ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2223 เจ้ามองเห็นอันใด
ตอนที่ 2223 เจ้ามองเห็นอันใด
………………..
ฉู่หลิวเยว่พลันตะลึงงัน
ทัณฑ์สวรรค์สีทองแฝงไว้ด้วยอุณหภูมิอันร้อนแรง พาดผ่านบนหลังมือของนางอย่างแผ่วเบา อย่างระมัดระวัง กลับยังแฝงไว้ด้วยความคิดถึงอันยากจะเอื้อนเอ่ยชนิดหนึ่ง
จากนั้น ทัณฑ์สวรรค์สีทองที่อยู่โดยรอบเหล่านั้นก็เกาะกลุ่มเข้าด้วยกันอย่างเริงร่าหลังจากผ่านความหวาดกลัวไปแล้ว ต่างก็สัมผัสอย่างแผ่วเบาลงบนลำแขนและไหล่ของนาง
อำนาจกดดันอันดุร้ายก่อนหน้านี้ ในเวลานี้กลับเลือนหายไปจนสิ้น สิ่งที่เข้ามาแทนที่ กลับเป็นมิตรและไมตรีอันไม่อาจปกปิด
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบ
สถานการณ์นี้…
“อาเยว่! เหมือนว่าพวกมันจะรู้จักเจ้านะ!”
เสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของถวนจื่อลอยมาจากก้นบึ้งหัวใจ
“เมื่อก่อนเจ้าเคยมาที่นี่หรือ!?”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “แน่นอนว่าไม่เคย”
เปรี๊ยะ!
มีอันใดบางอย่างชนเข้ามาที่ช่วงเอวของนางจากทางด้านหลังอย่างไม่เบาไม่หนัก
นางหันศีรษะกลับไปมองปราดหนึ่ง ก็พบว่ามีทัณฑ์สวรรค์สีทองหลายสายแล่นมาถึงที่ด้านหลังของนางไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด
สายหนึ่งในนั้นก็กำลังแล่นปราดไปมา ชัดแจ้งว่าเป็นสายที่ชนนางเมื่อครู่
อันที่จริงเมื่อครู่นี้นั้นไม่เจ็บ แต่ฉู่หลิวเยว่กลับสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจที่ซ่อนอยู่ในนั้น
ไม่พอใจหรือ?
ฉู่หลิวเยว่พลันเลิกคิ้ว
ถวนจื่อพึมพำประโยคหนึ่ง
“อาเยว่ เหมือนว่าเจ้าจะทำให้พวกมันโกรธนะ…”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
นางยกสองมือขึ้นอย่างเงียบเชียบ
“เช่นนั้น…ไม่ว่าจะพูดว่าอย่างใด วันนี้พวกเราก็นับว่าเคยพบกันแล้วใช่หรือไม่? ทุกท่าน รบกวนหลีกทางให้สักหน่อยได้หรือ?”
นางยังคิดอยากจะมาดูสถานการณ์ที่ด้านในนั้นสักหน่อย
พรึ่บ!
วาจาเพิ่งจะจบ ทัณฑ์สวรรค์สีทองหลายสายตรงหน้าพลันทยอยแหวกทางออกเป็นสองฝั่ง เกิดเป็นเส้นทางสายหนึ่งที่ตรงกลาง
ถวนจื่อตะโกนอย่างตื่นตะลึง “เชื่อฟังกันจังเลย! อาเยว่ เจ้าไม่อยากจะเก็บพวกมันมาเป็นน้องชายน้อยสักหน่อยหรือ?”
น่าอิจฉาจัง ฮึฮึฮึ!
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ชัดแจ้งว่าถวนจื่อตนนั้นเป็นเด็กสาวที่ขาวสะอาดน่ารักหมดจด แล้วเหตุใดทั้งวันในสมองนั้นคิดแต่จะรับ
น้องชาย ตั้งเป็นพี่หญิงใหญ่เล่า?
มีอยู่ชั่วพริบตาหนึ่งที่ฉู่หลิวเยว่สงสัยว่าตนเองนั้นสอนเด็กให้เสียคนไปแล้วใช่หรือไม่
แต่รวดเร็วอย่างยิ่ง นางก็กดความคิดเหล่านี้ลงไป แล้วเดินไปด้านหน้า
เมื่อไม่มีการขวางกั้นเป็นชั้นๆ ของทัณฑ์สวรรค์สีทองเหล่านี้ ด้านหน้าจึงเหลือเพียงทัณฑ์สวรรค์สีทองชั้นสุดท้ายที่พาดทับกันจนกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่
นางจ้องนิ่งมองไป สุดท้ายก็มองเห็นทิวทัศน์ตรงหน้าอย่างชัดเจน
ทันใดนั้น นางถึงกับหยุดหายใจไปโดยพลัน
ตรงหน้า ทัณฑ์สวรรค์สีทองหลายสายต่างก็ถักทอกันขึ้นมาเป็นกรงขังทรงกลมขนาดใหญ่กรงหนึ่ง
อีกทั้งที่ตำแหน่งจุดศูนย์กลาง มีเงาร่างหนึ่งกำลังถูกโซ่ตรวนสีดำนับไม่ถ้วนพันธนาการ!
เวลานี้ ทั่วทั้งกายเขาแทบจะถูกตรึงไว้ด้วยโซ่ตรวนทั้งหมดแล้ว บนกาย บนโซ่ตรวน ทุกแห่งล้วนเป็นรอยโลหิตกระซ่านเซ็น
เขากำลังก้มหน้าลงเล็กน้อย ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงเสียจนแผ่สยายลงมาปกปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาเอาไว้
แต่ฉู่หลิวเยว่ยังสามารถมองเห็นใบหน้าที่ซีดขาวไร้ที่เปรียบของเขา รวมถึงรอยเลือดที่มุมปากได้
ม่านตาฉู่หลิวเยว่พลันหดตัว หัวใจราวกับว่าถูกบีบแน่น ลมหายใจทั้งหมดที่กลางอกล้วนถูกปล้นชิง แทบจะหายใจไม่ออก
…นางไม่เคยเห็นอี้เจาอยู่ในสภาพอันน่าเวทนาเช่นนี้มาก่อน!
“ท่านปู่เจ้าสำนัก!”
แสงเรืองสีทองชาดพลันกะพริบวาบ ถวนจื่อทะยานตรงออกมา หมายจะพุ่งไปด้านในโดยไม่แม้แต่จะคิด
เปรี๊ยะ!
พริบตาที่ถวนจื่อปรากฎตัว โซ่ตรวนภายในกรงสีทองคล้ายว่าจู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงอันใดบางอย่าง จึงเคลื่อนขยับโดยพลัน!
“ถวนจื่อ!”
ระฆังเตือนภัยพลันร้องดังลั่นขึ้นท่ามกลางห้วงความคิดของฉู่หลิวเยว่ พลันคว้าถวนจื่อกลับมาอย่างมือไวตาไว แล้วกอดแน่นเอาไว้อยู่ในอก
สัมผัสอันตรายเย็นเยียบอันยากจะบรรยายขุมหนึ่งล้นทะลักมาจากทั่วทุกสารทิศ!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่พลันเต้นผิดจังหวะ!
และก็เป็นในเวลานี้เอง อี้เจาที่ถูกพันธนาการเอาไว้ก็ขยับในที่สุด
เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ภายในนัยน์ตาสองข้างที่ผ่านโลกมาช่างโชกโชนคู่นั้นวาบปรากฏเป็นสีแดงเข้มสายบาง
สายตาอันพร่าเลือนค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น
ใบหน้าอันคุ้นเคยสองดวงสะท้อนเข้าสู่ดวงตา
ทันใดนั้น สีหน้าของอี้เจาก็เปลี่ยนไปโดยพลัน!
พวกนางมาได้อย่างใด?
“หนี…หนีไป!”
พรวด…
โซ่ตรวจสีดำทั่วกายเขาพลันแกว่งไกวเพิ่มพูนความร้ายแรง!
“ท่านปู่เจ้าสำนัก!”
น้ำตาของถวนจื่อพลันไหลรินออกมาในทันที หยดน้ำตาอันอุ่นร้อนเม็ดโตร่วงกระทบลงบนหลังมือของฉู่หลิวเยว่ คล้ายดั่งว่าก็ทิ่มแทงหัวใจของนางจนสั่นไหวตามไปด้วย
และก็เป็นในเวลานี้เอง ลมปราณอันแปลกหน้าตาอหังการสายหนึ่งพลันลอยมาจากที่ห่างไกล!
“ผู้ใดกล้าบังอาจมายังสถานที่ห้วงห้ามของสระอัสนี!”
เสียงอันทุ้มต่ำเย็นชาแต่เปี่ยมไปด้วยอำนาจกดดันส่งมาจากที่ห่างไกล!
ฉู่หลิวเยว่เอะใจว่าไม่ได้การ พลันเรียกถวนจื่อกลับ แล้วหมุนกายหมายจะจากไป!
ทว่าเพิ่งจะวิ่งออกมาได้ไม่ไกล นางก็สัมผัสได้ว่าที่ช่วงเอวเหมือนกับถูกอันใดบางอย่างเหนี่ยวรั้งเอาไว้อย่างรุนแรง
เมื่อนางก้มหน้าลงไปมอง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเคียวสีชาดที่คมถึงที่สุดเล่มหนึ่ง!
หากว่าก่อนหน้านี้นางไม่ได้เรียกร่างศักดิ์สิทธิ์ออกมา เวลานี้เกรงว่าเอวก็คงขาดครึ่งไปแล้ว!
เงาร่างของนางพลันกะพริบวาบ ราวกับมัจฉาที่ยืดหยุ่นตัวหนึ่ง หลีกหนีออกมาได้อย่างรวดเร็ว!
แต่ห้วงอากาศโดยรอบกลับแข็งค้างอย่างรวดเร็ว!
“คิดหนีหรือ? เจ้าจะหนีไปที่ใดได้!?”
ภายในชั่วพริบตา คนผู้นั้นก็ประชิดใกล้มาถึงกายแล้ว!
ความคิดของฉู่หลิวเยว่แล่นปราด
เวลานี้ หลบก็หลบไม่ได้ อย่างนั้นก็มิสู้โจมตีซึ่งหน้าไปเลยเล่า!
นางรีบหันกาย มองไปยังผู้มา
นั่นเป็นบุรุษหนุ่มที่มีรูปร่างสูงกำยำ มือถือเคียว กายสวมเสื้อเกราะสีฟ้าดำ ทัณฑ์สวรรค์สีเงินนับไม่ถ้วนโลดแล่นอยู่รอบกายเขา
เจิดจรัสน่าเกรงขาม!
“มาใหม่หรือ? ผู้ใดมอบความกล้านี้ให้เจ้ากัน ถึงอาจหาญมายังที่แห่งนี้ได้!?”
ฉู่หลิวเยว่คาดเดาฐานะของอีกฝ่ายได้แทบจะในทันที
“ท่านคือ…เสินสื่อสำดับที่สี่หรือ?”
นางเอ่ยถามหยั่งเชิง
มู่ตงโหย่วพลันหรี่ตา
“ไม่ผิด ข้าคือเสินสื่อสำดับที่สี่มู่ตงโหย่ว! แล้วเจ้าเป็นใคร?”
คนของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เขาล้วนเคยเห็น เพียงแต่ใบหน้านี้ เขาไม่คุ้นตาอย่างยิ่ง
เมื่อครุ่นคิดเล็กน้อย ก็รู้ว่าน่าจะเป็นคนใหม่ที่เพิ่งมายังตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยในใจว่าเป็นดั่งคาด แต่อารมณ์บนใบหน้ากลับเป็นความเคารพและเกรงใจเป็นพิเศษ
“ซั่งกวนเยว่คารวะเสินสื่อสำดับที่สี่ วันนี้มาที่นี่ เป็นเพียงแค่ความบังเอิญเท่านั้น ไม่ได้เจตนาจะทำให้ขุ่นเคือง ยังขอให้เสินสื่อสำดับที่สี่โปรดอภัย!”
“เจ้าก็คือซั่งกวนเยว่หรือ?”
เมื่อมู่ตงโหย่วได้ยินวาจานี้ อารมณ์บนใบหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เสินสื่อสำดับที่สี่…รู้จักข้าหรือ?”
มู่ตงโหย่วหัวเราะเสียงหนึ่ง
“บอกไม่ได้ว่ารู้จัก เพียงแต่ช่วงนี้เจ้านั้นมีชื่อเสียงอย่างมากที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์”
น้ำเสียงของเขาฟังอารมณ์ไม่ออก ฉู่หลิวเยว่จึงไม่ค่อยแน่ใจว่าวาจานี้ของเขานั้นเป็นคำสรรเสริญหรือว่าปรามาส
แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดตรงหน้านี้ย่อมเป็นการออกไปจากที่นี่โดยเร็ว
“วันนี้ข้ามาที่นี่ ไม่ได้เจตนาจริงๆ…”
พรึ่บ!
วาจาของนางยังไม่ทันจบ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศสายหนึ่งดังขึ้นมา!
แววเย็นเยียบกะพริบพาดผ่านนัยน์ตาของฉู่หลิวเยว่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขยับ ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ขวับ!
เคียวอันแหลมคมเล่มนั้น พาดอยู่บนลำคอของนาง!
โลหิตทั่วกายของฉู่หลิวเยว่ในเวลานี้ล้วนราวกับว่าจะจับตัวแข็ง
สายตาของมู่ตงโหย่วนิ่งเย็น เอ่ยถามเสียงต่ำ อย่างชัดถ้อยชัดคำ
“เมื่อครู่ เจ้ามองเห็นอันใด?”