ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2205 พี่เป่าโกหกข้า ตอนที่ 2206 ขัดขวาง
ตอนที่ 2205 พี่เป่าโกหกข้า ตอนที่ 2206 ขัดขวาง
………………..
ตอนที่ 2205 พี่เป่าโกหกข้า
น้องแปดตัวแข็งค้าง ขนตายาวสีเขียวเข้มดั่งอีกากะพริบและเหลือบมองเฉินอีอย่างรวดเร็ว
เฉินอีทิ้งหินก้อนสุดท้ายในมือด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ทันใดนั้นน้องแปดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและนอนลงบนม้าหินอย่างแผ่วเบา
“พี่ใหญ่ ข้าขอความเป็นส่วนสักหน่อยไม่ได้หรือ!”
นางยังไม่ทันได้พูดอะไร! พี่ใหญ่ก็เข้าใจทุกสิ่ง!
“ข้าคิดจะทำอันใดบางอย่างให้นายท่านประหลาดใจ!”
นางพึมพำอย่างไม่พอใจ
เฉินอีมองนางอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า
“สิ่งนี้ก็ถือเป็น ‘เรื่องประหลาดใจ’ ด้วยหรือ”
เกณฑ์การทำเรื่องประหลาดใจนั้นต่ำเกินไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
น้องแปด “…”
คนผู้นี้…เป็นผู้ชายที่นิสัยเสียเกินไปจริงๆ!
ดูเหมือนเฉินอีจะได้ยินสิ่งที่นางพูด จึงถามอย่างใจเย็น
“ท่านพูดอันใด”
น้องแปดนั่งตัวตรงทันทีและยกนิ้วโป้งสองนิ้วขึ้นด้วยสีหน้าชื่นชม
“ข้าว่าพี่ใหญ่เจ้าแผนการ! และรู้ทุกสิ่งดั่งเทพเซียน! และเป็นคนที่น่าทึ่งอย่างมาก! ดังนั้นน้องแปดจึงชื่นชมเขาจากใจริง!”
หัวชวงซวงมองน้องแปดครู่หนึ่งด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“น้องแปด ไม่เจอกันนาน ความประจบสอพอของเจ้านี้ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!”
“หากใช้ของสิ่งนั้นมาแลกเปลี่ยนกับยาอายุวัฒนะระดับมหาปรมาจารย์โอสถคงเสียเปรียบเกินไป
เพราะสมองของข้ามีปัญหาจึงรับปากไปเช่นนั้น”
น้องแปดฮึดฮัดขึ้น
แม้ว่านางสามารถฝึกฝนได้ แต่นางก็ไม่เต็มใจที่จะทำ
เฉินอีพยักหน้า
“ถึงแม้ว่ายอดเขาโอสถจะใหญ่โต แต่สิ่งของก็มีเพียงสิ่งเหล่านั้น สินค้าที่มีอยู่ในมือก็ใช้ได้อย่างเพียงพอ ดังนั้นจะไม่ไปก็คงไม่เป็นอันใด”
น้องแปดมองเขาแวบหนึ่งด้วยความประหลาดใจ
“พี่ใหญ่ ท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ท่านเคยไปยอดเขาโอสถหรือ”
เฉินอีเคลื่อนตัวไปเก็บของบนโต๊ะและพูดขึ้นอย่างเรียบเย็น
“ระดับของเจ้าในตอนนี้สามารถหลอมสิ่งที่ต้องการออกมาได้ก็คือสมุนไพรเหล่านั้นเท่านั้น สิ่งที่มากกว่านี้…เจ้าในตอนนี้ทำได้อย่างนั้นหรือ”
น้องแปดเลิกคิ้วอย่างไม่ยอมรับ
“เช่นนั่นก็ไม่แน่ใจ”
“เช่นนั้นก็รอจนกว่าเจ้าจะทำได้ และค่อยพูดก็แล้วกัน”
หลังจากที่เฉินอีพูดจบจึงลุกขึ้นและจากไป
น้องแปดแลบลิ้นล้อเลียนด้านหลังเขา
…
เข้าสู่วันที่สองในชั่วพริบตา
บนเส้นทางแห่งดวงดาวฉู่หลิวเยว่มองค่ายกลนั่นตรงใต้เท้าและพ่นลมหายใจออกเบาๆ
จากนั้นนางจึงยกเท้าขึ้นและออกจากเส้นทางแห่งดวงดาว
เมื่อทุกคนเห็นสิ่งนี้จึงเกิดความวุ่นวายขึ้นในทันที
เซียวหรานถามขึ้นอย่างสงสัย ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเล็กน้อย
“ไม่มีอันใดหรอก ข้าแค่อยากพัก”
ทุกคนแอบสบตากันไปมา
พูดได้น่าฟัง แต่คาดการณ์ว่าข้าคงไม่เข้าใจมันอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นข้าจึงต้องหาทางให้ตัวเองเสียดีกว่า
แต่นับว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะคนที่พยายามเดินบนเส้นทางแห่งดวงดาวมักจะทำเช่นนี้ จึงไม่มีอะไรต้องพูดต่อ
ยิ่งไปกว่านั้นฉู่หลิวเยว่สามารถบรรลุค่ายกลที่มากมายในช่วงเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้ ถือว่ามาไกลยิ่งนัก!
“ก็ใช่ เจ้าไม่ได้กลับมาหลายวันหลายคืนแล้วมิใช่หรือ พักสักหน่อยเถอะและค่อยกลับมาสู้ใหม่”
เซียวหรานใจกว้างอย่างมากและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าและกล่าวขอบคุณ จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปที่บ้านของตน
หลังจากที่นางจากไป ผู้คนที่เฝ้าดูจึงแยกย้ายกันออกไปเรื่อยๆ
…
ฉู่หลิวเยว่รีบกลับไปที่ลานของนางอย่างรวดเร็ว
“นายท่าน กลับมาแล้วหรือ!”
ขณะที่น้องแปดกำลังพักผ่อนบนเก้าอี้หวายในลานบ้านอยู่นั้น เมื่อเห็นนางจึงรีบลุกขึ้นทันที
“เจ้าพักเถอะ ข้าขอตัวอยู่เงียบๆ สักหน่อย”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น
น้องกะพริบตาปริบๆ และเอนตัวกลับไปนอนลงอีกครั้ง
“โอ้ว ดีเลย ถ้าเช่นนั้นนายท่านพักผ่อนให้เต็มที่!”
เมื่อฉู่หลิวเยว่กลับถึงห้อง จึงลงกลอนประตูและสูดหายใจเข้าลึกๆ
หลังจากนั้นไม่นานนางก็กัดฟันและพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า
ตอนที่ 2206 ขัดขวาง
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าตนเองถูกหลอกอย่างที่สุด
เมื่อคิดถึงในตอนแรกที่อยู่ทะเลทรายจันทราสีชาด นางใช้ความพยายามไปมากมายขนาดไหน เพื่อบรรลุค่ายกลที่ซับซ้อนเหล่านั้น
ในระหว่างนั้นมีหลายครั้งที่ถูกพี่เป่าลากไปตำหนิ เพราะจำไม่ได้จริงๆ
ในเวลานั้นนางคิดเพียงว่าความสามารถของตนมีจำกัด และยังกังวลว่าจะทำให้ความหวังของพี่เป่าล้มเหลว นางจึงรู้สึกผิดอยู่ในใจมาเป็นเวลานาน
สุดท้ายแล้ว…ที่แท้เขาเอาสิ่งที่เกินระดับมาบังคับให้นางฝึกฝนหรอกหรือ
น่าเศร้าที่ตอนนั้นนางไร้เดียงสาเกินไป แม้จะรู้สึกว่าสิ่งเหล่านั้นยากลำบากอย่างมาก แต่นางก็ไม่เคยสงสัยในตัวพี่เป่าเลย
ไม่จำเป็นต้องถาม หลานเซียวและผู้อาวุโสลำดับห้าก็ต้องรู้เรื่องเช่นกัน และถือว่าส่วนหนึ่งเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด!
ฉู่หลิวเยว่กัดฟันแน่น
“รอข้าหาพวกเขาเจอ แล้วคอยดูว่าจะชำระบัญชีนี้กับพวกเขาอย่างไร!”
“อาเยว่ พูดเช่นนี้แสดงว่าค่ายกลเหล่านั้นเจ้าเคยเห็นแล้วหรือ”
เสียงอันนุ่มนวลของถวนจื่อดังขึ้นในใจ
ฉู่หลิวเยว่แตะหน้าผากพลางพูดขึ้น
“ก็ไม่ใช่ แต่…”
ทว่ายิ่งนางเข้าใกล้ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์มากเท่าไร ก็ยิ่งเห็นสัดส่วนของค่ายกลที่ใหญ่มากขึ้นเท่านั้น!
ในตอนแรกนางไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ต่อมาเมื่อได้เห็นค่ายกลที่พวกพี่เป่าเรียกกันว่าปรมาจารย์ค่ายกลระดับราชา ที่ปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในอาณาเขตพื้นที่ของค่ายกลปรมาจารย์ระดับมหาราชา อีกทั้งยังมีจำนวนค่อนข้างมาก นางจึงรู้ว่ามีอะไรบางอย่างปิดบังอยู่ด้านในนี้
เมื่อสัมผัสได้ถึงความคิดในใจของนาง ถวนจื่อจึงเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น
“เป็นเช่นนี้ ข้าถึงได้กลับมา”
“ก่อนหน้านี้ยังพออธิบายได้ว่าเป็นเพราะความสามารถและความโชคดี แต่ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ต่อให้เป็นใครก็มั่นใจว่านางต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน”
แม้ว่านางจะรีบร้อนที่ต้องการจะเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อตามหาพี่เป่าและคนอื่นๆ แต่ในใจของนางก็ไม่ได้เป็นกังวลอะไร
หากความสงสัยและคำถามของคนรอบข้างเหล่านั้น ไม่ได้รับการจัดการอย่างดี จึงเป็นไปได้อย่างมากว่าอาจทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่อาจรู้ได้
“นางเพิ่งมาที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิได้ไม่นาน และยังมีอันใดหลายอย่างที่ไม่เข้าใจอย่างกระจ่างชัด จึงไม่ควรทำสิ่งใดผลีผลามในตอนนี้”
“รอไปก่อน ดูว่าตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์จะมีปฏิกิริยาอย่างไรแล้วค่อยวางแผนขั้นตอนต่อไป”
ฉู่หลิวเยว่พูดอย่างแน่วแน่
“เดิมทีนางเป็น…ห่วงพี่เป่าและคนอื่นๆ จึงเต็มไปด้วยความคิดและความหวังที่จะผ่านเส้นทางแห่งดวงดาวและเข้าสู่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์”
แต่บัดนี้เมื่อนางรู้หลังจากที่ได้เห็นค่ายกลส่วนใหญ่บนเส้นทางแห่งดวงดาว นางกลับรู้สึกไม่ได้รีบร้อนนัก
ถวนจื่อพูดขึ้นอย่างมึนงง
“เช่นนั้นถวนจื่อเชื่อฟังอายว่!”
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้ามานั่งลงและหลับตาพักสักครู่
ในสองสามวันมานี้นางใช้ค่ายกลอย่างไม่หยุดพัก ซึ่งต้องใช้พลังและความพยายามไปอย่างมาก
“อาเยว่ พวกเรารออยู่ทางนี้ ผู้เฒ่าต้าเป่าและคนอื่นๆ ทางนั้นคงจะไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ และฮึมฮัมขึ้น
“มีเพียงพวกเขาที่หลอกคนอื่น แล้วคนอื่นจะมารังแกพวกเขาได้อย่างไร!”
…
“ฮัดเช้ย!”
“ใครกัน คิดถึงข้าน้อยเช่นนี้…”
เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นแต่ความมืดมิด
เขาถอนหายใจและล้มตัวนอนลงอีกครั้ง
“โอ้ว ช่วงนี้ช่างน่าเบื่อเสียจริง…ข้าว่า ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้าส่งคนมาสองสามคน ข้าน้อยจะช่วยเจ้าฝึกฝน?”
ไม่มีใครตอบ
หลายเซียวหัวเราะ “ฮ่า” อย่างเย้ยหยัน
“ช่างเถอะ ตอนนั้นมีคนมากมายที่ขอร้องแต่ข้ายังไม่ยอมรับ ตอนนี้มีโอกาสดีๆ เช่นนี้เจ้ากลับพลาดไปได้ จริงๆ เลย…”
“ตอนนี้เหลือแค่คนที่รอดจากการพ่ายแพ้ ความรุ่งเรืองในอดีตได้กลายเป็นเมฆหมอกและฝุ่นผงไปแล้ว การใช้ชีวิตอยู่กับอดีตเพียงแค่ทำให้คนมองว่าเจ้าน่าสงสารก็เท่านั้น”
เสียงนั้นดังมาจากระยะไกล
หลานเซียวยกมุมปากและยกยิ้มอย่างชั่วร้าย
“สุดท้ายแล้งใครกันที่ยังคงอยู่ในอดีต ในใจของเจ้ารู้ดี”
…
“แม่นางเสี่ยวปา?”
น้องแปดนั่งอยู่บนเก้าอี้เอนพลางหลับตาลง ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งดังมาจากด้านนอกลานบ้าน จึงอดไม่ได้ที่จะลืมตาและมองดูอย่างประหลาดใจ
ชายคนหนึ่งยืนอยู่นอกประตู ด้วยสีหน้าประหม่าและรอคอย
ลานนี้กว้างใหญ่มาก มีเพียงรั้วไม้ไผ่เตี้ยๆ รอบนอกเท่านั้นที่ล้อมไว้ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสายตา
ดังนั้นผู้คนภายนอกจึงสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในลานบ้านได้อย่างง่ายดาย
และคนที่อยู่ในลานบ้าน ก็เหมือนเช่นเดียวกัน
“เจ้าเป็นใคร”
น้องแปดกะพริบตาไปมา และนึกได้ว่าเคยเห็นใบหน้านี้มาก่อน
“อ๋อ เป็นเจ้าเองหรอกหรือ ขอโทษจริงๆ ข้าเป็นคนความจำไม่ค่อยดีนัก ถ้าไม่ใช่คนที่หน้าตาดีจริงๆ ข้าก็มักจะจำไม่ค่อยได้”
ทัศนคติของนางต่อผู้คนและสิ่งของก็เหมือนกัน มักจะเลือกแต่สิ่งที่สวยงามเท่านั้น
นางยังเลือกแม้กระทั่งกลีบดอกไม้ที่ใช้แช่น้ำ แล้วจะไม่เลือกคนได้อย่างไร
เหลียงเหอดูเหมือนจะอายุราวยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี ถ้าเป็นคนทั่วไปก็ถือว่ามีใบหน้าที่ดูดี แต่ในสายตาของน้องแปดนั้น เขาก็ไม่ได้โดดเด่นจากคนอื่นนัก
เหลียงเหอรู้สึกเหมือนถูกบีบให้จนมุม แต่เขากลับไม่โกรธเคืองแต่อย่างใด
เพราะน้องแปดมีคุณสมบัติที่จะพูดสิ่งนี้จริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เขาตกหลุมรักน้องแปดตั้งแต่แรกเห็น เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาแค่รู้สึกว่าน้องแปดตรงไปตรงมาและน่ารัก จึงไม่รู้สึกโกรธเคืองแม้แต่น้อย
“เช่นนั้นไม่เป็นไร ต่อไปหากข้ามาที่นี่อีกสองสามครั้ง แม่นางเสี่ยวปาก็จะคุ้นเคยกับข้า”
ทันใดนั้นน้องแปดก็จำอะไรบางอย่างได้และเหลือบมองเขาอย่างสงสัย
“เจ้ารู้ชื่อข้าได้อย่างใด”
เหลียงเหอพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนว่าข้าไปสืบมาสักหน่อย แม่นางเสี่ยวปาที่งดงามเช่นนี้ ไม่ต้องใช้ความพยายามอันใดมากก็สามารถถามไถ่ได้แล้ว”
ขณะที่พูดเขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
“ข้าพูดเช่นนี้ ล่วงเกินไปแล้วจริงๆ แม่นางเสี่ยวปาไม่พอใจใช่หรือไม่”
น้องแปดหัวเราะขึ้น
“เช่นนี้มีอันใดให้ไม่ดีใจกันเล่า”
อย่างไรก็ตามนางเห็นเรื่องเช่นนี้มามากมายนัก ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้สนใจจริงๆ
“หรือว่าในตำหนักมายากศักดิ์สิทธิ์นี้ นางจะสามารถซ่อนตัวและอยู่อย่างไม่เปิดเผยชื่อได้จริงๆ หรือ”
“บอกมาว่าเหตุใดถึงมาหาข้า หากไม่มีเรื่องสำคัญอันใด ข้าจะไปพักผ่อนแล้ว”
“มี มีขอรับ!”
เหลียงเหอตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ก่อนหน้านี้แม่นางเสี่ยวปาบอกว่าต้องการผลวิญญาณสวรรค์ ครั้งนี้ข้าตั้งใจมามอบของสิ่งนี้ให้โดยเฉพาะ สิ่งเหล่านั้นที่เแม่นางเสี่ยวปาชอบก่อนหน้านี้ ข้าก็เอามาทั้งหมด”
เดิมทีน้องแปดเบื่อหน่าย เมื่อได้ยินคำพูดนี้เข้า ทันใดนั้นจึงแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยออกมา
“ทั้งหมดหรือ? เช่นนั้นก็มีมากกว่าร้อยต้น”
เหลียงเหอหัวเราะและพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น
“ขอรับ ทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว”
น้องแปดเลิกคิ้วขึ้น มองดูเขาอย่างระมัดระวังและพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ
“หากเสินสื่อสำดับที่แปดรู้ว่าเจ้าทำเช่นนี้ จะไม่โกรธหรอกหรือ”
“แม่นางเสี่ยวปาอาจยังไม่รู้ว่าบนยอดเขาโอสถนั้นยังมีอีกหลายจุดที่มีผลวิญญาณสวรรค์ขึ้นอยู่ ที่ข้านำมาเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ใต้เท้าเสินสื่อจะไม่โกรธเพราะเรื่องนี้หรอก”
น้องแปดพูดถวนคำพูดชองเขาและก็หัวเราะออกมา
“แท้จริงแล้วเสินสื่อสำดับที่เจ็ด ได้พูดก่อนหน้านี้ว่า สิ่งที่อยู่บนยอดเขาโอสถล้วนใช้ได้ตามต้องการ และนั่นไม่ใช่เรื่องโกหก”
คนที่ไม่อยากให้นางหยิบผลวิญญาณสวรรค์จริงๆ คือเสินสื่อสำดับที่แปดที่สูงส่งท่านนั้น!
………………..