ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2187 การมาถึง
ตอนที่ 2187 การมาถึง
………………..
ฉู่หลิวเยว่เรียกเฉินอีมา เพื่อปรึกษาเรื่องการเดิมทางไปตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์พร้อมกัน
“ข้าน้อยขอร่วมเดินทางไปกับนายท่าน”
สำหรับการตัดสินใจของฉู่หลิวเยว่ เฉินอีแทบจะไม่แปลกใจแต่อย่างใด
หรือตั้งแต่ที่ตัวอักษรนั่นปรากฏวาววับขึ้นบนท้องฟ้า เขาก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว
“ท่าเรือดอกท้อขาดคนไม่ได้ เจ้าต้องอยู่…”
เมื่อฉู่หลิวเยว่พูดออกไปครึ่งหนึ่ง และเห็นสีหน้าของเฉินอีจึงกลืนคําพูดที่เหลือกลับไป
“ช่างเถอะ เจ้าไปข้าก็แล้วกัน”
“ขอรับ ในสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ นายท่านคิดจะพาใครไปด้วยอีกหรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่พิจารณาอย่างตั้งใจอยู่ครู่หนึ่ง
“ซานซานรับหน้าที่ดูแลท่าเรือดอกท้อ อู่เหยากับอวี๋จิ่วอยู่คุ้มกันค่ายกลนั่น ทว่าสิบสามยังเด็กเกินไปก็ให้อยู่ต่อไปได้ ใช่แล้วยังมีสือฟังให้เขาอยู่ปลูกผักที่จวนเยว่ต่อไปก็พอ”
จะว่าไปแล้วก็มีเพียงหัวซวงซวงกับน้องแปดเท่านั้นที่ตามไปด้วย
“ถังเคอกับท่านซูมีสถานะพิเศษ เกรงว่าจะไม่ค่อยสะดวกนัก หรือเชิญองค์ไท่จู่น่าจะเหมาะสมกว่า”
ถึงแม้ท่าเรือดอกท้อจะมีผู้แข็งแกร่งมากมาย แต่การเดินทางครั้งนี้อันตรายนัก อีกทั้งจุดศูนย์กลางมีความไม่แน่นอนมากเกินไป ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จำเป็นต้องระมัดระวังอย่างมาก
ท้ายที่สุดแล้วเมื่อดูจากสถานการณ์ของเฟยซิงเหมินและภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง ทางท่าเรือดอกท้อก็ต้องเหลือกำลังการต่อสู้เอาไว้ให้เพียงพอ เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น
เฉินอีก้มลงด้วยนัยน์ตาที่แคบลงและนิ่งเฉย เหมือนมีแสงสว่างทอดผ่าน
จากนั้นเขาจึงเงยหน้าถามขึ้น
“เชียงหว่านโจว นายท่านจะพาไปด้วยหรือไม่”
“แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังเป็นเพียงเทพขั้นสูง แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ธรรมดา อีกทั้งมีความสามารถไม่น้อย บางที่ถือว่านี้คงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับเขา”
ฉู่หลิวเยว่อยู่ในห้วงความคิดสักพักหนึ่ง
“ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล เช่นนั้นก็ให้เสี่ยวโจวไปด้วยกัน”
นางเคยเห็นพลังการต่อสู้ของเสี่ยวโจวมาแล้ว และแม้ว่าเขาจะติดตามนางมาได้ไม่นาน โดยปกติแล้วเขาจะรู้ว่าควรทำอย่างใดโดยที่ไม่ต้องรอให้นางเอ่ยปาก
“แต่เฉินอี้ เจ้าสนิทกับเสี่ยวโจวตั้งแต่เมื่อใด”
ฉู่หลิวเยว่กวาดตามองฉินอีรอบหนึ่งอย่างละเอียดด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
จากความเข้าใจของนางเกี่ยวกับเฉินอี นอกจากสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ เขาไม่เคยให้ความสนใจกับเรื่องของคนอื่นเลย
บัดนี้เขาเริ่มพูดถึงชื่อของเสี่ยวโจว…ช่างหาได้ยากยิ่งนัก
เฉินอีขยับที่มุมปาก และหัวเราะขึ้นเบาๆ
“เขาคือคนของนายท่าน ในเมื่อนายท่านเชื่อใจ ข้าก็ย่อมเชื่อใจเช่นกัน”
ขอเพียงนายท่านดำเนินการได้อย่างสะดวก เรื่องอื่นก็ไม่สำคัญ
นี่คือคำตอบที่เฉินอีให้มาอย่างแท้จริง
ฉู่หลิวเยว่ขจัดความคิดที่วุ่นวายเหล่านั้นออกไป
“ได้ เช่นนั้นตกลงตามนี้ เจ้าไปแจ้งพวกเขาว่าข้าจะไปหาองค์ไท่จู่และจะออกเดินทางเย็นนี้”
“เยว่เออร์! ข้าจะไปด้วย!”
ชือรุ่ยเออร์ลุกขึ้นในทันที
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“เจ้าได้รับบาดเจ็บต้องรักษาตัวให้หายดีเสียก่อน อีกอย่างสถานะเจ้าในตอนนี้ก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทุกคนในเฟยซิงเหมินล้วนต้องพึ่งพาเจ้า”
“ได้ ข้าเชื่อเจ้า! หากมีเรื่องต้องการอันใด ข้าและคนของเฟยซิงเหมินทั้งหมดจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน!”
ฉู่หลิวเยว่ตบไหล่ของนางเบาๆ จากนั้นจึงหันหลังและจากไป
…
ยามค่ำใกล้เข้ามา
สะพานเงินนั้นดูสว่างไสวงดงามเป็นพิเศษในท้องฟ้ายามค่ำคืน
ตามที่คาดไว้เงาร่างของเมืองนั่นปรากฏขึ้นอีกครั้ง และยิ่งกระจ่างชัดกว่าวันก่อน
ก่อนออกเดินทางฉู่หลิวเยว่มาถึงประตูแดนสวรรค์
ผู้รับผิดชอบคุ้มกันที่นี่คืออวี๋จิ่ว
เขารู้ข่าวแล้วว่าฉู่หลิวเยว่และผู้ติดตามวางแผนไปที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงแปลกใจนักที่เห็นนางมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
“นายท่าน ท่านมาได้อย่างใด”
ฉู่หลิเยว่ส่ายหน้า
“ไม่มีอันใดหรอก ข้าแค่เป็นกังวลว่าค่ายกลที่นี่จะเกิดเรื่องอันใดขึ้น จึงมาดูสักหน่อย”
อวี๋จิ่วกอดกระบี่ไว้ในอ้อมแขนและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ท่านโปรดวางใจ ในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้ ประตูนแดนสวรรค์นี้สงบนิ่งอย่างมาก
แม้ว่ายังไม่สามารถผ่านไปได้ แต่ดีกว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายลงกว่าก่อนหน้านี้มากนัก “
ฉู่หลิวเยว่เดินไปด้านหน้าค่ายกลนั้นพลางจ้องมองมัน
เหนือประตูแดนสวรรค์ แสงสว่างวาววับ คลื่นใหญ่สงบนิ่งลง
นางอยู่ตรงนนั่นอย่างเงียบๆ ราวกับกำลังรออันใดบางอย่าง
นางกำลังรอให้ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง
ทว่าแม้นางจะรอคอยอยู่นาน แต่ภาพที่คาดการณ์ไว้ก็ยังไม่ปรากฏออกมา
เหนือประตูแดนสวรรค์ยังมีกระจกอีกบานหนึ่งที่ปรากฏออกมา และร่างของนางกลับไม่ได้สะท้อนอันใด
จากนั้นฉู่หลิวเยว่จึงได้สติกลับมา แต่ในใจกลับรู้สึกเสียใจอยู่บ้างเล็กน้อย
คาดว่าวันนี้คงมองไม่เห็นแล้ว…
นางถอนหายใจเบาๆ และหันหลังจากไป
“เจ้าเฝ้ายามดีๆ ล่ะ”
“ขอรับ!”
…
ยามค่ำคืนลมพัดอันหนาวเหน็บ
ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรีเต็มไปด้วยดวงดาว ฉู่หลิวเยว่และผู้ติดตามรีบมุ่งหน้าไปยังสะพานนั่น
เดิมทีฉู่หลิวเยว่ต้องการไปกับหรงซิว แต่หรงซิวกลับไปพระราชวังเมฆาสวรรค์และไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใด นางจึงให้เยี่ยนชิงไปส่งข่าว และนางจะรุดหน้าไปก่อน
แท้จริงแล้วภาพเหตุการณ์เดิมกำลังเกิดขึ้นทั่วทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่
ผู้ฝึกตนมากมายนับไม่ถ้วนที่เก็บซ่อนความคิดต่างๆ ไว้ในใจ ได้มุ่งหน้าไปยังตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในข่าวลือนั่น!
…
บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่และไกลห่างไร้ซึ่งดวงดาวและจันทรา
มีเพียงเมืองขนาดใหญ่ที่ค่อยๆ ปรากฏออกมาจนดึงดูดสายตาของทุกคน
ดูเหมือนมันจะอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยอดีตกาล สูงศักดิ์เหนือใคร ตั้งตระหง่านอย่างมั่นคง
และสะพานนั่น คือการมีอยู่เพียงแห่งเดียวที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้
จะสามารถปีนขึ้นไปและเข้าไปได้หรือไม่นั้นก็ต่อเมื่อประตูแดนสวรรค์เปิดออก มันจึงกลายเป็นความคาดหวังในใจของทุกคน!
…
สะพานนั่นอยู่ห่างไกลจากพวกเขาอย่างมาก ถึงแม้ฉู่หลิวเยว่และผู้ติดตามจะเร่งความเร็วเต็มกำลังที่ทั้งหมด แต่ก็เสียเวลาไปเต็มๆ กว่าครึ่งเดือนจนไปถึงที่นั่นในที่สุด
ภาพที่มองเห็นจากระยะไกลนั่นคือทะเลผืนหนึ่ง
สะพานสีเงินขยายขึ้นจากในทะเลแผ่ขยายไปสู่ท้องฟ้า และเชื่อมต่อกันกับเมืองที่งดงามนั่น
แสงสว่างนับไม่ถ้วน เปล่งประกายงดงามเจิดจรัส!