ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2210 เขากลับมาแล้ว ตอนที่ 2211 นี่คือประกาศของเถ้าแก่ใหญ่
ตอนที่ 2210 เขากลับมาแล้ว ตอนที่ 2211 นี่คือประกาศของเถ้าแก่ใหญ่
………………..
ตอนที่ 2210 เขากลับมาแล้ว
พื้นที่ภายร้านเจินเป่าเก๋อนั้น มีขนาดใหญ่กว่าที่มองจากภายนอกมาก
ชั้นแรกของอาคารเป็นห้องโถงสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่ ที่ถูกจัดให้เป็นห้องจัดแสดงสินค้า ตู้ใสที่ทำจากผลึกขาวฝังประดับอยู่บนผนังทั้งสี่ด้าน
สมบัติล้ำค่าต่างๆ วางกระจัดกระจายอยู่บนนั้น
ตรงกลางห้องโถงมีบันไดเวียนขึ้นไปข้างบน
ด้านหน้าบันไดเป็นโต๊ะสำหรับสอบถามหรือจับจ่ายสินค้า
ชายวัยกลางคนยืนอยู่ตรงนั้น ดูราวเป็นผู้จัดการร้าน
ทว่านอกเหนือจากเขาแล้ว ไม่มีพนักงานคนอื่นประจำอยู่ที่ชั้นหนึ่งเลย
หากแต่มีลูกค้าสิบกว่าคนเดินชมสินค้าภายในห้องกันให้ขวัก
หากอ้างอิงจากที่เซียวหรานกล่าวแล้ว ร้านเจินเป่าเก๋อแห่งนี้มีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง และน่าจะเป็นคนใหญ่คนโต แม้แต่คนอย่างเสินสื่อลำดับแปดยังไม่กล้าทำให้ขุ่นเคือง
ไม่แปลกที่ร้านแห่งนี้จะเปิดบริการได้ตามสะดวก
มีอำนาจบาตรใหญ่เพียงนี้ ใครจะไปกล้าหือกัน
คงมีแต่คนเพี้ยนสมองกลับเท่านั้น ที่กล้าขัดแข้งขาร้านเจินเป่าเก๋อ
เมื่อเห็นพวกของฉู่หลิวเยว่เดินเข้ามา ผู้คนในห้องโถงพลันหันไปมองเป็นตาเดียว
ทั้งสงสัย ตกใจ แปลกใจ…
ฉู่หลิวเยว่กำลังจะก้าวเท้าไปอีกด้านหนึ่งของห้องโถง แต่จู่ๆ ก็ดันสัมผัสได้ถึงสายตากดดันที่จ้องมาทางตน
หัวใจเต้นตุบด้วยความตกใจ พลันเงยหน้าขึ้นมอง
ก่อนจะเห็นสตรีรูปงามในชุดคลุมสีน้ำเงินกำลังจ้องมองนางอยู่
แต่สายตาของอีกฝ่าย ทำให้นางรู้สึกตงิดใจแปลกๆ
“เจ้าคือซั่งกวนเยว่หรือ?”
นางกล่าวเสียงเบา
ฉู่หลิวเยว่ตอบกลับหยั่งเชิง
“ใช่แล้ว ไม่ทราบว่าเจ้าคือ…”
“พี่หญิงหยาเฟิง เจ้าจักเสวนากับคนเช่นนี้ไปไย”
ไม่ทันที่หญิงสาวตรงหน้าจะได้เอ่ยปาก ก็พลันมีเสียงกระแซะจากเด็กสาวดังมาจากด้านข้าง
ขณะกล่าวเช่นนั้น นางกวาดสายตามองฉู่หลิวเยว่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
ฉู่หลิวเยว่รู้ในทันใด
“ที่แท้ก็แม่นางมู่นี่เอง”
มู่หยาเฟิงเหลือบมองเด็กสาวผู้นั้นราวติเตือน
“แม่นางซั่งกวนนั้นมีทักษะปรมาจารย์เป็นเลิศ เจ้าอย่าหยาบคาบได้หรือไม่”
นางกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะหันมาระบายยิ้มบางเบาให้ฉู่หลิวเยว่
“ได้ยินว่าแม่นางซั่งกวนทำลายสถิติได้ ช่างน่าชื่นชมยิ่งนัก”
เด็กสาวคนนั้นเบะปาก พลางทำเสียงเล็กเสียงน้อย
“แล้วอย่างไรล่ะ? ไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์เสียหน่อย สุดท้ายก็ไปได้ไม่ไกลหรอก แค่แสงส่องถึงตนตอนนี้จะไปมีประโยชน์อันใด?”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ
“ตัวข้านั้นเป็นเพียงปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชา ยังห่างชั้นกับแม่นางมู่มากโข คงใช้คำว่า ‘น่าชื่นชม’ ยังมิได้หรอก”
เด็กสาวคนนั้นเอ็ดเบาๆ
“ก็รู้ตัวหนิ!”
“แค่บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ก็รอดตัวไปแล้วหรือ?”
น้องแปดยกสองแขนขึ้นกอดอกแล้วยิ้มเยาะหนึ่งที
“ไม่รู้เลยว่า จะกล่าวว่าน้องสาวผู้นี้ของแม่นางมู่ปากเหม็นเป็นส้วม หรือจะโทษว่าพี่สาวอย่างแม่นางมู่ไม่สั่งสอนน้องดี”
ท่าทีของสองพี่น้องมู่เปลี่ยนไปทันตา
ฉู่หลิวเยว่ดึงน้องแปดกลับมา แล้วยิ้มบางส่งไป
“ต้องขออภัยด้วย น้องแปดของเราเป็นคนเถียรตรงไปหน่อย”
ประโยคนี้ทำเอาอีกฝ่ายแทบสำลักน้ำลายจนพูดไม่ออก
“พวกข้ายังมีเรื่องต้องทำ ไม่ขอรบกวนไปมากกว่านี้แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่พูดพลางดึงน้องแปดให้เดินตามออกมา
“น้องแปด ดูตรงนี้สิ มีของที่เจ้าอยากได้หรือไม่?”
กลุ่มของฉู่หลิวเยว่เดินออกไปแล้ว
“หน้าไม่อายจริงๆ!”
เด็กสาวคนนั้นก่นด่าเสียงต่ำ
“พอแล้ว ครานี้เรามาที่นี่ มิใช่เพื่อตบตีกับใครเสียหน่อย”
มู่หยาเฟิงขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์
เมื่อเด็กสาวตัวน้อยสัมผัสได้ว่าคนพี่เริ่มโมโหแล้วจริงๆ นางจึงยอมเงียบเสียงลง
มู่หยาเฟิงเดินไปยังโต๊ะกลางห้องโถง ใบหน้าบูดบึ้งพลันหายวับไป และแทนที่ด้วยรอยยิ้มหวาน
“ใต้เท้าหมิง ได้ยินว่าผู้ดูแลรองกลับมาแล้วหรือ?”
ตอนที่ 2211 นี่คือประกาศของเถ้าแก่ใหญ่
“ใช่แล้ว ข่าวไปถึงแม่นางมู่เร็วจริงเชียว ผู้ดูแลรองเพิ่งกลับมาเดี๋ยวเดียว ท่านก็ทราบข่าวแล้ว”
มู่หยาเฟิงยิ้มรับอย่างอ่อนโยน
“ผู้ดูแลรองจากไปตั้งหลายปี ใจข้าก็เฝ้ารอทุกวี่วัน ไม่ทราบว่ายามนี้ผู้ดูแลรองอยู่ข้างบนหรือไม่? ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาเขา”
หมิงซูตอบอย่างเร็ว
“อยู่สิ แม่นางมู่รอประเดี๋ยว ข้าจะขึ้นไปแจ้งให้เขาทราบว่าท่านต้องการพบ”
“ลำบากใต้เท้าหมิงแล้ว”
“เรื่องเล็กน้อย มิได้ลำบากกระไร”
เมื่อหมิงซูพูดจบ เขาก็เดินขึ้นไปชั้นบน
ร้านเจินเป่าเก๋อทั้งร้านอยู่ภายใต้การดูแลของเขา เขาจึงมิได้วิตกกังวลหากจะหายตัวไปจากหน้าร้านสักพัก
ทว่าหลังจากหมิงซูเดินขึ้นไปข้างบน ผู้คนในร้านพลันทำหน้าตาตื่นตกใจ และกระซิบกระซาบกันอย่างออกอรรถรส
“ผู้ดูแลรองกลับมาแล้วหรือ? ตั้งแต่เมื่อใดกัน? เหตุใดข้าไม่เห็นได้ข่าวเลย?”
“เหมือนว่าจะสองสามวันก่อนกระมัง…หลักๆ พวกข้าเองก็ไม่รู้ แต่เห็นว่ามีวงไหนเล่าต่อๆ กันมา แต่หลังจากกลับมาแล้ว ยังไม่เห็นว่าผู้ดูแลรองจะโผล่หน้าออกมาเลยสักครา”
“ครั้งนี้เขาหายไปนานเลยมิใช่รึ? ไม่รู้เกิดอันใดขึ้นบ้าง บางคนเดาว่าเขาออกจากตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์…”
“ชู่! เรื่องแบบนี้จะมาพูดมั่วๆ ไม่ได้ อีกอย่างนั่นไม่สำคัญเสียหน่อย ประเด็นสำคัญก็คือ ผู้ดูแลรองกลับมาแล้ว เช่นนั้นร้านเจินเป่าเก๋อ ก็น่าจะเปิดทำการได้หมดทุกสาขาแล้วสิ? ตั้งแต่เขาจากไป ก็เหลือเพียงร้านเจินเป่าเก๋อสองสาขาเล็กที่เปิดอยู่ วัตถุดิบหลายชนิดก็เริ่มหาได้ยาก”
“ก็จริงของเจ้า แต่ต้องบอกว่า แม่นางมู่หยาเฟิงเองก็ใจกล้าไม่เบา เพียงเข้าร้านมาก็ขอพบหน้าผู้ดูแลรองแล้วหากเป็นข้า คงไม่กล้าเพียงนั้นหรอก เหอะ!”
”อย่างไรเสียก็เป็นคนที่มีโอกาสก้าวข้ามผ่านเส้นทางดวงดาวได้มากที่สุด แถมยังถูกพวกของเสินสื่ออันดับเจ็ดยกย่องเยินยอสารพัด ย่อมแตกต่างจากเราเราอยู่แล้ว”
…
มู่หยาเฟิงยืนอยู่ตรงนั้น แผ่นหลังบางเหยียดตรง สองมือวางซ้อมทับไว้ตรงหน้าท้อง รอคอยอย่างสุภาพ ดวงหน้างามสงบนิ่ง
นางเงยหน้าขึ้น ริมฝีปากงามระบายยิ้มในบัดดล
“ใต้เท้าหมิง ยามนี้ข้าขึ้นไปได้หรือยัง?”
ทว่าท่าทีของหมิงซูกลับดูกระอักกระอ่วนกว่าเมื่อครู่
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปฏิเสธไป
“แม่นางมู่เอย วันนี้ผู้ดูแลรองไม่ค่อยสบาย ไม่พร้อมแขกคนใด หากท่านมีกิจอันใด ก็ฝากข้าไปบอกเขาได้”
สิ้นประโยคนี้ ทั่งทั้งโถงชั้นหนึ่งพลันเงียบกริบ
รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หยาเฟิงแข็งค้าง
“ใต้เท้าหมิง นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”
หมิงซูเองก็ลำบากใจ แต่ไม่กล้าขัดคำสั่งของผู้ดูแลรอง
“ช่วงนี้ผู้ดูแลรองทำงานหนักมาก โปรดอภัยในความไม่สะดวกเถิด”
เช่นนี้ก็แน่นอนแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ยอมให้นางขึ้นไป
มู่หยาเฟิงขบเม้มริมฝีปากแน่น
เมื่อก่อนนางเคยมาที่นี่ ผู้ดูแลรองไม่เคยปฏิเสธนางเลย
ไม่ค่อยสบายหรือ…มันก็แค่ข้ออ้าง ที่เขาไม่อยากพบนางก็เท่านั้น
แต่เหมือนว่านางจะไม่ได้ทำให้คนผู้นั้นขุ่นเคืองหรอกใช่หรือไม่?
มู่หยาเฟิงพร้ำคิดไม่ตก แต่ยังไม่อาจปักใจได้ จึงทำเพียงสงบความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้นไว้ชั่วคราว
“ความจริงแล้วที่ข้ามาวันนี้ เพราะคิดว่าไม่ได้เจอผู้ดูแลรองมาหลายปี เลยกะจะมาเยี่ยมเยียนเสียหน่อย อนิจจา กลายเป็นว่ายามนี้ผู้ดูแลรองไม่สะดวก เช่นนั้น…ก็ช่างมันเถิด”
หมิงซูลอบถอนหายใจโล่งอก รอยยิ้มกว้างระบายบนใบหน้ายามรับแขก
“ขอบคุณแม่นางมู่ที่เข้าใจหนา เช่นนั้นโปรดชมสินค้ารอบร้านเราตามอัธยาศัย หากประสงค์ต้องสิ่งใด ก็ให้บอกข้าผู้นี้”
หมิงซูตอบหลับ
“สิ่งนี้หรือ? ยังอยู่สิ”
‘ภาพทมิฬสิ้นอัคคี’ ถูกแบ่งออกเป็นสองม้วน ภายในประกอบด้วยค่ายกลระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ไว้มากมาย และบ่งบอกรายละเอียดวิธีการใช้ไว้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งถือเป็นประโยชน์แก่ผู้ฝึกตนด้านปรมาจารย์อย่างยิ่ง
เมื่อเทียบกันแล้ว ม้วนแรกจะง่ายกว่า และม้วนสองจะค่อนข้างยากกว่า
ทำให้ราคาของม้วนสองสูงกว่าม้วนแรกมาก
ต่อให้เป็นคนจากตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์เอง ก็ยังถือว่าเป็นราคาที่สูงลิ่วแทบแตะต้องมิได้
ก่อนหน้านี้มู่หยาเฟิงมาซื้อม้วนแรกไปแล้ว และนางก็ใช้มัน ถึงได้ย่นเวลาฝ่าฟันค่ายกลบนเส้นทางแห่งดวงดาวได้เร็วกว่าที่คิด
ทว่าไม่กี่วันก่อน นางก็พบเจอเข้ากับปัญหาจนต้องยอมแพ้ แล้วถอนตัวออกมาจากเส้นทางแห่งดวงดาวอีกครา
นางพยายามศึกษามันอยู่คนเดียวนานหลายวัน แต่ผ่านมาร่วมสามวันก็ยังคิดไม่ออก
ยามนี้นางถึงคิดได้ว่า สิ่งที่เสินสื่อลำดับเจ็ดกล่าวมานั้นไม่เกินจริงเลยสักนิด
ถ้าในนางทำเองคนเดียวล่ะก็ คงไม่สำเร็จในสองสามปีนี้แน่นอน
และนางไม่อยากรอนานเพียงนั้น พลันนึกถึง ‘ภาพทมิฬสิ้นอัคคี’ ม้วนสองขึ้นมาได้
แม้ว่าเจ้าสิ่งนี้จะแพงยิ่งยวด ซื้อทีแทบหมดตัว หรืออาจจะติดหนี้หัวโต
แต่นางตัดสินใจแล้ว
วันนี้นางมาเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ
เมื่อได้ยินว่ามันยังอยู่ ใบหน้างามก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ถ้ามันยังอยู่ ข้าก็อยากขึ้นไปชั้นสองแล้วซื้อมันกลับเรือน”
นางกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะยกเท้าขึ้น เตรียมเดินขึ้นชั้นสอง
แต่หมิงซูกลับยื่นมือออกมา หยุดนางไว้เสียก่อน
“แม่นางมู่ ช้าก่อนเถอะ ท่านขึ้นไปชั้นสอง คงไม่ดีกระมัง”
แต่มันไม่น่ารวมนางหนิ
เมื่อก่อนนางแวะเวียนมาร้านเจินเป่าเก๋อหลายครา ล้วนขึ้นไปชั้นสองได้อย่างอิสระ
ไยครานี้ถึงขึ้นไม่ได้กัน?
“ใต้เท้าหมิงกลัวว่าข้าจะไม่มีเบี้ยซื้อ ‘ภาพทมิฬสิ้นอัคคี’ ม้วนสองหรือ?”
“มิใช่เลย”
หมิงซูยืนลูบมือตัวเองไปมา ราวนึกคิดหาคำแก้ตัว
“เพียงแต่ว่า…ภาพม้วนนี้ คงขายให้ท่านไม่ได้แล้ว”
มู่หยาเฟิงตกตะลึง
หมิงซูเองก็ชะงักไปนิด แล้วรีบอธิบาย
“ผู้ดูแลรองสั่งไว้ว่า…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทางร้านจะเปิดเพียงชั้นหนึ่ง ส่วนชั้นสองและชั้นสาม จะทำการปิดขายสิ้นค้าชั่วคราว สิ้นค้าภายในเองก็ถูกระงับการซื้อขาย รวมทั้ง ‘ภาพทมิฬสิ้นอัคคี’ ที่อยู่ในชั้นสองเองก็ด้วย ฉะนั้นท่านคงต้องกลับไปมือเปล่าเสียแล้ว”
แต่ไหนแต่ไหน มู่หยาเฟิงไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เลยสักครั้ง
นอกจากไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปชั้นสองแล้ว ยังไม่คิดจะขายสิ้นค้าบนนั้นอีก?
สีหน้าของนางอึมครึมลงทันตา
“ใต้เท้าหมิง ในเมื่อร้านเจินเป่าเก๋อเปิดทำการแล้ว แต่กลับปฏิบัติกับลูกค้าเช่นนี้ ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง?”
แม้คนรอบข้างจะไม่ได้เอ่ยปาก แต่สีหน้าของพวกเขาก็บ่งบอกได้ว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่มู่หยาเฟิงพูดทุกประการ
ถึงชั้นหนึ่งจะมีสิ้นค้ามากมาย แต่ทุกคนรู้ว่าชั้นสองและชั้นสาม ย่อมมีของที่ดีกว่า
แต่วันนี้กลับไม่ยอมให้พวกเขาขึ้นไป แม้แต่ของก็ไม่ขาย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
มุมปากของหมิงซูกระตุกยิกๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพทว่ามิยอมให้โต้เถียง
“แม่นางมู่ ร้านเจินเป่าเก๋อของข้าจะเปิดทำการเช่นไร ดูเหมือนจะไม่ใช่ธุระกงการอันใดของเจ้า”
“แต่พี่สาวหยาเฟิงก็ไม่ได้พูดผิดหนิ? มีที่ไหนเปิดร้านแล้วไม่ขายของ? คิดว่าพวกข้าไม่มีปัญญาซื้อหรือไร!”
เด็กสาวที่อยู่ข้างกายมู่หยาเฟิงตวาดลั่นด้วยความหงุดหงิด
หมิงซูหน้าบึ้งตึงทันพลัน มือข้างหนึ่งไพล่หลัง แล้วกล่าวเสียงเข้ม
“นี่คือประกาศของเถ้าแก่ใหญ่”
มู่หยาเฟิงชะงักข้าง อายเย็นแพร่กระจายจากสองเท้าขึ้นจรดศีรษะราววิญญาณหลุดออกจากร่างก็มิปาน
………………..