ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2190 ไร้ยางอาย ตอนที่ 2191 จุดแสงที่วาววับ
ตอนที่ 2190 ไร้ยางอาย ตอนที่ 2191 จุดแสงที่วาววับ
………………..
ตอนที่ 2190 ไร้ยางอาย
ผู้อาวุโสทั้งสองที่มาถึงที่นี่ก่อนหน้านี้หางตากระตุกขึ้นพร้อมกัน
เมื่อได้ยินคำพูดนี้…เหตุใดถึงทำให้โกรธมากได้เช่นนั้น
อย่างใดน้องแปดทั้งงดงามและมีเสน่ห์ มีรอยยิ้มที่สวยหวาน พวกเขาก็ทำได้เพียงชักสีใส่สาวน้อย และก้าวเดินไปด้านข้างอย่างแข็งทื่อ
“ขอบพระคุณผู้อาวุโสทั้งสอง!”
น้องแปดยิ้มยกมุมปากลึกขึ้น และอ้าปากหาวออกมา
“อุ้ย…พี่รอง ท่านรู้สึกเบื่อหรือไม่?”
หัวซวงซวงรู้ว่านางอาฆาตแค้นเป็นที่สุด แน่นอนว่านางคงจะโกรธมากที่ได้ยินคำถากถางดูถูกของคนเหล่านั้นเมื่อครู่ นางจึงตั้งใจทำให้พวกเขาโมโห
เขาดีดหน้าผากน้องแปดอย่างแผ่วเบา
“เจ้าน่ะ ถูกนายท่านตามใจตลอด”
น้องแปดพึมพำเบาๆ
หัวซวงซวงพูดขึ้นอย่างโล่งอกต่อไปว่า
“ไม่สู้ให้พวกข้าคาดเดาว่า จะมีใครสามารถข้ามมาได้อีก? เช่นนี้ดูค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อยใช่หรือไม่”
ทันใดนั้นน้องแปดรวมพลังและเอาข้อศอกชนเขาพลางยิ้มจนคิ้วของนางยกสูงขึ้น
“พี่รอง ไม่ได้พบกันหลายปี ท่านไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย!”
อืม ยังคงชอบดูการแสดงเหมือนเมื่อก่อน
แต่…นางก็ชอบมาก!
ดูสีหน้าของคนเหล่านั้นสิ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ
เมื่อครู่ยังรอซ้ำเติมกันอยู่เลย ตอนนี้กลับตื่นตกใจในฉากนั้น แม้แต่ครึ่งค่ำก็ไม่พูดออกมาเลยหรือ
“ข้าก็กังวลว่าทุกคนจะข้ามมาไม่ได้ สุดท้ายการมาที่นี่ก็ไม่ง่ายนักใช่หรือไม่? หากทำได้เพียงมองดูคนอื่นข้ามไป คงเศร้าใจอย่างมากไม่ใช่หรือ?”
ทั้งสองคนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำให้หลายคนที่รอคอยอยู่โกรธจนหน้าเขียวกันหมด
อย่างใดความจริงก็เห็นกันอยู่ตรงหน้า ฉู่หลิวเยว่ส่งพวกเขาข้ามมาได้อย่างง่ายดายจริงๆ
แม้คิดจะตอบโต้กลับหาคำพูดไม่ได้!
ในความเงียบสงัดที่น่าประหลาด เชียงหว่านโจวก็ข้ามาอย่างรวดเร็ว
คนสุดท้ายที่ตามมาเป็นเฉินอีกันซั่งกวนจิ้ง
หลังจากทุกคนมาถึงสะพานเงิน ฉู่หลิวเยว่ขยับข้อมือเพื่อเก็บอาณาเขตเซียนเทพ
ในขณะเดียวกันนั้นจู่ๆ ในกลุ่มคนก็ตะโกนเสียงดังขึ้น
“นายท่านเยว่ ช้าก่อน!”
ฉู่หลิวเยว่หันหน้าไปมอง
คำพูดเป็นของชายหนุ่มคนหนึ่ง
“นายท่านเยว่ ข้ามีเรื่องไม่สมควรจะขอร้องสักข้อ…”
“ในเมื่อเป็นการไม่สมควร ก็ไม่จำเป็นต้องพูด”
ฉู่หลิวเยว่ขัดจังหวะคำพูดของฝ่ายตรงข้ามอย่างเรียบง่าย นางเก็บอาณาเขตเซียนเทพและขยับเท้าพุ่งขึ้นไปบนสะพานเงินอย่างรวดเร็ว
ทุกคน “…”
สีหน้าของชายหนุ่มกลายเป็นสีแดงในทันที และอับอายกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่หลายส่วน
แต่เขายังไม่ยอมแพ้พลางกัดฟันพูดต่อว่า
“นายท่าน! ข้าเพียงอยากขอร้องให้ท่านช่วย! หากท่านสามารถช่วยพวกข้าผ่านเมืองทะเลนี้ไปไหน ข้าจะขอบคุณท่านอย่างมาก!”
ฉู่หลิวเยว่มองเขาด้วยความประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง
“ขอบคุณอย่างมาก? สำคัญขนาดไหนกัน?”
มีทั้งกลุ่มอสูรศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ อาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อมากมาย และสมบัติวิเศษล้ำค่าแต่ละชนิดมากมายนับไม่ถ้วน…
นางขาดอันใด
มีสิ่งของอันใด ที่เข้าตาของนางบ้าง?
เมื่อถูกฉู่หลิวเยว่ถามเช่นนี้ต่อหน้าคนมากมาย บนหน้าของชายผู้นั้นรู้สึกขายหน้าอยู่ไม่น้อย
สีหน้าของเขายิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้น
“คำขอเช่นนี้สำหรับนายท่านแล้ว เป็นเพียงเรื่องง่ายๆ เท่านั้น เช่นนี้แล้วนายท่านจะไม่เต็มใจช่วยหรอกหรือ”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปครู่หนึ่งและหัวเราะเยาะขึ้น
น้องแปดขยิบตาและพูดขึ้นด้วยเสียงเย้ยหยันว่า
“นายท่าน ที่แท้ในใต้หล้านี้ยังมีคนที่น่าไม่อายเช่นนี้อยู่จริงๆ หรือ? ญาติก็ไม่ใช่เพื่อนก็ไม่เชิง จู่ๆ ก็กล้าเอ่ยปากของให้คนช่วยเหลือเช่นนี้? ชิ ช่างน่าขายหน้าชะมัด ที่สำคัญมันน่ารังเกลียดยิ่งนัก”
สิ่งนี้ยิ่งทำให้เขาดูน่ารังเกียดมากขึ้น
สีหน้าของชายผู้นั้นยิ่งดูอับอายมากขึ้นในทันที
“เจ้า!”
ตอนที่ 2191 จุดแสงที่วาววับ
“ไม่ต้องบอกว่าคำพูดนี้สำหรับข้าจะเป็นสิ่งเล็กน้อยหรือไม่ แต่ก็นับว่ามันแทบไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้าเลย? น้องแปดและพวกเขาล้วนเป็นคนของข้า ข้าย่อมต้องพาไป ส่วนเจ้า…หากยอมกลับไปที่ท่าเรือดอกท้อ และเรียกข้าว่า “นายท่าน” ข้าจะลองพิจารณาดูสักครั้ง”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นช้าๆ ด้วยท่าทีเมินเฉย
คำพูดเช่นนี้เหมือนตบหน้าฉาดใหญ่เข้าที่หน้าของชายผู้นั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“ซั่งกวนเยว่! เจ้าอย่าเกินไปหน่อย! หากจ้าไม่คิดจะช่วย พูดมาตรงๆ ก็พอ! จะพูดจาที่หน้าอับอายเช่นนี้ออกมาเพื่ออันใด”
ฉู่หลิวเยว่พูดต่อในทันทีว่า
สีหน้าของชายผู้นั้นเปลี่ยนไปและโมโหอย่างสุดขีด
“ดี! หากเจ้ามีความสามารถ ก็แค่รอจนประตูแดนสวรรค์นั่นเปิด และมาดูว่าเจ้ายังสามารถหัวเราะเป็นครั้งสุดท้ายได้หรือไม!”
ฉู่หลิวเยว่ดึงสายตากลับไปอย่างเบื่อหน่าย
“เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลให้มากนัก ขอเพียงมีเวลาและกำลัง เจ้าก็ควรคิดว่าจะข้ามไปได้อย่างใดให้สำเร็จจะดีกว่า”
เพียงคำพูดเดียวก็ทำให้คำพูดที่เหลือของชายผู้นั้นเงียบลงในที่สุด
แต่คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างมองกันและแอบส่งสายตาให้กัน
ในเมื่อเห็นได้ชัดว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่ช่วย แน่นอนว่าพวกเขาต้องคิดหาวิธีอื่น
อันที่จริงก็เป็นเรื่องปกติ
การที่ทุกคนมาที่นี่เดิมทีก็เป็นความสัมพันธ์ที่ต้องต่อสู้กันเอง แค่สามารถดูแลตัวเองได้ก็พอแล้ว และวางตัวเฉยๆ ไม่สร้างปัญหา แล้วใครจะอยากไปช่วยคนอื่นกันเล่า?
ฉู่หลิวเยว่สามารถพาลูกน้องหลายคนของตนข้ามไปได้อย่างง่ายดาย นั่นเป็นเพราะนางมีความสามารถ ส่วนคนอื่นมีความสามารถอันใดที่จะขอให้นางช่วย?
หลังจากเงียบสงบไปครู่หนึ่ง คนเหล่านั้นที่เหลือก็เริ่มลองข้ามเมืองทะเลเพื่อมุ่งหน้าไปสะพานเงินต่อไป
โชคดีที่เทพศักดิ์สิทธิ์โดยพื้นฐานแล้วสามารถผ่านไปได้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงแน่นอนว่าไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ข้ามไปได้อย่างปลอดภัยและราบรื่น
แม้ว่าระหว่างสองสถานะนี้จะต่างกันเพียงคำเดียว แต่พลังกลับแตกต่างและห่างชั้นกันยิ่งนัก ช่องว่างที่ทอดยาว จึงเป็นเรื่องยากที่จะข้ามผ่านไปได้จริงๆ
หลังจากเทพขั้นสูงคนที่เจ็ดเสียชีวิตลงในทะเล ผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงที่เหลือจึงยอมแพ้ในที่สุด
สุดท้ายมีเพียงเทพขั้นสูงยี่สิบสามคนเท่านั้นที่ทยอยขึ้นสะพานไปได้
ชายหนุ่มคนนั้นที่ต้องการให้ฉู่หลิวเยว่ช่วยก็อยู่ในนั้นกลุ่มนั้นด้วย แต่คนที่เหลือที่มาพร้อมกับเขา กลับอยู่บนริมฝั่งแทน
เมื่อรวมฉู่หลิวเยว่และคนอื่นที่มาถึงก่อนหน้านี้ มีเพียงสามสิบเอ็ดคนเท่านั้น
แต่ในคนเหล่านี้หัวซวงซวงและอีกสามคนเป็นเพียงเทพขั้นสูง
ชายหนุ่มคนนั้นจ้องมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความเย็นชาที่แวบเข้ามาอยู่ครู่หนึ่ง
น้องแปดเข้ามาที่ด้านข้างฉู่หลิวเยว่ และพูดเสียงต่ำขึ้น
“นายท่านข้าเห็นว่าคนพวกนั้นดูเหมือนรังเกียจพวกเรา เกรงว่าต่อไปพวกเขาจะพยายามทุกวิธีทางเพื่อทำให้พวกเราลำบาก
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้าพลางพูดขึ้น
“ไม่ต้องสนใจ”
แต่ไหนแต่ไรนางเป็นคนอ่อนไหว จึงสัมผัสถึงความเกลียดชังของฝั่งตรงข้ามได้เป็นอย่างดี
ทว่านางกลับไม่ได้เอามันมาใส่ใจ
หากนางกังวลถึงเรื่องนี้ เมื่อครู่ก็คงไม่มีท่าทีเช่นนั้นแล้ว
นางไม่ใช่คนเริ่มปัญหา แต่กลับไม่กลัวใครจะมาสร้างปัญหาให้นาง
น้องแปดมองนางที่กำลังจจ้องมองสะพานเงินที่อยู่ใต้เท้านี้ด้วยสีหน้ามุ่งมั่นอย่างมาก จึงหันไปมองตามอยู่หลายครั้ง แต่น่าเสียดายที่กลับไม่เห็นอะไรปรากฏออกมาเลย
“นายท่าน สะพานนี้มีอะไรน่าสนใจหรือ ตั้งแต่มาท่านมองมันอยู่ตลอด?”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น
“ดูลวดลายอักขระบนนี้สิ”
“ลวดลายอักขระ?”
คิ้วทั้งสองของน้องแปดขมวดขึ้นเบาๆ
นางเห็นจุดแสงบางจุดกระพริบอย่างไม่ชัดเจน และไม่มีลวดลายอักขระอันใด
ฉู่หลิวเยว่ก้มตัวลงพลางยื่นนิ้วมือออกไปแตะเบาๆ บนจุดแสงดวงหนึ่ง
เปรี๊ยะ!
มีเสียงแตกเล็กๆ ดังขึ้น
ทันใดนั้นจุดแสงขนาดใหญ่ท่าฝ่ามือแผ่ขยายออก แสงกระจายไปทุกทิศทางและก่อตัวเป็นค่ายกลเล็กๆ ในชั่วพริบตา!
ม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดเล็กลง!
เมื่อก่อนนางคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับจุดแสงเหล่านี้ แต่ไม่คิดว่าจุดแสงเล็กๆ ที่ดูไม่น่าสนใจนี้ แท้จริงแล้วก็คือระดับของค่ายกลแบบหนึ่ง!
ชั่วครู่ค่ายกลนั่นหดตัวลง จุดแสงที่สว่างสุกใสก็กระจายตัวออกไปและกลับคืนกลายเป็นจุดแสงที่เลือนลางอีกครั้ง
ดูแล้วกลับไม่มีอันตรายแต่อย่างใด
หากไม่ได้มาเห็นกับตา ก็ไม่มีใครเชื่อสิ่งที่เมื่อครู่นี้เกิดขึ้นทั้งหมด!
“เมื่อครู่นั่นคือ…ค่ายกลปรมาจารย์ระดับมหาราชาอย่างนั้นหรือ”
ขณะที่ฉู่หลิวเยว่เคลื่อนไหว ผู้คนที่อยู่ด้านข้างต่างให้ความสนใจกันไม่มากก็น้อย ดังนั้นจึงมองเห็นฉากนั้นทั้งหมด
ขณะนี้ทุกคนต่างตะตกลึง
ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นยืนและมองไปทางข้างหน้า
ขณะเดียวกันพวกเขากำลังยืนอยู่ปลายสุดของสะพานเงินนี้ เมื่อเดินขึ้นไปจุดแสงจำนวนนับไม่ถ้วนมารวมตัวกันและกลายเป็นสะพานที่แปลกประหลาดนี้
แสงสว่างระยิบระยับ แทบนับไม่ถ้วน!
หากเหล่านี้คือค่ายกล…
ฉู่หลิวเยว่กลั้นหายใจ
เดิมทีนางคิดว่าภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยได้สะสมค่ายกลมากมายมหาศาลเอาไว้ และเป็นการมีอยู่ที่ทรงพลังที่สุด
แต่ในเวลานี้เมื่อเทียบกับสะพานเงินที่แผ่ขยายจากน้ำทะเลมาสู่บนท้องฟ้า กลับแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด!
ไม่แม้แต่จะพูดได้ว่า มิอาจจะเปรียบเทียบกันได้เลยด้วยซ้ำ!
ยากที่จะเชื่อหากแสงสว่างเหล่านี้เปล่งแสงพร้อมกัน ค่ายกลทั้งหมดจะโคจรไปพร้อมกัน…มันจะเป็นฉากที่น่าทึ่งขนาดไหนกัน!
“ไม่น่าล่ะ สถานที่แห่งนี้มีพลังแห่งสวรรค์และโลกอันน่ากลัวเช่นนี้…”
ฉู่หลิวเยว่พูดพึมพำเสียงต่ำ
ลำพังสะพานนี้ก็น่ากลัวมากพออยู่แล้ว
และยังมีตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ที่ลึกลับซับซ้อนนั่นอีก เกรงว่าจะยิ่ง…
ตุง!
เสียงระฆังดังก้องขึ้นอีกครั้ง!
มีคนทนไม่ไหวจึงเดินขึ้นไป
เมื่อมีคนหนึ่งเริ่ม คนที่เหลือก็เดินตามขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
ทุกคนตามกันขึ้นไปบนสะพานและมุ่งตรงไปที่ประตูบานนั้นบนท้องฟ้า
ขณะที่ฉู่หลิวเยว่กำลังเดินไปข้างหน้า จู่ๆ นางก็เหลือบเห็นเชียงหว่านโจวคิ้วขมวดแน่น สีหน้าดูเหมือนค่อนข้างเจ็บปวดทรมาน
“เสี่ยวโจว เจ้าเป็นอันใดหรือไม่”
ฉู่หลิเย่วถามขึ้น
เชียงหว่านโจวเงยหน้ามองนางพลางส่ายหน้า
“ข้าไม่เป็นอันใด ก็แค่เมื่อครู่…มึนหัวเล็กน้อย”
ฉู่หลิเย่วขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ต้องรีบด้วยเหรอ”
ดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับเขา
ช่วงเวลาอันใกล้นี้เชียงหว่านโจวเหมือนจะปวดหัวและมึนหัวได้ง่ายนัก
สิ่งนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ฉู่หลิวเยว่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลขึ้นเล็กน้อย
เชียงหว่านโจวเม้มปากและพูดขึ้น
“ข้าไม่เป็นอันใด”
ฉู่หลิวเยว่ช่วยตรวจชีพจรให้เขา และพบว่าทุกสิ่งในร่างกายของเขาเป็นปกติจริงๆ
“เป็นได้ว่าช่วงนี้ร่างกายไม่ค่อยดีนัก”
เชียงหว่านโจวดึงมือกลับมาและพูดขึ้นต่อว่า
“หลายวันมานี้ข้าฝันไร้สาระอยู่ตลอด”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“หากรู้สึกไม่สบาย ก็บอกข้าได้ตลอด”
เชียงหว่านโจวตอบกลับไป
ขณะนี้หลายคนได้ล้มลงในที่สุด
ผู้คนเหล่านั้นที่อยู่ด้านหน้าเดินออกไประยะไม่ไกลนัก
จากนั้นฉู่หลิวเยว่จึงยกคางขึ้นพลางพูดว่า
“ไปเถอะ”
………………..