ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2218 หาคน
ตอนที่ 2218 หาคน
………………..
เส้นสายสีเงินเกี่ยวพันกัน ราวกับมีแสงสีทองปรากฏขึ้นภายในส่วนลึกของความมืดมิด สว่างพร่างพราวราวจรัส!
นี่มันสระอัสนีบาตของจริง!
ทัณฑสวรรค์ที่ถังเค่อสั่งสมมาในตอนนั้น แทบเทียบกับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย หรืออาจจะเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำ
เหนือสระอัสนีบาต กลุ่มเมฆดำรวมตัวกัน บดบังแสงสว่างราวคืนเดือนดับ
โลกาอันกว้างใหญ่สว่างครึ่งมืดครึ่งราวแบ่งเป็นสองส่วน ก่อเกิดความแตกต่างที่ชัดเจนสู่สายตา
แม้ว่ายามนี้นางจะอยู่ห่างจากสระสายอัสนีบาต แต่กลับรู้สึกได้ถึงความกดดันอันทรงพลัง ที่พลุ่งพล่านอยู่ข้างใน!
ทันใดนั้นดวงตาของนางก็หันจับจ้องมองบางอย่าง ชายคนหนึ่งพยายามเดินเข้าไปในสระอัสนีบาตทีละก้าว ร่างกายของเขาอาบด้วยแสงของทัณฑ์สวรรค์
รอบๆ ตัวเขาเต็มไปด้วยสายอัสนีบาตพันเกี่ยวราวกับงูสีเงิน
ไม่ต้องเสียเวลาคิดก็รู้ว่ากระบวนการนี้สร้างเจ็บปวดเพียงใด
แต่เขายังคงเดินเข้าไปด้านในอย่างต่อเนื่อง ยิ่งกอบโกยทัณฑ์สวรรค์ได้มากเท่าไร ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ฉู่หลิวเยว่ก็สังเกตเห็นว่าลมปราณบนกายเขา ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“นี่คือ… การหลอมพลังปราณภายในหรือ?”
นางพึมพำเบาๆ ราวไม่แน่ใจ
“นายท่านเยว่ ไยเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
ทันใดนั้นก็มีสุ้มเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่หันศีรษะไปมองทันที “ผู้อาวุโสซ่งชิง?”
แม้นางจะไม่ค่อยสนิทกับซ่งชิง แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องขัดแย้งกันอย่างใด ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงค่อนข้างสุภาพอ่อนน้อมกับเขา
ซ่งชิงยกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่สระอัสนีบาตเบื้องหน้า
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึง
“ขัดเกลาร่างศักดิ์สิทธิ์หรือ?”
“ครั้นอยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ อาจทำไม่ได้ แต่เมื่ออยู่ที่นี่ ย่อมมิใช่ปัญหา”
ซ่งชิงลูบเคราของตนไปมา
“ในสระอัสนีบาตนั้นเต็มไปด้วยพลังของทัณฑ์สวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วน ไม่เพียงแต่ช่วยหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ แต่ยังช่วยขัดเกลาร่างศักดิ์สิทธิ์ และเพิ่มความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนด้วย! หลังจากมาที่นี่ได้ไม่นาน ข้าก็ได้ยินคำร่ำลือของมันนักต่อนัก และได้ลองกับตัวแล้วหลายครา มันได้ผลจริงๆ ข้าเดาว่าเพราะก่อนหน้านี้นายท่านเยว่ยุ่งอยู่กับเส้นทางดวงดาว จึงรู้เรื่องนี้ช้าไป?”
ขณะพูด จู่ๆ เขาก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมา และปรายตาไปมองฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง
“จริงสิ ข้าได้ยินว่าร่างศักดิ์สิทธิ์ของนายท่านเยว่ สร้างขึ้นจากทัณฑ์ทลายเทพ เดิมทีก็มีพลังแกร่งกล้าอยู่แล้ว ไม่ต้องเข้าไปในสระอัสนีบาตก็ได้ จะได้ไม่ต้องทนแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นด้วย”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่วูบไหวเล็กน้อย
“แล้วผู้อาวุโสเฉิงเพ่ยเคยเข้าไปในสระหรือไม่เจ้าคะ?”
ซ่งชิงพยักหน้า
“แม้ว่าเขาจะอยู่เกือบติดขอบสระเพียงชั่วโมงเดียว แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับโดดเด่นมาก”
มุมปากของเขาหยักยกขึ้นเล็กน้อย “ไม่น่าเล่า ตอนที่ข้าเจอผู้อาวุโสเฉิงเพ่ยเมื่อครู่ก่อน ถึงรู้สึกว่าแข็งแกร่งขึ้นมาก ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
เฉิงเพ่ยที่เพิ่งมาถึง เห็นสองคนสนทนากันจึงส่งเสียงหัวเราะเบาๆ
“อันใดกัน? นายท่านเยว่เองก็อยากเข้าไปดูหรือ? ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่าให้เลิกล้มความคิดนั่นเสีย! เสินสื่อลำดับสี่ได้กล่าวไว้แล้วว่า พลังของทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่ในสระอัสนีบาตแห่งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดมิใช่การหลอมพลังศักดิ์สิทธิ์และขัดเกลาร่างศักดิ์สิทธิ์ แต่เพื่อกระตุ้นพลังแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ในกายของผู้ฝึกตน ช่วยให้ผู้ฝึกตนทะลวงผ่านขอบเขตสวรรค์ขึ้นไปเป็นเทพ! แต่ข้าดูแล้วว่า นายท่านเยว่มิได้มีจุดประสงค์เช่นนั้นมิใช่หรือ?”
พลังแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์
ฟังดูแล้วเหมือนกับวิธีที่ถวนจื่อใช้พลังแห่งทัณฑ์สวรรค์ ของตาน้ำบนเขาหมื่นเมรัย เพื่อทะลวงเป็นหงส์ทองคำเลย
นางหลุบตาลงเล็กน้อย มิได้โกรธเคืองต่อคำพูดของเฉิงเพ่ยแต่อย่างใด พลันหันไปสนใจอย่างอื่นแทน
“เสินสื่อลำดับสี่? พวกท่านได้พบเห็นกับตาแล้วหรือ?”
ซ่งชิงพยักหน้าและอธิบายว่า “เขามาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อน แต่เพียงเห็นแค่ด้านเดียว ก่อนจะหายวับไป”
ย่อมเป็นเสินสื่อองค์หนึ่ง
ดูเหมือนว่าทุกสิ่งในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์จะถูกควบคุมโดยเสินสื่อ
ไม่รู้ว่ามีเสินสื่ออยู่กี่องค์ แต่ละองค์มีพลังและอิทธิ์ฤทธิ์เช่นใด
จนถึงตอนนี้ ยกเว้นเสินสื่อลำดับเจ็ดอย่างจิ้นอวิ๋นไหล่แล้ว นางก็ยังไม่เคยเห็นเสินสื่อองค์อื่นๆ เลย
แม้แต่จิ้นอวิ๋นไหล่ นางก็ได้เจอเพียงในคราแรกที่พบกันเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยขอบคุณเขา ก่อนจะขยับตัวแล้วเดินไปที่ขอบสระอัสนีบาต
เฉิงเพ่ยขมวดคิ้วฉับ พลันแค่นหัวเราะอย่างประชดประชัน
“ไม่คิดจะยอมแพ้จริงหรือ!”
ซ่งชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เฉิงเพ่ย ทุกคนที่มาที่นี่ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน เจ้าไม่ต้องหาเรื่องนายท่านเยว่เสียทุกที่ก็ได้?”
“ข้าน่ะหรือหาเรื่องนาง?” เฉิงเพ่ยเบ้หน้าราวได้ยินเรื่องตลก “ซ่งเหล่า วันนั้นเกิดอันใดขึ้น เจ้าเองก็เห็นมิใช่หรือ?”
“แต่การที่นางทำเช่นนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอันใด การข้ามทะเลข้ามสะพาน ทุกคนจำต้องพึ่งพาทักษะวิทยายุทธของตัวเอง ไม่ใช่มีเพียงเหล่าลูกน้องของเจ้า แต่ยังมีพวกตระกูลขุนนางและอีกหลายคน ที่ถูกบังคับให้ยอมแพ้มิใช่รือ? และตามหลักแล้ว ข้ากับนางก็ไม่ใช่คนคุ้นเคยอันใด การที่นางไม่ช่วย เดิมทีก็…”
คำพูดของซ่งชิงทำให้สีหน้าของเฉิงเพ่ยมืดมนอย่างรวดเร็ว
“ซ่งเหล่า ข้าเตือนท่านเพราะเห็นแก่มิตรภาพในอดีตของเรา แต่เรื่องของนางกับข้า ท่านอยู่ห่างๆ ไว้จะดีกว่า”
อันที่จริง เหตุใดเขาจะไม่เข้าใจที่ซ่งชิงพูด?
สาเหตุหลักที่เขาไม่อยากญาติดีกับฉู่หลิวเยว่ ก็เพราะตอนที่เขาเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากนาง กลับถูกนางปฏิเสธต่อหน้าสาธารณชน โดยไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด
เฉิงเพ่ยเป็นพวกห่วงภาพลักษณ์ขึ้นสมอง เขาคงไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่
“อีกอย่าง จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่ได้ทำอันใดเลยมิใช่รือ? สระอัสนีบาตรแห่งนี้ นางตัดสินใจมาเองด้วยซ้ำ”
อย่างใดเสีย ให้นางลองเองน่าจะดีกว่า
รอให้นางได้รับความเจ็บปวดจากทัณฑ์สวรรค์นับร้อยพัน แล้วพบว่าตัวเองไม่สามารถทะลวงขั้นพลังปราณได้ก่อนเถอะ นางจักเจ็บปวดถึงที่สุด!
เมื่อคิดเช่นนี้ เฉิงเพ่ยก็อารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง และรีบตามไปเกาะติดสถานการณ์ เพื่อรอชมการแสดงดีๆ
ซ่งชิงมองดูคนสองคนที่จากไปและส่ายหัวพัลวัน
…
ไม่นานฉู่หลิวเยว่ก็มาถึงขอบสระอัสนีบาต
ณ ที่ตรงนี้มีคนยืนอออยู่แล้วสิบกว่าคนได้
ครั้นได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว คนเหล่านั้นก็หันมามองด้วยความสงสัย
ท่ามกลางคนพวกนั้น มีทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จักนาง
ทว่าเมื่อเห็นถวนซิ่นจื่อที่พันอยู่รอบเอวนาง พวกเขาก็รู้ถึงตัวตนของนางในทันที
ฉู่หลิวเยว่เมินเฉยต่อสายตาเหล่านั้น และเดินไปยังก้อนหินก้อนหนึ่ง พลางจ้องมองไปยังสระอัสนีบาตที่พลุ่งพล่านอยู่ข้างหน้า
“ถวนจื่อ เจ้ารู้สึกอย่างใด?”
“ใช่แล้ว! นี่คือลมปราณของท่านปู่เจ้าสำนัก! มันอยู่ในสระอัสนีบาต!”
เสียงของถวนจื่อเต็มไปด้วยความตื่นเต้นระคนกังวล
“แต่… ลมปราณนี้กระจัดกระจายเกินไป ข้าไม่แน่ใจเลยว่าตอนนี้ท่านปู่เจ้าสำนักอยู่ตรงไหน”
ฉู่หลิวเยว่ย่นคิ้วเข้าหากัน
ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เกรงว่าจะวุ่นวายกันยกใหญ่เสียแล้ว
สระอัสนีบาตนั้นไร้ขอบเขต ถ้าต้องการหาคนที่นี่ คงยากมากแน่ๆ แค่คิดก็เห็นภาพแล้ว
“ถ้าเดินเข้าไป เจ้าจะหาเจอหรือไม่?”
“ข้า… ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน…” ถวนจื่อตอบเสียงเบาลงเรื่อยๆ “อาเยว่ ข้าขอลองเข้าไปหาดูได้หรือไม่?”
มันเป็นหงส์ทองคำ แน่นอนว่าย่อมไม่เกรงกลัวต่อทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้
ฉู่หลิวเยว่คิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ข้าจะพาเจ้าไปเอง”
………………..