ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2199 ตั้งแต่เริ่มต้น
เซียวหรานเกาหัวไปมา
“สาวน้อยผู้นี้ช่าง…ดื้อรั้นเสียจริง แต่ช่างเถอะ เรียกตามที่เจ้าว่าแล้วกัน อย่างไรก็เป็นแค่ชื่อเรียกเท่านั้น”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ปรากฏรอยยิ้มลึกขึ้น
แม้ว่าเซียวหรานคนนี้จะดูเกียจคร้านเฉื่อยชา แต่เขาก็เป็นคนดี
หลังจากที่ผู้ติดตามของพวกเขามาถึงตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เหตุเพราะพวกเขาไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ จึงถูกเลือกปฏิบัติมาโดยตลอด
มีเพียงเซียวหรานเท่านั้นที่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียม
แต่ครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายออกหน้าช่วยเหลือ ฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกขอบคุณเขาด้วยใจจริง
“คำพูดเหล่านั้นที่พวกเขาพูดออกมาเมื่อครู่ เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
เซียวหรานกอดอกและยกคางขึ้นอย่างเกียจคร้าน
“ช่วงหลายแสนปีในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์นี้ ไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกฝนเข้ามามากมายเพียงใด สุดท้ายผู้ที่บรรลุค่ายกลได้ทั้งหมด เดินบนเส้นทางแห่งดวงดาวจนเข้าสู่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์ก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเทียบกับเจ้าแล้ว อาจจะไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่ากัน บางคนหายไปก่อนที่เข้าใจมันไม่จบแม้แต่ครึ่งเดียวด้วยซ้ำ สิ่งนี้ไม่เห็นมีสิ่งใดน่าทึ่งเลย!”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
“แม้พวกเจ้าจะไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอด ก็ถือโอกาสนี้ศึกษาค่ายกลเหล่านี้ให้มาก เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเอง เช่นนี้ก็ไม่เลวเลยทีเดียว”
ดังที่เซียวหรันพูด จู่ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้และมองฉู่หลิวเยว่อยู่ครู่หนึ่ง
“เฮ้…ข้ายังไม่ได้ถามว่าเจ้าเป็นปรมาจารย์แล้วหรือ”
จริงหรือ?
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ใช่เจ้าค่ะ”
ตอนนี้นับว่านางเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชา แต่หลังจากบรรลุค่ายกลกระสวยสวรรค์เมื่อไม่นานมานี้ นางก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของนางเพิ่มสูงขึ้น
แต่ยังไม่ได้ทดลองเป็นการเฉพาะ
“ปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชา”
“ปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชา?”
ครั้งนี้ถึงคราวที่เซียวหรานประหลาดใจแทน
เขากวาดตามองฉู่หลิวเยว่ไปมาอยู่หลายครั้งด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“ข้าจำได้ว่า เจ้าอายุเพียงสิบแปดปีไม่ใช่หรือ ก็เป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชาแล้วหรือ เจ้าไม่ใช่เทพศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าด้วยความประหลาดใจ
“เช่นนั้นผู้อาวุโสเซียวหรานมีปัญหาอันใดอย่างนั้นหรือ”
แน่นอนว่ามีปัญหา!
ปัญหาเริ่มใหญ่ขึ้นเสียแล้ว!
สามารถทะลวงขั้นเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ด้วยอายุเพียงเท่านี้ได้คงมีแค่หนึ่งในล้านเท่านั้นที่ทำได้กระมัง คิดไม่ถึงว่าการฝึกฝนบนค่ายกลจะโดดเด่นเกิดคาดเช่นนี้
นี่เป็นเพียงการพิสูจน์ว่าความสามารถของนางทั้งสองด้านนี้น่าทึ่งอย่างมาก!
เซียวหรานเริ่มสนใจนางขึ้นมาในทันที
“ดูไม่ออก สาวน้อยมีพู่กันสองอันจริงๆ เช่นนั้นเจ้าก็ไปลองศึกษาค่ายกลบนเส้นทางแห่งดวงดาวนั้นได้ หากจำนวนที่บรรลุมีมากพอหรือระดับที่สูงพอ ถวนซิ่นจื่อของเจ้าก็จะมีการตอบสนองเหมือนกันทั้งหมด หากเจ้ายืดเวลาที่จะอยู่ที่นี่ต่อ ด้วยวิธีนี้เจ้าก็มีโอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งได้มากยิ่งขึ้น เช่นนี้ก็ดีไม่ใช่หรือ”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ขอบคุณผู้อาวุโสเซียวหรานที่ชี้แนะ ข้าน้อยก็คิดเช่นนี้”
หลังจากชะงักไปชั่วครู่ นางจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“ใช่แล้ว! เสินสื่อสำดับที่เจ็ดก็คือหนึ่งในนั้น ผู้ที่พาเจ้าเข้ามาท่านนั้นล่ะ”
จิ้นอวิ๋นไหล?
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดไปชั่วขณะ
ไม่แปลกใจเมื่อพูดถึงเส้นทางแห่งดวงดาว น้ำเสียงของจิ้นอวิ๋นไหลถึงได้ดูภูมิใจเช่นนั้น
แท้จริงแล้วทุกคนล้วนมีต้นทุนที่น่าภาคภูมิใจอยู่!
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจลองดู
สิ่งนี้จึงเป็นวิธีเดียวที่จะเข้าสู่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างเปิดเผย!
นางขอบคุณเซียวหรานอีกครั้งพลางหันกลับไปยังเส้นทางแห่งดวงดาว
เซียวหรานถามขึ้น
“เฮ้ เจ้าจะไปแล้วหรือ”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักฝึกเท้าชั่วครู่
“ใช่เจ้าค่ะ”
แม้ว่านางจะรอได้ แต่พี่เป่าและคนอื่นๆ มิอาจจะรอได้
เมื่อเห็นนางมีท่าทีร้อนรน เซียวหรานจึงคิดว่านางยังคงกังวลว่าตัวอักษรที่อยู่บนถวนซิ่นจื่อจะหายไป และถูกขับไล่ออกจากตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เขาจึงพูดขึ้น
“ไปเถอะ ไปเถอะ! คนหนุ่มสาวเรียนรู้ให้มากขึ้นเป็นเรื่องที่ดี หากมีสิ่งใดที่ไม่เข้าใจ ก็มาถามข้าได้โดยตรง”
ฉู่หลิวเยว่แปลกใจเล็กน้อยพลางพูดขึ้น
“เช่นนี้จะไม่เป็นการรบกวนท่านหรอกหรือ”
เซียวหรานมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ไม่หรอก ข้าเบื่อเกินไปแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ถอนสายตากลับและมุ่งหน้าไปยังเส้นทางแห่งดวงดาว
…
เส้นทางแห่งดวงดาวเริ่มจากประตูแดนสวรรค์ทอดยาวไปจนถึงตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
สถานที่ที่ฉู่หลิวเยว่อาศัยอยู่นั้น อยู่ใกล้กับประตูแดนสวรรค์
นั่นก็คือ…ส่วนที่ระดับค่อนข้างต่ำที่สุดของค่ายกล
ในเมื่อต้องบรรลุทั้งหมด ก็ย่อมต้องเริ่มต้นจากจุดเริ่มต้น
ฉู่หลิวเยว่มาถึงประตูแดนสวรรค์อีกครั้ง
บนถนนหยกดำใต้ประตูแดนสวรรค์ถูกปกคลุมไปด้วยจุดแสงเล็กๆ
ฉู่หลิวเยว่ก้าวเท้าขึ้นไป และมองไปข้างหน้าพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ
ถนนเส้นนี้ยาวไกลนัก มิรู้ว่าทอดยาวไปไกลสักแค่ไหน
มีเพียงตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ห่างไกลออกไป ตั้งตระหง่านสูงใหญ่ ศักดิ์สิทธิ์และทรงเกียรติ!
“เอ๊ะ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนที่ต้องการบรรลุค่ายกลตั้งแต่เริ่มต้นจริงๆ หรือ มิน่าถึงคิดเดินไปยังเส้นทางแห่งด้วยดาวนั่น?”
“ไม่รู้จัก มาใหม่หรอกหรือ”
“น่าจะเป็นคนที่มาใหม่ เห็นถวนซิ่นจื่อบนเอวของนางหรือไม่ ดูจากอายุและรูปร่างหน้าตาแล้ว…น่าจะเป็นซั่งกวนเยว่ที่พาเทพขั้นสูงอีกสามคนมาด้วยกระมัง”
“จุ๊ๆ ที่แท้เป็นนาง? ในเมื่อไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ แล้วจะมาวุ่นวายอะไรที่เส้นทางแห่งดวงดาวกันเล่า? ไม่สู้ใช้เวลานี้ ค้นหาค่ายกลอันล้ำค่าเพื่อบรรลุค่ายกลให้ได้ก็พอ”
การมาถึงของฉู่หลิวเยว่ดึงดูดความสนใจของผู้คนไม่น้อย
ทั้งสองด้านของเส้นทางแห่งดวงดาว ผู้คนมากมายต่างออกมาตรวจสอบอย่างสงสัยแต่ละคนๆ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้มองฉู่หลิวเยว่ในแง่ดีนัก
ฉู่หลิวเยว่แสร้งไม่ได้ยินเสียงเหล่านี้ และก้มลงมองตรงจุดแสงแรกที่อยู่ใต้เท้าของนาง
ค่ายกลที่ซับซ้อนและเจิดจรัส ปรากฏขึ้นต่อหน้านาง
นี่คือค่ายกลปรมาจารย์ระดับราชา
“ค่ายกลพันพฤกษา”
ฉู่หลิวเยว่จำได้ในทันที จากนั้นก็คิดอะไรบางอย่างได้ ทันใดนั้นจุดแสงจำนวนมากพุ่งออกมาจากนิ้วมือของนาง มันเรียงซ้อนและผสานกันกลางอากาศ
ทว่าเพียงชั่วอึดใจ ค่ายกลที่เหมือนกันทุกอย่างประการได้ปรากฏโครงร่างขึ้นจนสำเร็จ!
นางใช้ฝ่ามือผลักเบาๆ ค่ายกลนั่นก็ลอยไปตกลงบนพันพฤกษาและปกคลุมมันอย่างสมบูรณ์!
ปัง!
ประกายไฟสีเงินเล็กๆ พุ่งขึ้นมา!
ค่ายกลพันพฤกษา…ปัง!
เดิมทีกลุ่มคนที่ค่อนข้างเสียงดังกลับเงียบลงในทันที
ชั่วครู่ก็มีคนตกใจและพูดขึ้น
“เร็วขนาดนี้เชียวหรือ!”
ก่อนที่พวกเขาจะมีเวลาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ค่ายกลพันพฤกษาก็ระเบิดขึ้นแล้ว?
“นั่นคือปรมาจารย์ค่ายกลระดับราชา ไม่มีสิ่งใดยาก แต่หลังจากที่ก้าวไปข้างหน้า ก็จะยากขึ้น”
มีคนอธิบายขึ้น
“ที่พูดมาก็ถูก อาจจะ…”
ปัง!
ก่อนที่ทุกคนจะพูดจบก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง
ประกายไฟสีเงินเล็กๆ ผลิบานอยู่บนศีรษะของฉู่หลิวเยว่
เพราะระดับของค่ายกลนี้ไม่ได้สูงนัก ดังนั้นการเคลื่อนไหวจึงไม่ใหญ่เท่ากับค่ายกลเมื่อวันก่อน
อย่างไรก็ตามผู้คนที่ยืนมองดูอยู่ใกล้ๆ ยังคงประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งนี้
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นเพียงค่ายกลปรมาจารย์ในระดับราชา แต่ก็เร็วเกินไปจริงๆ!
“จากรูปแบบที่เห็นในนี้ เธอน่าจะเป็นปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชาแล้วใช่หรือไม่”
“ได้ยินมาว่านางยังอายุไม่ถึงยี่สิบ ความสามารถเช่นนี้ช่างแข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง”
“เช่นนั้นแล้วอย่างไรล่ะ หากไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ ทุกอย่างก็เปล่าประโยชน์ ถ้าข้าเป็นนางจะไม่วันเสียเวลาอยู่บนนี้!”
เสียงต่างๆ ดังเข้ามาในหู
ดูเหมือนฉู่หลิวเยว่จะไม่ได้ยินและยังคงมุ่งหน้าต่อไป