ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2189 โปรดหลีกทาง
คนผู้นั้นตกลงไปในน้ำและร่างก็จมลงไปในทะเลทันที
สองคนที่อยู่ด้านบนมองลงมากำลังคิดที่จะดึงตัวชายคนนั้นขึ้นมา แต่จู่ๆ ก็เบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว
คนที่เพิ่งตกลงไป กายเนื้อของเขาถูกบดขยี้ด้วยพลังหนาทึบอันน่าสะพรึงกลัวในน้ำทะเล
สีเลือดแพร่กระจายออกไปอย่างช้าๆ กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นพุ่งตรงเข้าจมูก เลือดและเนื้อแหลกละเอียดที่ยังเหลืออยู่ได้จมลงสู่พื้นทะเลและถูกคลื่นซัดหายไปอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา!
ตั้งแต่ต้นจนจบชายผู้นั่นยังไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือ ก็ถูกกลืนกินและจมลงไปในที่สุด!
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ทุกคนที่อยู่ด้านหลังต่างสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“ทะ ทะเลนี้…”
ตู้ม!
ชายอีกคนหนึ่งทนไม่ไหวจึงตกลงไปเช่นกัน!
ตอนนี้จากในกลุ่มสามคน ชั่วพริบตากลับเหลือเพียงเทพศักดิ์สิทธิ์คนเดียวเท่านั้น!
ทว่าสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก
สองคนที่อยู่ข้างๆ ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และเสียชีวิตต่อหน้าเขา ทำให้ส่งผลกระทบกับเขาอย่างมาก
เขาตกอยู่ในสภาวะเหม่อลอยและสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่กลิ่นคาวเลือดที่หนาแน่นทำให้เขาสำลักออกมา
และในที่สุดสิ่งนี้ก็ทำให้เขาได้สติกลับมาและหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดชีวิต!
เขาวิ่งไปทางสะพานเงินอย่างบ้าคลั่ง
พลังในร่างลุกเป็นไฟอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าขาวซีด และเจ็บปวดทรมานไปทั้งตัว
แต่เขาในตอนนี้แทบจะไม่สนใจสิ่งใด รู้แต่เพียงพุ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด!
สุดท้ายก่อนที่พลังของเขาจะหมดลง เขาก็มาถึงสะพานสีเงินในที่สุด!
“ตอนนี้ พวกเจ้ายังไม่เชื่อคำพูดของตาเฒ่าอีกหรือ”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบสงัด
สถานการณ์ที่น่าเศร้าเมื่อครู่ พวกเขาล้วนเห็นอย่างชัดเจน
ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แค่คิดจะข้ามมาด้วยตนเองก็ค่อนข้างยากลำบากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคิดจะพาคนอื่นมาด้วย?
แต่ว่าเช่นนี้แล้ว คนส่วนมากในบรรดาพวกเขาคงไม่ได้ต้องการหยุดอยู่ที่นี่จริงๆ ใช่หรือไม่
“เมื่อประตูแดนสวรรค์เปิด ผู้คนต่างคิดจะไปที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์แต่เรื่องนี้จะง่ายดายเช่นนั้นหรือ? ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นที่เคารพ แต่หากมีพลังไม่พอจึงเป็นการรนหาที่ตายก็เท่านั้น!”
คำพูดของผู้อาวุโสชุดดำ ราวกับน้ำเย็นที่รดลงบนหัวของทุกคน
แม้คำพูดนี้จะไม่น่าฟัง แต่ก็เป็นความจริง
เทพขั้นสูงสองคนนั้นก็นับว่าค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่สุดท้ายเป็นอย่างใดล่ะ? พวกเขาทั้งหมดตกลงในไปน้ำทะเล ถูกทำลายจนสิ้น ไม่เหลือแม้แต่ร่าง!
“หรือว่ามีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงสามารถเข้าตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้จริงๆ?”
มีคนพูดพึมพำเสียงต่ำ ในคำพูดนั่นเต็มไปด้วยความล้มเหลวและพ่ายแพ้
ซั่งกวนจิ้งมองฉู่หลิวเยว่และเอ่ยถามขึ้นด้วยความลังเลอยู่เล็กน้อยว่า
“นางหนูเยว่เออร์ สถานการณ์ในตอนนี้เจ้าคิดว่าควรทำอย่างใด”
ครั้งนี้พวกเขามาด้วยกันทั้งหมดหกคน เขากันฉู่หลิวเยว่รวมทั้งเฉินอีล้วนเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่หัวซวงซวงและอีกสามคนที่เหลือล้วนเป็นเพียงเทพขั้นสูงเท่านั้น!
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น
“เข้าไปด้วยกัน”
“ด้วยกัน?”
ซั่งกวนจิ้งเลิกคิ้วขึ้น
จากสถานการณ์เมื่อครู่ ความชัดเจนที่นางเห็นไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าหากทำเช่นนี้จะอันตรายมากเพียงใด
“องค์ไท่จู่มิต้องกังวล ข้ารู้ดีและจะไม่เอาชีวิตของซวงซวงและพวกเขามาเป็นเดิมพัน”
แม้เสียงของฉู่หลิวเยว่จะแผ่วเบา แต่น้ำเสียงกลับหนักแน่นนัก
ผู้คนบริเวณรอบๆ จำนวนไม่น้อยต่างได้ยินบทสนทนาของพวกเขา และพากันหันมามองตาของฉู่เหลียวเยว่ราวกับมองดูคนบ้าคนหนึ่งที่ดื้อรั้น
“เมื่อครู่ซั่งกวนพูดอันใดหรือ? พูดทั้งหมดเลยเหรอ? นางไม่ได้เข้าใจอันใดผิดใช่หรือไม่ ในกลุ่มพวกเขาไม่กี่คนนั่น ทว่ามีกว่าครั่งหนึ่งที่เป็นเทพขั้นสูง!”
“ได้ยินมานานแล้วว่านางเป็นคนกล้าหาญ วันนี้ได้มาเจอก็สมคำร่ำลื่อจริงๆ…นางไปเอาความมั่นใจเช่นนี้จากไหนกัน”
“หึ ข้าก็อยากจะดูว่า นางจะพาคนเหล่านั้นข้ามไปที่นั่นอย่างปลอดภัยได้อย่างใด!”
ในกลุ่มคนมากมายต่างคิดเห็นว่าเป็นเรื่องตลก
เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่ยืนกรานเช่นนี้ ซั่งกวนจิ้งจึงทำได้เพียงเห็นด้วยก็เท่านั้น
“เช่นนั้น…ต้องระวังตัวอย่างมาก”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
…
นางเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยร่างเพรียวบางก็บินขึ้นไปบนผิวทะเลอย่างงดงามในชั่วพริบตา
ทันใดนั้นพลังกดดันมหาศาลได้พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางจนปกคลุมนางไว้!
เกือบจะในเวลาเดียวกันที่ภายในร่างของฉู่หลิวเยว่มีพลังพลุ่งพล่านออกมาจากจุดตันเถียนและเติมเต็มเส้นชีพจรทุกคนเส้นที่อยู่บริเวณรอบๆ
เกาะอ่อนที่งดงามปกคลุมทั่วทั้งร่างของนาง และค่อยๆ เปล่งประกายด้วยแสงอันวาววับ
พลังทั้งสองทั้งภายในและภายนอกเกิดความขัดแย้งกัน และถูกป้องกันความเสียหายเอาไว้ไม่น้อยในทันที
นอกจากนี้นางยังอัญเชิญร่างศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง เพื่อลดผลกระทบต่อตัวนางลงได้อย่างมาก
หลังจากที่ดำเนินการนางเกือบจะแก้ไขปัญหาของพลังกดดันที่น่ากลัวบริเวณรอบๆ นั้นได้อย่างง่ายดาย
ฉู่หลิวเยว่กระตุ้นพลังในร่างกายให้พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง
สถานที่นี้อาจเป็นอันตรายต่อคนอื่นอย่างมาก แต่สำหรับนางกลับไม่ได้สำคัญอันใด
“ซวงซวง!”
เมื่อฉู่หลิวเยว่หันมาและตะโกนเรียกหลายคนที่ยืนบนริมฝั่ง
หัวซวงซวงตอบสนองต่อเสียงเรียกอย่างรวดเร็ว
ยังไม่ทันพูดจบร่างของเขาก็พุ่งตรงไปหาฉู่หลิวเยว่โดยตรง!
เช่นเดียวกับคนเหล่านั้นก่อนหน้านี้ ทันทีที่เขาอยู่บนเมืองทะเลแห่งนี้ความเร็วของเขาก็ช้าลงทันที
ขณะนี้แสงสีแดงทะลักออกมาจากร่างกายของฉู่หลิวเยว่ ทำให้เกิดแสงสีรุ้งอันเจิดจ้าขึ้นภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิด
“อาณาเขตเซียนเทพ?”
เมื่อเห็นภาพนี้ เทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองที่ยืนอยู่บนสะพานเงินส่งเสียงร้องด้วยความตกใจอย่างอดไม่ได้
ทั้งสองคนสบตากัน ต่างเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยอาการตื่นตกใจในแววตาของฝ่ายตรงข้าม
แม้คนอื่นจะไม่รู้ แต่พวกเขาทั้งสองคนรู้ดีจนกระจ่างชัดที่สุด
บนพื้นทะเลแห่งนี้มีพลังกดดันที่หนาแน่ หากคิดจะข้ามไปก็ยากยิ่งนัก เรื่องอื่นกลับยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเลย
อย่างใดก็ตาม ความตายของพวกเขาสองคนที่เพิ่งถูกกดทับเอาไว้ จึงไม่สามารถเรียกอาณาเขตเซียนเทพของตนเองออกมาได้
แต่ทางด้านฉู่หลิวเยว่กลับดูผ่อนคลายอย่างมาก!
อาณาเขตเซียนเทพสีเงินแดงที่เหมือนกับแม่น้ำไหลเชี่ยวได้มาอยู่ตรงหน้าซวงซวงในชั่วพริบตา
เมื่อมีอาณาเขตเซียนเทพนี้จึงช่วยขจัดปัญหาต่างๆ ไปได้ การเคลื่อนไหวของหัวซวงซวงก็สะดวกขึ้นมาทันที
ร่างของเขาเคลื่อนไหวตามอาณาเขตเซียนเทพไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว!
อาณาเขตเซียนเทพของฉู่หลิงเยว่ ครอบคลุมเกือบครึ่งของอาณาเขตทะเล หัวซวงซวงใช้เวลาไม่นานก็มาถึงสะพานเงินจากริมฝั่งนั่น!
ในที่สุดเขาก็กระโดดลงบนสะพานเงินได้อย่างมั่นคง!
สายตาของทุกคนที่มองดูต่างตกตะลึง
เป็น…เช่นนี้ได้ไปได้อย่างใด
ยังเป็นเช่นนี้ได้หรือ!
“น้องแปด!”
ฉู่หลิวเยว่ตะโกนเรียกอีกครั้ง
น้องแปดปัดปอยผมที่ตกลงมาไว้ที่หลังหู พลางบิดตัวอันบอบบางและพุ่งไปข้างหน้า
ขณะที่เดินไปพลางก็โบกมือไปพลางให้คนด้านข้างที่พูดจากไร้สาระเมื่อครู่พลางยิ้มเยาะ
“เมื่อครู่เป็นพวกเจ้าที่พูดสินะ อยากจะดูนายท่านของพวกเราจะทำเช่นใด? งั้นตอนนี้…ก็ดูให้เต็มตาสะ! ท้ายที่สุดแล้วโอกาสเช่นนี้ พวกเจ้าก็ทำได้แค่ดูเท่านั้น”
ขณะที่พูดนางก็บินไปยังเส้นทางที่หัวซวงซวงเพิ่งนำไปเมื่อครู่นี้
นางแทบไม่ต้องใช้พลังอันใดมาก ก็มาอยู่ด้านข้างของหัวซวงซวงแล้ว
“โธ่เอ้ย ที่นี่แออัดนัก”
น้องแปดหัวเราะลั่นออกมา
“ผู้อาวุโสทั้งสองได้โปรดหลีกทางตรงนั้น ด้านหลังพวกเรายังมีอีกหลายคนที่ตามมา”
………………..