ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2212 ภาพทมิฬสิ้นอัคคี
ตอนที่ 2212 ภาพทมิฬสิ้นอัคคี
………………..
“เถ้าแก่ใหญ่เป็นผู้ก่อตั้งร้านเจินเป่าเก๋อแห่งนี้ อย่าว่าแต่ปิดร้านเลย ต่อให้สินค้าที่นี่จะถูกเผาไหม้สิ้น แต่สำหรับเถ้าแก่ใหญ่แล้ว ก็เป็นเพียงความครึกครื้นใจเท่านั้น แม่นางมู่ ข้าทราบว่าเสินสื่อลำดับเจ็ดนั้นชื่นชมในตัวท่านมาก แต่ต่อให้วันนี้เขามาเอง ก็ไม่อาจขึ้นชั้นสองได้เหมือนกัน ท่านจงพิจารณาเองเถิด”
เดิมทีหมิงซูอยากใช้น้ำเสียงอ่อนโยนโน้มน้าวพวกเขา แต่ทัศนคติของมู่หยาเฟิงและคนอื่นๆ ทำให้เขาไม่สบอารณ์เลยจริงๆ
ที่เขายังสุภาพด้วยขนาดนี้ ก็เพราะไว้หน้าจิ้นอวิ๋นไหล่เท่านั้น
น่าเสียดายที่มู่หยาเฟิงไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้
ยังไม่ทันได้จบภารกิจเส้นทางดวงดาว ก็คิดจะจบเส้นทางตัวเองแล้ว ช่างน่าขำยิ่งนัก
ถึงหมิงซูจะไม่ได้พูดออกไปตรงๆ แต่สีหน้ากลับฉายออกไปชัดเจน
มู่หยาเฟิงหน้าร้อนผ่าว ราวถูกตบหน้าฉาดใหญ่
นางอยู่ที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์มานานหลายปีแล้ว แต่เพราะมีเสินสื่อลำดับเจ็ดคอยให้ท้าย หลายคนจึงค่อนข้างเกรงอกเกรงใจนาง
โดนคนอื่นตอกหน้าเช่นนี้ ถือเป็นครั้งแรกเลย
แต่เสียดายที่นางมิอาจทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองได้
“ถ้าอย่างนั้น…ไว้ค่อยกลับมาใหม่วันหลัง”
“แม่นางมู่เดินทางปลอดภัย ข้ามิขอส่ง”
เพียงคำกล่าวสั้นๆ ของหมิงซู ทำเอามู่หยาเฟิงหายใจติดขัดจนแทบสิ้นใจเสียตรงนั้น
นางรีบบอกลาแล้วหันหลังจากไปทันที
บรรยากาศในชั้นหนึ่งพลันกระอักกระอ่วนขึ้นมา
ไม่นานทุกคนก็ค่อยๆ ปลีกตัวออกไป
หลังจากนั้นทั่งทั้งชั้นหนึ่งก็เหลือเพียงพวกของฉู่หลิวเยว่สามคน
ไม่ใช่ว่าพวกเขามีความคิดอื่น แต่แค่ไม่ต้องการกลับไปมือเปล่าเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นนิดๆ
“เจ้านี่ช่างเลือกจริงๆ”
ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นของดีมีมูลค่า
น้องแปดกะพริบตาปริบๆ
“แล้วนายท่านจะซื้อให้ข้าใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่เคาะหน้าผากนางเบาๆ
“ซื้อสิ”
ครั้นสิ้นเสียง ก็พลันมีสุ่มเสียงชื่นชมของหมิงซูดังมาจากด้านข้าง
“สาวน้อยผู้นี้ตาดีนัก!”
ฉู่หลิวเยว่หันหน้าไปมอง ก่อนจะพบหมิงซูที่เดินเข้ามายืนข้างกายพวกเขา ตั้งแต่ยามใดก็มิทราบได้
ตอนนี้สีหน้าถมึงทึงของอีกฝ่ายหายไป และถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสมุนไพรชั้นยอด!”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ใต้เท้าหมิงผู้นี้ เมื่อครู่ยังทำหน้าไม่พอใจอยู่เลย?
เพียงพริบตา เหตุใดกลับมาเริงร่าแล้ว?
ร้านระดับเจินเป่าเก๋อ ดูๆ แล้วไม่น่าจะต้องอวยคุณภาพของสิ้นค้าปานนั้น?
แต่มันก็แค่ความคิดชั่ววูบที่แวบเข้ามาในหัว
ในเมื่ออีกฝ่ายหยิบยื่นมิตรให้ นางย่อมยินดีสนทนาด้วยเป็นธรรมดา
ริมฝีปากสีแดงสดของฉู่หลิวเยว่ยกโค้งเล็กน้อย
“สิ้นค้าทุกอย่างในเจินเป่าเก๋อ ย่อมล้ำค่าและยอดเยี่ยมอยู่แล้ว”
“ข้าน้อยหมิงซู ชื่นชมในตัวแม่นางซั่งกวนมานานแล้ว วันนี้ได้พบท่านตัวเป็นๆ ข้าดีใจยิ่งนัก แม่นางซั่งกวนเชิญชมเถิด หากต้องการสิ่งใด โปรดเอ่ยบอกข้าได้ตามต้องการ ถ้าที่นี่ไม่มีทางโถงฝังนั้นก็ยังมีให้เลือกสรรอีกมาก”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ใต้เท้าหมิงผู้นี้ ดูจะ…กระตือรือร้นเกินไปหน่อยกระมัง?
ท่าทีเช่นนี้ต่างจากตอนนี้เขาทำกับมู่หยาเฟิงและคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง
ฉู่หลิวเยว่ “…”
“…ขอบคุณใต้เท้าหมิงมาก วันนี้พวกข้ามานี่เพราะชื่อเสียงอันลือเลื่องของร้านท่าน ครั้นต้องการสิ่งใดนั้น คงต้องขอดูอีกสักครู่ ท่าน…ไม่ไปจัดการกิจของท่านก่อนหรือ?”
หมิงซูหัวเราะแหะๆ
“ยังไม่ยุ่งเท่าใดหนา ตอนนี้เหลือเพียงพวกท่านสามคนเองมิใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเล็กน้อย
“…เช่นนั้น…ข้าขอขอบคุณใต้เท้าหมิงล่วงหน้า”
“ขอบคุณอันใดกัน!”
หมิงซูโบกมือพัลวัน ก่อนจะเดินไปยังตู้ยาวที่เต็มไปด้วยสมุนไพรล้ำค่า
“ท่านดูสิ กล้วยไม้คิมหันต์อายุหลายพันปีเหล่านี้สิ เพิ่งเก็บมาสดๆ ร้อนๆ เลยนา ไหนจะไผ่วิญญาณนี้ ที่เติบโตขึ้นในตาน้ำแช่แข็ง ล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรที่พิเศษมากล้นอิทธิ์ฤทธิ์”
ดวงตากลมงามของน้องแปดเป็นประกายระยิบทันควัน
“นายท่าน นี่มันของดีทั้งนั้น!”
ว่าก็ว่าเถอะ สิ่งเหล่านี้มีมูลค่ามากกว่าผลวิญญาณสวรรค์เสียอีก!
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอหนึ่งที
แน่นอน นางรู้ว่าสมุนไพรเหล่านี้เล่อค่านัก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคา…
“ขออนุญาตถามใต้เท้าหมิง หากข้าต้องการซื้อของพวกนี้ จักต้องแลกด้วยกระไรหรือ?”
ก่อนจะมาที่นี่ เซียวหหรานเคยบอกไว้ว่าร้านเจินเป่าเก๋อไม่รับจ่ายเบี้ย แต่รับเฉพาะของกำนัลเป็นการแลกเปลี่ยน
“ถ้าแม่นางซั่งกวนต้องการพวกมัน มิจำเป็นต้องหาสิ่งใดมาแลกเปลี่ยน แค่ช่วยข้าสักเรื่องก็พอ”
“เรื่องอันใดหรือ?”
“ได้ยินว่าแม่นางซั่งกวนมีพรสวรรค์ดั่งปรมาจารย์ระดับสูง ดังนั้นข้าจึงอยากให้ท่านช่วยคัดลอกม้วนนั้นเสียหน่อย”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปนิด ก่อนจะเข้าในพลัน
“ม้วนภาพค่ายกลหรือ?”
“ถูกต้อง”
หมิงซูตอบเสียงเรียบ
ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อันใด
ในโลกนี้มีค่ายกลอยู่มากมายนับไม่ถ้วน แต่ถ้าอยากบันทึกลักษณะของมันไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา คนธรรมดาย่อมมิอาจทำได้ ต้องเป็นปรมาจารย์ขึ้นสูงที่มีพลังแกร่งกล้าเท่านั้น
แต่ทว่า…
“ในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์มีปรมาจารย์ขึ้นสูงเยอะแยะ ทั้งระดับสูงกว่าขึ้น มวลพลังแกร่งกล้ากว่าไม่รู้เท่าใด แต่เหตุใดใต้เท้าหมิงถึงเลือกข้า?”
หมิงซูยิ้มแล้วพูดว่า
“แน่นอนว่าเป็นเพราะ…ตอนนี้ผู้ที่มีความสามารถด้านนี้มากที่สุดในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์คือท่าน”
แต่ดูเหมือนนางจะยังฉงนใจ เขาจึงอธิบายต่อ
“ก่อนจะเป็นท่าน ผู้ที่ดูโดดเด่นที่สุดคือมู่หยาเฟิง แต่หลังจากรู้เรื่องฝีมือของท่านบนเส้นทางดวงดาวแล้ว ข้อกังขาทุกอย่างล้วนพังทลายสิ้น ดังนั้นหากเป็นท่านที่ช่วยทำเรื่องนี้ ข้าคงจะสบายใจขึ้นเป็นกอง”
พูดตามตรงก็คือ มู่หยาเฟิงไม่มีคุณสมบตินั้น
ฉู่หลิวเยว่คิดตาม และสัมผัสได้ว่าการที่เขากล่าวเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล
“เช่นนั้น…ท่านต้องการให้ข้าช่วยคัดลอกม้วนภาพค่ายกลระดับยอดราชันปรมาจารย์หรือ?”
“ไม่ใช่”
หมิงซูส่ายศีรษะ ก่อนจะเอ่ยเน้นทีละคำ
“เป็นภาพทมิฬสิ้นอัคคีต่างหาก”