ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2179 สะพานแห่งสวรรค์
ตอนที่ 2179 สะพานแห่งสวรรค์
………………..
เวลากว่าสิบว่าที่ฉู่หลิวเยว่และทั้งสามคนยังอยู่ที่ทะเลทรายจันทราสีชาด เพื่อต้องการหาร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับที่สถานที่แห่งนี้
ทว่าน่าเสียดายจากที่พยายามเสาะหาอยู่นาน กลับไม่ได้ข่าวที่เป็นประโยชน์อันใดเลย
อีกทั้งอากาศยิ่งหนาวเย็นขึ้นและหิมะก็ปกคลุมหนาขึ้นเรื่อยๆ
แม้แต่พวกเขายังรู้สึกค่อยๆ ทรมานขึ้นเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่ลองอยู่หลายครั้งเพื่อเปิดทะเลสาบน้ำแข็ง แต่ก็ล้มเหลวจนต้องยอมแพ้อย่างไม่มีข้อยกเว้น
ผนึกนั่นลอยอยู่บนพื้นน้ำเงียบสงัด มันส่องแสงกระพริบแต่กลับมีพลังกดดันที่ยากจะเปรียบเทียบได้
ในที่สุดพวกเขาจึงเลือกออกจากที่นี่เสียก่อน
ตามคำพูดของหรงซิว ฉู่หลิวเยว่วางแผนที่จะไปท่าเรือดอกท้อก่อน หลังจากนั้นค่อยหารือกันเรื่องตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์กับโหมวเจินและอี้เจา
เดิมทีหนานซู่ไหวคิดจะตามไปด้วย แต่หลังจากครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนจึงเลือกกลับไปสำนักหลิงเซียวแทน
…
เมื่อฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวกลับมาถึงจวนเยว่ เฉินอีจึงรีบเข้าต้อนรับในทันที
“นายท่าน องค์ชาย”
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไปพลางเอ่ยถามขึ้น
“ทางด้านถังเคอกับท่านซูเป็นอย่างไรบ้าง? ตอนที่ข้ากลับมา ทางด้านผาธารใสเหมือนไม่มีการเคลื่อนไหวอันใด”
“เรียนนายท่าน ผู้อาวุโสท่านสองเพิ่งจบการแข่งขัน ขณะนี้กำลังพักผ่อนอยู่ที่จวนของแต่ละท่าน”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“เมื่อครู่?”
จากความเร็วในการหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสองท่านนั้น คงใช้เวลาไม่นานขนาดนี้ใช่หรือไม่?
เฉินอีพยักหน้าและอธิบายขึ้น
“นานเท่าใด?”
นางจำได้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งถังเคอและท่านซูได้ตั้งใจที่จะมอบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่หลอมขึ้นในครั้งทั้งหมดให้แก่นาง
เฉินอีพูดขึ้น
“แต่ละท่านหลอมได้สี่สิบสองชิ้น รวมทั้งหมดแปดสิบสี่ชิ้น”
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็เบิกตาโพลงและถามขึ้น
“เจ้าพูดว่าเท่าใดนะ!”
เฉิงอีตอบกลับด้วยสีหน้าสงบนิ่งเช่นเคย
“ทั้งหมดแปดสิบสี่ชิ้น และเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อทั้งหมด ทั้งสองท่านได้มอบของให้กับข้าน้อยแล้ว รอเพียงนายท่านกลับมาก็จะมอบให้อย่างเป็นทางการอีกครั้ง”
ขณะที่พูดเขาหยิบแหวนเฉียนคุนออกมาสองวง
แหวนเฉียนคุนสองวงนี้แตกต่างกันอยู่เล็กน้อย แต่ละวงมีรอยผนึกเล็กๆ ที่ด้านบน
“ด้านซ้ายคือของผู้อาวุโสถังเคอ ด้านขวาคือของท่านซู”
เฉินอียื่นแหวนด้วยสองมืออย่างนอบน้อม
“ทั้งสองท่านได้บอกไว้ว่า เชิญท่านตรวจสอบได้ตามต้องการ และค่อยเลือกชิ้นที่ชอบที่สุด”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิด
“ข้าจำได้ว่าส่วนประกอบที่พวกเขาใช้ล้วนเหมือนกัน เช่นนั้นพวกนี้…”
“หากเป็นดังที่ท่านคิด ของเหล่านี้ล้วนเหมือนกันทั้งหมด ข้าน้อยสังเกตุขั้นตอนทั้งหมด จริงๆ แล้วทั้งสองท่านฝีมือพอๆ กัน ขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
นางรับแหวนเฉียนคุนสองวงนั้นมาและแยกกันตรวจสอบ แต่กลับพบว่าทั้งคุณสมบัติและลักษณะล้วนเหมือนกันทุกประการ!
จะให้เปรียบเทียบกันอย่างไรเล่า
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองแหวนเฉียนคุนเล็กๆ สองวงนี้พลางมึนงงไปชั่วขณะ
บัดนี้ทั้งสองท่านนี้ต่างร่วมมือกันและหลอมมันออกมามากมายเช่นนี้ในชั่วอึดใจเดียว ช่างน่ากลัวเสียจริง!
“เมื่อเร็ว ๆ นี้ครอบครัวตระกูลขุนนางจำนวนไม่น้อยในอาณาจักรเสิ่นซวี่ได้ยินข่าวนี้ ต่างพากันส่งจดหมายมาเพื่อต้องการอาวุธศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ข้าน้อยไม่กล้าตัดสินใจด้วยตนเอง จึงส่งจดหมายเหล่านี้ไปที่ห้องหนังสือของท่าน เพื่อรอให้ท่านกลับมาพิจารณาและตอบกลับด้วยตนเอง”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
“พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเสียจริง”
ข่าวที่ถังเคอและทั้งสองคนยังอยู่ที่ท่าเรือดอกท้อได้แพร่สะพัดออกไปนานแล้ว และเรื่องที่ทั้งสองท่านเริ่มหลอมอาวุธร่วมกัน ก็ยิ่งแพร่ออกไปอย่างกับไฟลามทุ่งตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อใกล้จะครบหนึ่งร้อยชิ้น ใครบ้างจะไม่ตาร้อน? ใครบ้างจะไม่อิจฉากันเล่า?
เพียงชั่วครู่แต่ละตระกูลขุนนางใหญ่เมื่อได้ยินข่าวต่างพากันเคลื่อนไหวในทันที และคาดหวังว่าจะสามารถแลกเปลี่ยนบางอย่างจากท่าเรือดอกท้อแห่งนี้
อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชาล้ำค่ามากพออยู่แล้ว นับประสาอะไรกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อ?
เช่นเดียวกับตระกูลอี้และตระกูลหนาน ท้ายที่สุดก็ยังมีจำนวนน้อยนัก
“ไม่ต้องอ่านแล้ว ปฏิเสธจดหมายนั้นทั้งหมดไปสะ”
ฉู่หลิวเยว่จึงเดินเข้าไปข้างหน้าต่อ
ด้านหนึ่งเป็นความตั้งใจของผู้อาวุโสทั้งสอง ไม่ดีที่จะส่งต่อออกไป
ในอีกด้านหนึ่ง เป็นเพราะตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางจึงถามขึ้นด้วยท่าทางสงสัย
“จริงสิ หลังจากพวกข้าออกไป ในอาณาจักรเสิ่นซวี่มีอันใดที่ผิดปกติหรือไม่”
เฉินอีพยักหน้าเล็กน้อย
“มีขอรับ ประตูแดนสวรรค์ขอตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเปิดออก ทุกคนในอาณาจักรเสิ่นซวี่จึงได้เตรียมการไว้พร้อมแล้ว”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นไหว
“ขณะนี้ผู้ฝึกตนในอาณาจักรเสิ่นซวี่ล้วนรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว อีกทั้งช่วงนี้มีคำพูดหนาหูว่าเพียงเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ ก็จะสามารถทะลวงขั้นเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ทุกคนต่างระส่ำระสายกันไปหมด”
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็ตกอยู่ในภวังค์
“แต่ใครเป็นคนปล่อยข่าวออกมา?”
เฉินอีส่ายหน้า
“แสดงว่ามีคนคอยสร้างเรื่องและตั้งใจกวนน้ำให้ขุ่น จนไม่รู้ว่าแหล่งข่าวที่มาแท้จริงแล้วออกมาจากที่ใดกันแน่”
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย
หากเป็นอย่างที่พูด เกรงว่าต่อไปอาณาจักรเสิ่นซวี่คงได้วุ่นวายเสียแล้ว
“แต่พวกเราไม่รู้ว่าตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด ต่อให้รู้ข่าวนี้แล้วจะทำอันใดได้”
เฉินอีขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาปรากฏความสับสนขึ้นในทันที
จู่ๆ ในใจของนางก็เกิดลางสังหารณ์ไม่ดีขึ้น
เฉินอีพูดขึ้น
“สะพานสู่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างขึ้นแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นด้วยความตกใจ
“เจ้าพูดอันใดนะ!”
เฉินอีพูดขึ้น
“รอถึงเวลาค่ำ ท่านก็จะรู้ความหมายของข้าน้อย”
…
เวลาแห่งการรอคอยมักยาวนานเกินจะทนไหว
ฉู่หลิวเยว่ยืออยู่ตรงลานบ้าน พลางจ้องมองบนท้องฟ้า
ขณะนี้เป็นเวลาพลบค่ำ ยังมีเวลาอีกเล็กน้อยที่ฟ้าจะมืดลง
นางครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนหน้านี้ และรู้สึกเหมือมีตาข่ายขนาดใหญ่มาคลุมนางไว้
ราวกับโชคชะตาที่ไม่อาจะหลีกหนีได้
ยามมืดค่ำค่อยๆ มาเยือน
เมื่อดาวดวงแรกส่องระยิบระยับบนท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับผืนผ้ากำมะหยี่ ในที่สุดสะพานนั่นก็ปรากฏขึ้น!
………………..