในห้องขังที่มืดมิดและคับแคบ ตู๋กูโม่เป่านั่งสมาธิอยู่คนเดียวลำพัง
เสื้อคลุมสีม่วงที่เหมือนเกราะอ่อนของเขามีรอยขาดเสียหายอยู่หลายแห่ง อีกทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยเลือด ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา
ผ่านไปครึ่งวัน ก็มีเสียงแหบแห้งดังขึ้น
“เจ้าคิดดีแล้วหรือ”
ดูเหมือนตู๋กูโม่เป่าจะไม่ได้ยินจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับแต่อย่างได้
เสียงหัวเราะต่ำๆ ดังขึ้น
“การคุมขังอย่างทรมานเป็นหมื่นปี ไม่ทำให้เจ้ารู้สึกอันใดเลยหรือ”
ตู๋กูโม่เป่ายังคงไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด ใบหน้าที่ขาวซีดราวกับหิมะที่เปื้อนไปด้วยเลือดแดงฉาดและแห้งกรังอยู่หลายจุด ทำให้เขายิ่งดูซีดเซียวมากกว่าเดิม
แต่ถึงอย่างไรหลังของเขายังตั้งตรงราวกับต้นสนสีเขียวที่ตั้งตระหง่าในหิมะเพรียบพร้อมด้วยความสูงศักดิ์และเย่อหยิ่งที่ฝังลึกในกระดูกและเลือดเนื้อ
ท่าทีเช่นนี้ดูเหมือนจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามโกรธเคือง
“ตู๋กูโม่เป่า เจ้าช่างกระดูกหนายิ่งนัก แต่เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าสองคนนั้นไม่เหมือนกับเจ้า หากเจ้าไม่ยอมลดละแม้แต่วันเดียว พวกเขาก็ยิ่งทรมานขึ้นอีกวัน ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นเพื่อนของเจ้ามานับหมื่นปี เจ้าจะทนเห็นพวกเขาตายไปโดยไม่ช่วยจริงๆ หรือ”
คิ้วของตู๋กูโม่เป่าขยับเล็กน้อยและค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ดวงตาสีม่วงมีเสน่ห์น่าหลงใหลคู่นั้น ส่องประกายอย่างเย็นชา
“เจ้าไม่กล้าฆ่าพวกเขา”
“ไม่เลว ตอนนี้ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า แต่ก็น่าเสียดายที่หลานเซียวเพิ่งหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์…แต่ถ้าเทียบกับผู้อาวุโสลำดับห้า ก็นับว่าเขาก็ไม่เลวเลยทีเดียว เจ้าก็รู้ดีว่าการเข้าไปในในทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่มีร่างศักดิ์สิทธิ์จะเจ็บปวดทรมานเพียงใด สุดท้ายแล้วเมื่อหมื่นปีก่อนเจ้าก็เคยผ่านมาแล้วไม่ใช่หรือ”
ความพึงพอใจในน้ำเสียงนั่นราวกับแกล้งแสดง ทั้งเยียบเย็นและหนาวเหน็บ ทำให้ผู้คนจิตใจสั่นไหว
มือของตู๋กูโม่เป่าอยู่ใต้แขนเสื้อ และน้ำเสียงดูหนาวเย็นอยู่หลายส่วน
“เจ้าทำลายพันธสัญญาจะต้องถูกลงโทษ”
“ฮึ!”
ฝ่ายตรงข้ามทำเสียงดูถูกเย้ยหยัน
“ตู๋กูโม่เป่า คนที่ละเมิดพันธสัญญาก่อนน่าจะเป็นเจ้าไม่ใช่หรือ? เดิมทีเจ้าทำความผิดครั้งใหญ่ที่สร้างร่างศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาด้วยตนเองราวกับคนโง่ หลานเซียวเป็นคนของเจ้า นั่นก็ช่างเถอะ แต่…วันนั้นที่ผู้อาวุโสห้าเลือกที่จะทรยศหักหลัง ก็น่าจะคิดได้ว่าจะต้องมีวันนี้! การลงโทษในหมื่นปีมานี้ดูเหมือนยังให้บทเรียนแก่เขาไม่เพียงพอ!”
จู่ๆ มุมปากตู๋กูโม่เป่ายกก็โค้งงอขึ้นเบาๆ
“เขาจะแปรพักตร์ จนกระทั่งวันนี้ยังไม่รู้สำนึก ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเจ้าล้มเหลวอย่างมากหรอกหรือ”
ปัง!
ยังไม่ทันสิ้นเสียงแส้ยาวก็ฟาดลงบนหลังของตู๋กูโม่เป่าอย่างแรงในความมืดมิด!
จนผิวหนังแตกออกในทันที!
เขาครวญคราง และมีเลือดไหลออกมาที่มุมปาก แต่การเย้ยหยันในดวงตากลับยิ่งรุนแรงขึ้น
“ประตูสวรรค์ของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์กำลังเปิดออก ทุกอย่างจะมีข้อสรุป! เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะรู้ว่าสิ่งที่ได้กระทำในวันนี้ช่างโง่เขลาเพียงใด!”
เสียงนั่นยังคงวนเวียนอยู่ในห้องขังเป็นเวลานานจนมันเลือนหายไปในที่สุด
จนกระทั่งแน่ใจว่าคนผู้นั้นได้จากไปแล้ว ตู๋กูโม่เป่าไออย่างรุนแรงจนตัวโยนไปมา
ระหว่างริมฝีปากและฟันเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง
ร่องรอยความกังวลใจแวบขึ้นมาทันที
…
“เจ้ารู้?”
สีหน้าตื่นตกใจผุดขึ้นในดวงตาของฉู่หลิวเยว่
“เหตุใดไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงมาก่อน”
หรงซิวพูดด้วยรอยยิ้มขึ้น
“เมื่อก่อนเจ้าไม่เคยเอ่ยถาม อีกทั้ง…คนที่รู้จักที่แห่งนี้ คงไม่ใช่เพียงคนเดียวเสียหน่อย ผู้อาวุโสอี้เจากับผู้อาวุโสโหมวเจิน น่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องข่าวลือทั้งหมด”
ฉู่หลิวเยว่กลับมาได้สติ
“ที่นี่…”
“นี่คือสถานที่ที่มีอยู่จริงในข่าวลืออันห่างไกล ว่ากันว่าเมื่อหลายหมื่นปีก่อนอาณาจักรลึกลับแห่งหนึ่งเคยปรากฏขึ้นในอาณาจักรเสิ่นซวี่ ผู้คนต่างเรียกว่าตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งสวรรค์และโลก มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ผู้แข็งแกร่งมากมาย ที่สําคัญกว่านั้นคือถ้าสามารถเข้าไปฝึกตนในนั้นได้ ยิ่งเป็นไปได้ก็จะสามารถทะลวงขั้นพันธนาการของเทพศักดิ์สิทธิ์ และกลายเป็นการมีอยู่ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพียงแต่ต่อมาไม่รู้เพราะเหตุใดสถานที่นั่นนก็หายไปอย่างลึกลับ คนที่รู้เรื่องนี้ก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ”
“มีบางคนคาดเดาว่าตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์คือปาฏิหาริย์ที่มาเยือนโลกทุกๆ หมื่นปี เมื่อเทพศักดิ์สิทธิ์ก้าวข้ามธรณีประตูนั่น จึงกลายเป็นเทพผู้ไม่มีใครเทียบได้”
“แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข่าวลือ และไม่มีใครพิสูจน์ได้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะปรากฏขึ้นจริงๆ ในตอนนี้”
ฉู๋หลิวเยว่กระซิบขึ้นว่า
“ทะลวงขึ้นเทพศักดิ์สิทธิ์…”
ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ในช่วงหมื่นปีมานี้ไม่เคยมีผู้ใดทำลายโซ่ตรวนนั่นได้สำเร็จ
ตู๋กูโม่เป่าและทั้งสามคนดูเหมือนจะมีชีวิตอยู่เช่นนี้ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงถูกกักขังอยู่ในทะเลทรายจันทราสีชาดนับหมื่นปี และโลกมนุษย์ไม่รับรู้ถึงการมีอยู่นั้น
ทันใดนั้นม่านตาของนางก็หดเล็กลง
“ช้าก่อน เมื่ออาคารแปลกๆ ปรากฏขึ้นที่นี่ อีกทั้งในอาณาจักรเสิ่นซวี่ก็มีข่าวลือว่าเกี่ยวข้องกับการทะลวงขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ หรือว่า…นั่นคือตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์? หรือมีความสัมพันธ์บางอย่างที่ใกล้ชิดกับตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ”
หรงซิวชะงักไปครู่หนึ่ง
“ตอนที่หมอกปกคุลม เจ้าเห็นอักษรที่อยู่บนป้ายชัดหรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
อันที่จริงเป็นเพราะการบดบังของหมอกขาวนั่น ทำให้นางแทบไม่ได้สอดส่องได้ทั่วพระราชวังนั่น จำได้เพียงจัตุรัสหยกดำ และยังมีกำแพงทรงกลมที่ตั้งตระหง่างดงามนั่น
อาจสืบส่องอาคารนั่นได้ทั้งหมด
“บางที เมื่อไปถึงตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ก็จะรู้ทุกอย่าง”
ฉู่หลิวเยว่จับเกราะกิเลนม่วงในมือไว้แน่น นางเม้มริมฝีปากและพยักหน้าเบาๆ
………………..