ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2204 ปีศาจสาว
ตอนที่ 2204 ปีศาจสาว
………………..
หัวซวงซวงตกตะลึง จากนั้นจึงก็เข้าใจว่าความเย่อหยิ่งที่สูงส่งของอีกฝ่ายมาจากที่ใด
จิ้นอวิ๋นไหลเสินสื่อสำดับที่เจ็ดนั้นเป็นคนเย่อหยิ่งยิ่งกว่าคนผู้นี้เสียอีก
เขาพูดด้วยรอยยิ้ม
“ที่แท้คือเสินสื่อสำดับที่แปด โปรดอภัย อันที่จริงครั้งนี้พวกเราไม่ตั้งใจจะล่วงเกินท่าน ทว่าพวกเราพึ่งมาที่นี่ ยังไม่ค่อยเข้าใจกฎระเบียบมากนัก หากล่วงเกินอันใดไป ก็ขอให้ท่านโปรดอภัยด้วย”
เดิมทีเขาเป็นคนสูงใหญ่และรูปงาม ในขณะเดียวกันท่าทีของเขาก็จริงใจอย่างมาก ยิ่งทำให้เข้าค่อนข้างน่าสนใจมากขึ้น
ท่าทีของชูจิ้งอ่อนลงเล็กน้อยและพูดเสียงเรียบขึ้น
“ยิ่งเพิ่งมาที่นี่ ยิ่งไม่เข้าใจ ก็ยิ่งต้องมีความเคารพและเกรงกลัว ที่นี่คือตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ และไม่ใช่สถานที่ที่จะมาสร้างความวุ่นวายอันใดตามใจได้ พวกเจ้าไม่มีตราสัญลักษณ์แห่งสายเลือด ยิ่งต้องใส่ใจให้มากขึ้น”
“สิ่งที่เสินสื่อสำดับที่แปดพูดไปทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องจริง” หัวซวงซวงรีบตอบรับในทันที
ชูจิ้งจึงพูดต่อ
“หากพวกเจ้าคิดจะใช้วัตถุดิบวิเศษในที่แห่งนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ ยาอายุวัฒนะระดับมหาปรมาจารย์โอสถ สามารถแลกเปลี่ยนเป็นโอกาสหนึ่งครั้งได้”
ท่าทีของหัวซวงซวงและน้องแปดเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ยาอายุวัฒนะในระดับนี้หายากยิ่งนัก แม้แต่น้องแปดก็ยังไม่มี
และหากแม้ว่ามีการแลกเปลี่ยนครั้งนี้ก็ไม่คุ้มค่าจริงๆ
น้องแปดโกรธจนฝืนยิ้มออกมา ริมฝีปากแดงยิ้มขึ้นเป็นเส้นโค้งที่งดงาม ดวงตาคู่งามกระจ่างใสไร้ขอบเขต
“ขอบคุณสำหรับ ‘ความปรารถนาดี’ ของเสินสื่อ แต่ข้าขอไม่รับไว้ดีกว่า ในเวลาเช่นนี้ที่ข้าน้อยไปทำอะไรไม่ดี เหตุใดจะต้องเปลืองแรงทำเรื่องลำบากเช่นนี้เล่า? พี่รอง ไปเถอะ กลับไปเอาที่ซานซานก็เหมือนกัน”
ชูจิ้งแค่คิดว่านางปากแข็ง และพูดอย่างไม่เห็นด้วยขึ้นว่า
“ถ้าไม่มีความสามารถเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องยึดมั่น ยอดเขาโอสถนี้ก็ไม่ขาดสิ่งใดเพียงแค่พวกเจ้าสองคน”
น้องแปดก้มลงมองเล็บที่จัดการอย่างตั้งใจและพูดขึ้นอย่างเกียจคร้าน
“อย่างไรก็ตามพวกเราก็จะเดินอยู่ที่นี่สักระยะแล้วค่อยไป ถือเป็นการมาท่องเที่ยวก็แล้วกัน ส่วนใต้เท้าเสินสื่อ…ท่านควรพักผ่อนให้มาก โกรธให้น้อยลง นายท่านของพวกเราพูดว่า ผู้หญิงที่โกรธบ่อยๆ มักจะแก่เร็ว”
“เจ้า!”
ชูจิ้งโมโหขึ้นทันที
“แต่น้องแปดยังคงยิ้มอย่างสดใส นางบิดเอวและดึงหัวชวงชวงออกไปอย่างสบายใจ”
กระโปรงแต่งแต้มด้วยสีสันสดใสอันงดงามพลิ้วไหวไปตามสายลม ลูกปัดหยกที่ถักด้วยเชือกสีสันสวยงามผูกที่ข้อมือและข้อเท้าส่งเสียงก้องกังวาล
รูปรางเพรียวเผยให้เห็นผิวขาวละเอียดขณะที่นางเดิน จนสะดุดตาและเย้ายวนเป็นพิเศษ
มีผู้คนที่เฝ้าดูมากมายอยู่รอบๆ ซึ่งแต่เดิมตั้งใจจะดูเรื่องตลก แต่ในเวลานี้กลับกลับจ้องมองกันอย่างไม่วางตา
น้องแปดเหมือนดังสวรรค์สร้างมา เพียงส่งสายตาหรือดีดนิ้วเบาๆ ก็สามารถดึงดูดให้คนจำนวนมากหลงใหลจนเสียสติได้
เธอมีลมปราณที่เย้ายวนจนไม่สามารถบรรยายได้ เหมือนกับสิ่งล่อใจจนทำให้ถึงแก่ชีวิตและยังเหมือนภาพวาดที่งดงามเด่นชัด ที่ดึงดูดสายตาของผู้คนได้อย่างง่ายดายและฝังลึกในความทรงจำจนไม่อาจลบเลือนได้
ทันใดนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งพุ่งไปข้างหน้าและห้ามน้องแปดและหัวซวงซวงเอาไว้
สายตาที่เขามองน้องแปดเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอย่างมิอาจปิดบังได้
“หญิงสาวผู้นี้ ข้าน้อยเหลียงเหอ ขอถามชื่อแซ่แม่นางได้หรือไม่”
น้องแปดหรี่ตาลงพลางจ้องมองเขาครู่หนึ่ง
“ทำอันใดหน่ะ?”
เสียงของนางอ่อนโยนและนุ่มนวล แต่ตอนนี้กลับเกียจคร้านลงเล็กน้อย
ตอนที่หัวซวงซวงได้ยินเข้า ก็รู้ดีว่านางพยายามอดทนเก็บอารมณ์โกรธเอาไว้
น่าเสียดายที่ผู้ชายฝั่งตรงข้ามไม่รู้และยังเข้าใจผิดว่าแม่นางกำลังออดอ้อนอยู่ ทำให้เขารู้สึกอ่อนระทวยไปครึ่งตัวทันที
เขาจึงรีบพูดขึ้น
คำพูดนี้ฟังดูปลอมเกินไปจริงๆ
ผลวิญญาณสวรรค์ของสิ่งนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนมีมากเกินไปได้
เห็นได้ชัดว่าเขาแค่อยากทำให้น้องแปดพึงพอใจ
น้องแปดอ้าปากหาว
กลอุบายเช่นนี้นางเห็นมามากนัก และรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมากจริงๆ
หากตอนที่นางอารมณ์ดี อาจจะสนุกกับการพูดคุยกับคนอื่นมากขึ้น
แต่ตอนนี้นางอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก และนางก็แทบจะระงับความโกรธไม่ไหวอีกแล้ว
ดังนั้นนางจึงคร้านที่จะคุยกับฝ่ายตรงข้าม
“ไม่จำเป็น เดิมทีข้าน้อยไม่ได้ไม่สนใจ”
หลังจากพูดจบ นางก็เดินจากไป
เหลียงเหอจึงรีบร้อนในทันทันที
“เช่นนั้น…ผลวิญญาณสวรรค์ แม่นางไม่ต้องการจริงๆ หรือ”
น้องแปดไม่แม้แต่จะหันกลับไปและโบกมืออย่างเกียจคร้านขอไปทีพลางพูดเพียงคำเดียวเพื่อไล่ส่งไปว่า
“รอให้เจ้าเอาผลวิญญาณสวรรค์ทั้งหมดมาได้ให้ก่อนแล้วค่อยกลับมาหาข้าก็ยังไม่สาย”
สีหน้าของเหลียงเหอแข็งค้างไปในทันที
น้องแปดและฮัวซวงซวงจากไปแล้ว
เมื่อชูจิ้งเห็นฉากนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและในใจยิ่งรังเกียจน้องแปดมากขึ้น
“นางปีศาจสาว”
ผู้หญิงเช่นนี้นอกจากจะยั่วยวนผู้ชายแล้ว ยังจะทำอะไรอีก
ทว่าเป็นเพียงเทพขั้นสูง และไม่มีตราสัญลักษณ์แห่งสายเลือด คาดไม่ถึงว่าจะอวดดีเช่นนี้
“น้องแปด พวกเราจะไปหานายท่านที่เส้นทางแห่งดวงดาวไม่ใช่หรือ นี่เจ้า…คิดที่จะกลับไปแล้วหรือ”
หัวซวงซวงตามน้องแปดอยู่ข้างๆ และเมื่อเห็นนางเปลี่ยนทิศทาง จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
น้องแปดฮึดฮัดเบาๆ
“เจ้าจะไปทำสิ่งใดในตอนนี้? จะไปสร้างปัญหาให้นายท่านหรอกหรือ?”
หากให้นายท่านรู้ว่าพวกเขาเพิ่งโดนคนรังแกมาเช่นนั้น อารมณ์ของนายท่านคงไม่ดีขึ้นเป็นแน่
ไม่สู้ปล่อยให้นายท่านมุ่งความสนใจไปที่เรื่องของตนเองก่อนดีกว่า
หากไปในตอนนี้ นั่นไม่ใช่เป็นการเพิ่มกำลังใจ แต่เป็นการไปทำให้หมดกำลังใจเสียมากกว่า
หัวซวงซวงทอดถอนหายใจ
“เจ้าก็อย่าไปใส่ใจนักเลย ตั้งแต่วินาทีแรกที่ก้าวเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ก็น่าจะคิดถึงสถานการณ์เหล่านี้แล้วไม่ใช่หรือ”
ที่ประตูแดนสวรรค์นั่น ทัศนคติของจิ้นอวิ๋นไหลล้วนบอกทุกอย่างแล้ว
น้องแปดเตะก้อนหินตรงหน้าออกไปแล้วย่นจมูกขึ้น
“ข้ารู้สึกรำคาญ ชูจิ้งนั่นเสียจริง ในเมื่อเป็นเสินสื่อสำดับที่แปด แต่ข้าชื่อเสี่ยวปา! เช่นนี่ไม่ได้ตั้งใจขยะแขยงข้าหรอกหรือ”
หัวซวงซวงหัวเราะลั่น
เรื่องที่น้องแปดโกรธ มักจะต่างจากพวกเขาเสมอ
“เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร เจ้าสวยกว่านาง!”
“จริงหรือ?”
เมื่อเน้องแปดได้ยินคำพูดนี้ สีหน้ากลับดีขึ้นเล็กน้อยพลางเลิกคิ้วและเหลือบมองเขา
หัวซวงซวงกลั้นเสียงหัวเราะ
“เมื่อครู่ก็เห็นชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ”
ไม่เช่นนั้นเหลียงเหอนั่นคงไม่วิ่งเข้ามาหา
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนั้นชูจิ้งยังอยู่ที่นั่น”
จากนั้นน้องแปดก็ยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย
“เป็นเช่นนั้น นายท่านงดงามอันดับหนึ่งในใต้หล้า และข้าก็เหมือนกับนายท่าน”
…
ทั้งสองกลับมาอย่างรวดเร็วและเห็นเฉินอีนั่งอยู่บนม้านั่งหินในลานบ้านพอดี
มีกระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าเขาและมีหินสองสามก้อนวางอยู่ด้านบน ดูเหมือนเขากำลังศึกษาการสร้างกลไกค่ายกลอะไรบางอย่าง
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของทั้งสองคน เขาจึงเงยหน้าขึ้นมามอง แต่สีหน้ากลับไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด
“พี่ใหญ่ วันนี้ข้าถูกรังแก!”
“เมื่อน้องแปดกลับมาก็ระบายความทุกข์ออกมาเสียยกใหญ่ และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เฉินอีฟังด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ จนสรุปในตอนท้ายว่า
“คนพวกนี้ทำเกินไปหน่อยแล้ว!”
การแสดงออกบนใบหน้าของเฉินอีไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
ในที่สุดเมื่อนางพูดจบ เขาจึงพูดเสียงเรียบขึ้นว่า
“แค่ยาอายุวัฒนะของมหาปรมาจารย์โอสถไม่ใช่หรือ? เจ้าก็ไม่ใช่คนที่หลอมมันได้”
………………..