ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2222 อาณาเขตของใคร
ตอนที่ 2222 อาณาเขตของใคร
………………..
ฉู่หลิวเยว่หยุดลง จ้องมองไปที่ด้านหน้าเขม็ง
ในตอนที่มองเห็นภาพฉากตรงหน้าอย่างชัดเจน นางถึงกับหยุดหายใจไปโดยพลัน
เห็นเพียงว่าที่ด้านหลังของทัณฑ์สวรรค์สีเงินนับไม่ถ้วนนั้นวาบปรากฏแสงเรืองสีทอง เป็นประกายระยิบระยับ
ทัณฑ์สวรรค์สีทองสุดคณานับ เกี่ยวกระหวัดพัวพันซ้อนทับกันเป็นชั้น รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน
กลุ่มก้อนแสงสีทองขนาดใหญ่นั้นอยู่ที่ส่วนลึกของสระอัสนีแห่งนี้ ดำรงอยู่อย่างสงบนิ่งไร้สุรเสียง
หนาแน่น! แกร่งกล้า! ลี้ลับ!
“นี่คือ…”
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย แทบจะคิดว่าตนเองนั้นมองเห็นภาพมายา
ไม่ใช่ว่านางจะไม่เคยเห็นทัณฑ์สวรรค์สีทองมาก่อน
ในตอนที่ช่วยหลานเซียวฟื้นคืนร่างศักดิ์สิทธิ์เมื่อคราแรก นางก็ยังช่วยเหนี่ยวนำไปหลายสาย
แต่ว่า ที่ตรงหน้าเหล่านี้…กลับยากจะกะประมาณ!
นางยืนอยู่ที่ตรงนี้ ก็ชัดแจ้งว่าช่างกระจิริดนัก
“อาเยว่! เหมือนว่าท่านปู่เจ้าสำนักจะอยู่ที่นี่!”
เสียงของถวนจื่อเรียกสติของนางกลับมา
คิ้วของนางพลันเลิกขึ้น ใจกระตุกวาบคราหนึ่ง
“เจ้าบอกว่าอยู่ในทัณฑ์สวรรค์สีทองนั่นหรือ”
“อือๆ!”
มาถึงจุดนี้แล้ว สัมผัสของถวนจื่อน่าจะไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้นแล้ว
สองไหล่ราวกับว่ากำลังแบกยอดเขาที่หนักอึ้งอยู่ สองขาก็ราวกับว่าหล่อโลหะ
ทัณฑ์สวรรค์สีเงินแล่นปราดอยู่รอบกายนาง ความเจ็บปวดทีละน้อย เริ่มส่งผ่านมาจากทุกส่วนบนร่างกาย
ความคิดของนางพลันแล่นปราด แล้วอัญเชิญร่างศักดิ์สิทธิ์!
เกราะอ่อนอันงดงามเป็นประกายปกคลุมลงบนร่างกายของนาง สุดท้ายก็กีดกันทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นเอาไว้ที่ด้านนอก
แม้ไม่อาจจะกำจัดอานุภาพของทัณฑ์สวรรค์นั่นได้อย่างหมดจด แต่ก็นับว่าสามารถทำให้นายผ่อนคลายลงไปอยู่บ้าง
…
ตามระยะห่างที่ค่อยๆ ลดลงของนางกับทัณฑ์สวรรค์สีทองกลุ่มนั้น นางก็ค่อยๆ สัมผัสได้ถึงลมปราณที่คุ้นเคยอยู่บ้างสายหนึ่ง
ช่างเหมือนกันกับลมปราณของอี้เจาไม่ผิดเพี้ยน!
นางกัดฟัน แล้วเดินไปข้างหน้าต่อ
…
ในเวลาเดียวกัน ที่ประตูสวรรค์ บุรุษผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งในที่สุดก็เดินมาจากสะพาน
ผิวของเขาดำเข้ม มีความน่าเกรงขามทรงพลัง กล้ามเนื้อของสองแขนเป็นมัด ระหว่างเอวนั้นห้อยค้อนเหล็กด้ามหนึ่งเอาไว้
“ฮึ…มาถึงสักที!”
ซื่อจิงเช็ดเหงื่อที่หน้าคราหนึ่ง แล้วผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่ง
ตั้งแต่ได้รับข่าวของพี่ใหญ่ เขาก็เร่งรีบมาโดยแม้แต่ม้าก็ยังไม่ได้หยุดเท้า
เป็นการห้อตะบึงตลอดเส้นทาง
แต่ว่าก็โชคดี เหมือนจะนับไม่ได้ว่ามาช้า
เขาเงยหน้ามองประตูสวรรค์ที่ตรงหน้า แววตาสะท้อนอารมณ์
และก็เป็นในเวลานี้เอง เงาร่างสายหนึ่งพลันค่อยๆ เดินเข้ามาหา
ซื่อจิงเก็บสายตากลับ แล้วหันไปมองคนผู้นั้น
สายตาของทั้งสองสบประสานกันอยู่ครู่หนึ่ง
“ข้าคือเสินสื่อสำดับที่เจ็ดของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ จิ้นอวิ๋นไหล่”
ซื่อจิงตะลึงงันครู่หนึ่ง แล้วจึงประสานมือคารวะ
“ที่แท้ก็เป็นเสินสื่อสำดับที่เจ็ด เสียมารยาทแล้วๆ!”
“เจ้ามาผู้เดียวหรือ”
จิ้นอวิ๋นไหล่มองไปยังด้านหลังเขาเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจอยู่บ้าง
ซื่อจิงพยักหน้า “ใช่แล้ว! มีปัญหาอันใดหรือไม่”
จิ้นอวิ๋นไหล่ส่ายศีรษะเล็กน้อย
“ไม่มีอันใด เพียงแต่ในตอนที่เปิดประตูสวรรค์ โดยปกติแล้วผู้คนมักเดินทางไปด้วยกัน มีผู้ที่ไปเพียงลำพังน้อยอย่างยิ่ง”
ซื่อจิงหัวร่อแหะๆ แล้วเกาศีรษะเล็กน้อย
“อ้อ เรื่องนี้น่ะหรือ อันที่จริงก่อนหน้านี้นายท่านบ้านข้าพวกเขามาถึงก่อนแล้ว ข้าล่าช้าไปเพราะเรื่องราวจำนวนหนึ่ง ถึงได้เพิ่งมาช้าไปสักหน่อย”
จิ้นอวิ๋นไหล่พยักหน้าเล็กน้อย
สามารถมาถึงได้เพียงลำพังก็นับว่ามีความสามารถหลายส่วน
เขาหยิบสมุดออกมา
“นาม”
“ซื่อจิง”
จากนั้น ในมือของจิ้นอวิ๋นไหล่ก็ปรากฏขนนกสีทองชาดเส้นหนึ่งขึ้น
เขาโบกมือคราหนึ่ง ขนนกเส้นนั้นก็ปัดผ่านตรงหว่างคิ้วของซื่อจิง
ความว่างเปล่าผืนหนึ่ง
สีหน้าของจิ้นอวิ๋นไหล่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ต่อมา จู่ๆ ก็ราวกับว่าเขานึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้
“การตรวจสอบประตูสวรรค์ในครั้งนี้ ข้าเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด”
ซื่อจิงสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของเขาคล้ายว่าจะเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาขึ้นมากในชั่วพริบตา ในใจพลันเกิดความประหลาดอยู่บ้าง
จิ้นอวิ๋นไหล่มองพินิจเขาอีกปราดหนึ่ง
“เจ้าแข็งแกร่งกว่าสองคนก่อนหน้านั้นเล็กน้อย”
ซื่อจิงผู้นี้บรรลุระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว
แม้จะไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าเทียบกับหัวซวงซวงและน้องแปดก่อนหน้านี้แล้ว ก็จะชัดแจ้งในพริบตาว่าไม่ได้ทำให้คนยากจะยอมรับถึงเพียงนั้นแล้ว
จากนั้น เขาก็ถวนซิ่นจื่อไป
“เข้าไปเถิด”
เขาได้มาอธิบายอันใดแก่ซื่อจิงมากมายถึงเพียงนั้น
เมื่อเห็นว่าท่าทีของจิ้นอวิ๋นไหล่แปลกพิกลอยู่บ้าง ซื่อจิงเดิมทียังคิดอยากจะถามอันใดสักหน่อย แต่ดูฝ่ายตรงข้ามคล้ายว่าไม่คิดจะเปิดปากแล้ว เขาจึงไม่ได้ถามอันใดต่อ
หลังจากรับถวนซิ่นจื่อนั้นไป เขาก็เอ่ยขอบคุณจิ้นอวิ๋นไหล่ แล้วจึงยกเท้าก้าวเข้าประตูสวรรค์!
…
ฉู่หลิวเยว่หยุดลง
เวลานี้ นางมาถึงตรงหน้ากลุ่มแสงที่เกิดจากการรวมตัวกันของทัณฑ์สวรรค์สีทองอันไพศาลนี่แล้ว
ทัณฑ์สวรรค์สีเงินเหล่านั้นถูกอำนาจกดดันบีบบังคับ ไม่อาจเข้าใกล้ที่แห่งนี้ได้
พื้นที่โดยรอบปรากฏอาณาเขตที่ราวกับเป็นห้วงสุญญากาศขึ้น
เวลานี้ นางก็ยืนอยู่ตรงที่แห่งนี้!
อำนาจดุดันอันแข็งแกร่งแทบจะกดทับลงมาเสียจนนางหายใจไม่ออก โลหิตภายในร่างก็คล้ายว่าจะหยุดไหลเวียนเช่นกัน
พลังปราณศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่อยู่รอบกายนางล้วนได้รับแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนอยู่ในที่แห่งนี้
แสงเรืองรองที่รวมตัวกันคล้ายว่าจะเจิดจ้าต่อนัยน์ตา ทำให้คนอยากจะมองตรงไป
ฉู่หลิวเยว่อดทนต่อความเจ็บปวดของดวงตา แล้วยื่นมือออกไปยังด้านหน้า…
หวีด…
เสียงกรีดร้องแหลมสูงสายหนึ่งพลันส่งมา!
ทัณฑ์สวรรค์สีทองหลายสายจู่ๆ ก็โคจรเปลี่ยนทิศ ราวกับเป็นมีดเล่มที่คมถึงที่สุด มุ่งตรงเข้ามาหา!
เพียงชั่วพริบตาก็ห่อหุ้มฉู่หลิวเยว่เอาไว้!
เจตจำนงเยือกเย็นระลอกหนึ่งพลันทะยานขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ!
ฉู่หลิวเยว่ชัดแจ้งว่า แม้ตนจะสามารถเหนี่ยวนำทัณฑ์สวรรค์สีทองได้ แต่การที่ทัณฑ์สวรรค์สีทองเกินกว่าหลายสายล้อมโจมตีในเวลาเดียวกันนั้น นางย่อมไม่อาจต้านทานได้แน่นอน!
นางไม่แม้แต่จะคิด พลันถอยไปด้านหลัง!
ทันใดนั้นห้วงอากาศโดยรอบในเวลานี้ก็ถูกทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้เข้ายึดครองทั้งหมด ไม่อาจหนีพ้นได้เลย!
เปรี้ยง!
ทัณฑ์สวรรค์สีทองสายที่อยู่ด้านหน้าสุดมาถึงยังหว่างคิ้วของนางในฉับพลัน!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่พลันหนักอึ้งขึ้นมา!
จากนั้น ในเวลานี้เอง เสียงหวีดร้องสายหนึ่ง ก็ดังออกมาจากในกายนาง!
เวลาต่อมา ทัณฑ์สวรรค์สีทองสายนั้นก็ค่อยๆ หยุดลง!
ผลที่ตามมาคือเส้นผมหลายเส้นที่บริเวณหน้าผากถูกปลิดออก แล้วร่วงลงอย่างเงียบเชียบ
ตราสัญลักษณ์อันแปลกประหลาดสายหนึ่ง วาบปรากฏขึ้นบนหว่างคิ้วนาง!
อำนาจกดดันอันไร้ลักษณ์แต่ไพศาลแผ่ขยายออกมารอบกายนาง!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่กำลังเต้นระรัว รู้สึกเพียงว่าที่หว่างคิ้วร้อนระอุไปถ้วนทั่ว
นางยกมือขึ้นช้าๆ สัมผัสยังหว่างคิ้วของตนเอง
ทัณฑ์สวรรค์สีทองสายนั้นจู่ๆ ก็ถอยหลังไปหลายส่วน จากนั้นก็แนบชิดเข้ามาอีกคราอย่างกริ่งเกรง ราวกับแฝงไว้ด้วยความคะนึงหาแสนไกลห่างชั่วชีวิต แอบอิงอยู่กับหลังมือของนางอย่างแผ่วเบา