ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2182 ฝันร้าย
ตอนที่ 2182 ฝันร้าย
………………..
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“ผู้อาวุโสอี้เจา…น่าจะใกล้ถึงแล้วกระมัง”
“เจ้าได้ส่งข่าวให้เขาแล้วใช่หรือไม่”
โหมวเจินเอ่ยถามขึ้น
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจและพูดขึ้น
“แน่นอนว่าข่าวของท่านทั้งสอง ทางฝั่งข้าได้ส่งออกไปพร้อมกันแล้ว”
ระยะห่างของท่าเรือดอกท้อค่อนข้างไกลจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงและเกาะมังกรศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่ใช่ปัญหาต่ออี้เจาและโหมวเจิน
ด้วยฝีเท้าของพวกเขาทั้งสองคน ไม่เกินหนึ่งวันก็น่าจะมาถึง
แต่โหมวเจินมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย
สำหรับอี้เจา…
การสายไปครึ่งชั่วยาม ดูเหมือนไม่มีอันใดสำคัญ
เหตุใดโหมวเจินจึงดูค่อนข้างกังวล
“ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสอี้เจาตามข้ากลับไปท่าเรือดอกท้อแล้วครั้งหนึ่ง และเพิ่งจากไปได้ไม่นาน คาดว่าครั้งนี้อาจมาถึงล่าช้าหน่อยกระมัง”
โหมวเจินกลับค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น
“ไม่ ในเมื่อเขารู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ตามหลักแล้วน่าจะมาถึงก่อนข้าด้วยซ้ำ เหตุใดถึงยังมาไม่ถึงอีกเล่า”
เขามองไปทางด้านนอก แต่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
ในใจของฉู่หลิวเยว่เกิดความไม่สบายใจขึ้น
นิสัยของโหมวเจินเปิดเผยตรงไปตรงมา หากไม่ได้พบเจอเรื่องยุ่งยากอันใดจริงๆ เข้า คงไม่มีปฏิกริยาเช่นนี้
และความกังวลของเขาต่ออี้เจาในตอนนี้ ดูเหมือนจะไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
“ผู้อาวุโสโหมวเจิน ที่ท่านพูดเมื่อครู่เรื่องที่จะไปตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ไม่ควรรีบร้อนเกินไป เป็นเพราะบรรพบุรุษของตระกูลไท่ซวีเฟิ่งหลงเกิดเรื่องขึ้นที่นั่นใช่หรือไม่”
โหมวเจินพยักหน้าและส่ายหัว
“นับว่าใช่ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มีบางเรื่องที่บอกกับเจ้าได้ไม่ทั้งหมดในตอนนี้ เมื่ออี้เจามาถึง เจ้าค่อยฟังไปพร้อมกันก็จะรู้เอง”
ในขณะนั้นจู่ๆ เฉิงอีก็เดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างเร่งรีบ
เมื่อฉู่หลิวเยว่เห็นสีหน้าของเขาดูมีบางอย่างผิดปกติ ในใจของนางจึงสั่นไหวขึ้น
“นายท่าน เฟยซิงเหมินเกิดเรื่องแล้ว ขอรับ”
เฉินอีเดินเข้ามาพลางมอบขนนกสีดำด้วยมือทั้งสองให้นาง
ฉู่หลิวเย่วลุกขึ้นในทันทีและเดินเข้าไปรับขนนกสีดำนั่นไว้ในมือ ที่ด้านบนยังมีคราบเลือดอยู่
ฉู่หลิวเยว่คุ้นเคยกับลมปราด้านบนเป็นอย่างดี
“นี่คือขนนกของอินทรีสามตาที่ชือรุ่ยเออร์ ได้ทำพันธสัญญาเอาไว้”
คิ้วของนางขมวดแน่นขึ้น
เฉินอีอิบายต่อว่า
“มีคนส่งขนนกนี้มาเมื่อครู่นี้ เพียงแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามอันใด คนผู้นั่นก็เสียชีวิตทันทีข้า น้อยรู้แค่ว่าคนผู้นี้คือหนึ่งในผู้อาวุโสที่ร่วมเดินทางกับชือรุ่ยเออร์ไปทะเลทรายจันทราสีชาดเมื่อก่อนหน้านี้”
ฉู่หลิเยว่ถามขึ้นในทันที
“คนล่ะ?”
เฉินอีส่ายหน้าและพูดขึ้น
“เขาถูกพิษ หลังจากเสียชีวิตเพียงครึ่งชั่วยามก็กลายเป็นกองเลือดไปเสียแล้ว”
เป็นการลงมือที่โหดเหี้ยมนัก!
“ตรวจสอบได้หรือไม่ว่าเป็นพิษอันใด”
“น้องแปดมุ่งหน้าไปแล้ว แต่จะสามารถตรวจสอบได้หรือไม่นั้น ยังไม่อาจรู้ได้”
ฉู่หลิวเยว่ใจสั่นระรัว
ต้องเป็นคนแบบไหนกันถึงลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมกับเฟยซิงเหมินเช่นนี้ อีกทั้งฝีมือก็เก่งกาจจริงๆ!
เฟยซิงเหมินเป็นตระกูลขุนนางอันดับต้นๆ ของอาณาจักรเสิ่นซวี่ และตามความเข้าใจของฉู่หลิวเยว่ พวกเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอันใดกับคนอื่นๆ เลย ว่ากันตามเหตุผลไม่มีทางเป็นไปได้ที่เกิดหายนะเช่นนี้
ครั้งนั้นที่เดินทางไปทะเลทรายจันทราสีชาดกับชือรุ่ยเออร์ โดยปกติล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์
แท้จริงมันคือพลังแบบไหนกันที่สามารถทำให้พวกเขาอับอายและน่าสมเพชได้เช่นนี้?
ฉู่หลิวเยว่หยิบขนนกนั่นออกไป
“ไปหาน้องแปด”
เมื่อก้าวออกไปเพียงครึ่งก้าว นางจึงหันกลับมามองทางโหมวเจินด้วยความลังเล
โหมวเจินพูดขึ้นในทันที
“ข้าจะไปด้วยกันกับเจ้าก่อน”
…
ฉู่หลิวเยว่และพูดติดตามมาถึงประตูเมืองอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้น้องแปดยืนกอดอกอยู่ตรงนั้น และจ้องมองรอยเลือดสีแดงเข้มบนพื้น
“น้องแปด”
ฉู่หลิวเยว่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อน้องแปดได้ยินเสียงจึงเงยหน้าขึ้นมอง
เพียงแต่ใบหน้าที่น่ารักนั่น ในเวลานี้กลับถูกย้อมไปด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ฉู่หลิเยว่เดินเข้าไปใกล้ สายตามองลงบนพื้น
กองเลือดนั่นเหือดแห้งในเวลานี้ เหลือเพียงคราบเลือดสีดําแดงและกลิ่นคาวเลือดจาง ๆ
“แต่สิ่งที่เห็นคืออันใดกัน”
ปกตินางมีความชำนาญในเรื่องเหล่านี้ที่สุด พิษแปลกๆ แต่ละแบบแต่ละชนิดที่เคยพบเห็นมามากมายนับไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้กลับดูไม่ออกเลยจริงๆ
ฉู่หลิวเยว่โน้มตัวลงไปดู
กลิ่นเช่นนี้…คุ้นเคยอยู่บ้าง เหมือนเคยได้กลิ่นมาจากที่ไหน เพียงครึ่งชั่วยามกลับคิดอันใดไม่ออกเลย
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
…
ณ จวนเยว่
ถวนจื่อยังคงนอนอยู่บนเตียง
จื่อเฉินตื่นแต่เช้า เมื่อเห็นถวนจื่อดิ้นไปมาจนเตะผ้าห่มออกไป เขาจึงลุกขึ้นและเดินไป
ขณะที่เขาช่วยนางห่มผ้าให้เรียบร้อย นางก็พลิกตัวไปอีกข้างหนึ่งและเตะมันออกอีกครั้ง
ขณะที่ขาข้างหนึ่งเกือบจะเต๊ะโดนหน้าของเขา
ใบหน้าของเขาเข้มขึ้น พลางจับเท้าเล็กๆ ที่ขาวเนียนของนางและสอดเข้าไปในผ้าห่ม
อย่างใดก็ตามถวนจื่อเริ่มดิ้นต่อสู้อย่างไม่สบายใจขึ้นอีกครั้ง
ขณะที่จื่อเฉินกำลังจะพูดนั้น จู่ๆ ก็เห็นคิ้วเล็กๆ ของถวนจื่อขมวดขึ้น หางตาราวกับมีหยดน้ำตาอยู่ ระหว่างคิ้วของนางเผยให้เห็นอาการหวาดผวาตกใจ
ฝันร้ายหรอกหรือ
เขาเคลื่อนตัวในทันทีและตบหน้าถวนจื่อเบาๆ อีกครั้ง
“ถวนจื่อ ตื่นตื่น? ถวนจื่อ?”
ดูเหมือนถวนจื่อจะตกอยู่ในห้วงฝันร้ายอันลึกล้ำ นางจึงกอดมือของเขาเอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว และน้ำตากลับไหลออกมาที่หางตาของนางอย่างต่อเนื่อง
หยดน้ำตาที่สุกใสร่วงหล่นบนหมอน ไม่นานก็แห้งเหือดไป
จื่อเฉินขมวดขึ้นและเกิดความกังวลขึ้นในใจอยู่หลายส่วน จากนั้นจึงช่วยนางเช็ดน้ำตา
ถวนจื่ตนขึ้นด้วยความตกใจอย่างกระทันหัน
“ผู้เฒ่าประมุข!”
นางลุกขึ้นยืนในทันทีและมองไปทางจื่อเฉิน ในแววตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
“จื่อเฉิน! แย่แล้ว! ผู้เฒ่าประมุขเกิดเรื่องแล้ว!”
จื่อเฉินอุ้มนางขึ้นมา และลูบที่หลังของนาง
“ไม่มีอันใดหรอก เจ้าแค่ฝันร้ายน่ะ”
ถวนจื่อส่ายหัวพลางพูดขึ้น
“ไม่ใช่! เป็นเรื่องจริง! เป็นเรื่องจริง!”
………………..