ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2225 ไม่คู่ควร ตอนที่ 2226 มาเยือน
ตอนที่ 2225 ไม่คู่ควร ตอนที่ 2226 มาเยือน
………………..
ตอนที่ 2225 ไม่คู่ควร
น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งเป็นอย่างมาก
แต่ก็เพราะเป็นเช่นนี้นี่แล ถึงได้ชัดแจ้งอย่างยิ่งว่าช่างทื่อตรงจนเสียดหูเป็นพิเศษ กระทั่งทำให้คนกระดากอาย
สีหน้าของเหลียงเหอเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาคือเซียนหมอที่อายุน้อยที่สุดของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ อนาคตเหลือประมาณ แม้แต่ซูจิ้งเสินสื่อสำดับที่แปดก็ยังเกรงใจเขาหลายส่วน
แม้จะบอกไม่ได้ว่ามีความสูงศักดิ์มากเพียงใด แต่ก็นับได้ว่าเป็นตัวตนระดับชนชั้นกลางตอนบนแน่นอน
เวลานี้กลับถูกคนบอกว่า ‘ใฝ่สูงจนเกินศักดิ์’ อย่างนั้นหรือ?
นี่ทำให้เขายากจะยอมรับได้ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม
“คุณชายท่านนี้ ยามเอ่ยวาจากรุณาเกรงใจกันสักหน่อย ข้ารักปักใจในแม่นางแปด ทั้งยังเกี้ยวอย่างซื่อสัตย์ แต่ ไม่ว่าอย่างใดก็ไม่ถูกต้อง ระหว่างข้ากับนาง ก็เรียกไม่ได้ว่าข้านั้นใฝ่สูงจนเกินศักดิ์เป็นแน่กระมัง”
สีหน้าของเหลียงเหอมีความเย็นชาอยู่บ้าง
แน่นอนว่าเขารู้ว่านายท่านของเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใคร
ช่วงหลายวันก่อน สมญาของซั่งกวนเยว่นั้นขจรขจาย
แม้นางจะเดินไปบนเส้นทางดวงดาวยังไม่ทันจบ แต่ก็ทำลายสถิติของมู่หย่าเฟิงได้อย่างง่ายดาย
เพียงแค่จุดนี้จุดเดียว ก็เพียงพอให้ผู้คนของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์จดจำนางได้แล้ว
ภายใต้สถานการณ์ปกติ นางมีศักยภาพและพรสวรรค์อันสูงล้ำเช่นนี้ ก็เพียงพอจะให้หลายคนแห่แหนกันเข้ามาผูกมิตรไมตรีแล้ว
แต่…นางกลับไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์!
เพียงเงื่อนไขนี้ ก็เพียงพอจะลบล้างทุกสิ่งของนาง!
อีกทั้ง ไม่เพียงแค่นาง ผู้ที่เดินทางมาด้วยกันกับนางหลายคนต่างก็ล้วนเป็นเช่นนี้
บนใบหน้าของเชียงหว่านโจวยังไม่มีอารมณ์ใด ราวกับไม่ได้ยินวาจาของเหลียงเหอเลย
“พูดจบหรือยัง?”
เหลียงเหอพลันตะลึงงัน
เชียงหว่านโจวหมุนหายจากไป
“เจ้า…”
เหลียงเหอพลันรู้สึกอึดอัดอยู่ในอก
ท่าทีไม่อนาทรของอีกฝ่ายนั้นช่างทำให้ภายในใจของเขาไม่สบายใจเป็นอย่างมาก!
เขามองไปยังสมุนไพรที่กองอยู่หน้าประตู อารมณ์ก็ยิ่งหงุดหงิด
หลังจากคิดแล้วคิดอีกอยู่ครู่ ในที่สุดเขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างอดไม่ได้ แล้วเอ่ยเสียงต่ำ
“มีบางคำพูด พวกเจ้าอาจจะไม่ชอบฟังนัก ดังนั้นข้าจึงไม่เคยพูดมาโดยตลอด แต่เวลานี้ กลับต้องระบายมันออกมาแล้ว”
“พวกเจ้าหลายคนล้วนไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ ที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่เวลาหนึ่งเดือนก็ล้วนยังยากจะทานทนต่อไปได้ ต่อให้อาศัยฝีมือจำนวนหนึ่งจนรั้งอยู่ได้ช่วงหนึ่ง ผลสุดท้ายก็ยังเหมือนเดิม แต่…หากแม่นางแปดอยู่ด้วยกันกับข้า อย่างน้อยที่สุด ข้าก็สามารถทำให้นางอยู่ที่นี่ไปตลอดได้”
เชียงหว่านโจวพลันชะงักฝีเท้า
“นางยังไม่ได้ตกต่ำจนถึงขั้นนั้น”
พูดจบ เขาก็ไม่สนใจเหลียงเหออีก แล้วตรงจากไป
หัวคิ้วของเหลียงเหอขมวดแน่น ก้นบึ้งในหัวใจคล้ายว่ามีอันใดบางอย่างล้นทะลัก
“ช่างไร้เหตุผล!”
หรือว่าคนเหล่านี้ยังอยู่ในความฝันกันอยู่ใช่หรือไม่
คิดกันจริงๆ หรือว่าอาศัยความสามารถและพรสวรรค์นั้นของตนเองก็สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้?
…
ฉู่หลิวเยว่พุ่งออกมาจากใต้สระอัสนีบาต!
นางหันหน้ากลับไปมองปราดหนึ่ง
นางถอยห่างจากที่ฝั่งนั้นมาช่วงหนึ่งแล้ว แทบจะมองไม่เห็นสีทองผืนนั้นแล้ว
แต่ทิวทัศน์เมื่อครู่กลับยังคงแนบชิดติดดวงตา
แม้จะเสี่ยงอันตราย แต่ก็นับว่ายืนยันได้แล้วว่าอี้เจาอยู่ที่นี่
หลังจากนี้หาโอกาสไปอีกคราก็ได้แล้ว!
นางเก็บกดความคิดในใจตนเอาไว้ แล้วหันกายมุ่งไปยังข้างหน้าผา
ฉู่หลิวเยว่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็ดึงดูดเสียงฮือฮาของผู้คนบนผาในทันที
“นั่นคือ…ซั่งกวนเยว่!?”
“เป็นนางจริง! นางยังมีชีวิตอยู่หรือ?”
เฉิงเพ่ยที่เดิมทีกำลังรอข่าวการดับสูญของฉู่หลิวเยว่อยู่ก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวนี้ จึงรีบมองจ้องไป
ในตอนที่เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยดวงนั้น ในใจเขาพลันหนักอึ้ง
ลงไปนานขนาดนั้นแล้วยังไม่ตายหรือ!?
“ดวงของซั่งกวนเยว่นี้ เหตุใดถึงแข็งเช่นนี้!”
ตอนที่ 2226 มาเยือน
“มิถูก นางเกือบจะเข้าไปถึงส่วนลึกของสระอัสนีบาต ว่ากันตามเหตุผลแล้วย่อมไม่สามารถมีชีวิตกลับมาได้ สุดท้ายออกมาได้อย่างใดกัน ทั้งยังออกมาได้อย่างปกติดีด้วย”
สำหรับพวกเขาแล้ว เดิมทีมันเป็นสถานที่ที่ไม่สามารถเฉียดกรายเข้าใกล้ได้เลย
ทว่าฉู่หลิวเยว่ไม่เพียงเข้าไปอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังอยู่ในนั้นเป็นเวลานาน จนเมื่อทุกคนต่างคิดว่านางตายอยู่ในสระอัสนีบาตแล้ว นางถึงได้กลับออกมาท่าทางสบายอารมณ์
สายตาทุกคู่ล้วนมองมาที่ใบหน้าและร่างกายของนาง
รูปลักษณ์งามสะอาด ใบหน้าสมบูรณ์แบบ
เรือนร่างสง่างาม ประณีตอ่อนช้อย
บนร่างกายนางมิเพียงไม่มีร่องรอยบาดเจ็บหรือคราบเลือดใดใด ถึงขนาดที่ว่าแม้แต่บนอาภรณ์ยังมีรอยยับเพียงเล็กน้อย
คนที่ไม่รู้ยังนึกว่านางเพิ่งออกไปเที่ยวเล่นสบายใจมา!
สายตาผู้คนที่มองนางก็เปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดขึ้นเรื่อยๆ
ซั่งกวนเยว่ผู้นี้… ช่างแปลกประหลาดเสียจริง
“พวกท่านมองข้าเหตุใดหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่หยุดยืน พลางหันไปมองยิ้มๆ
น้ำเสียงของนางฟังดูผ่อนคลาย ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มชื่นมื่น
ผู้คนนิ่งเงียบไปชั่วขณะ
ครู่หนึ่งก็มีคนเปิดปากพูดขึ้น คนผู้นั้นคือเฉิงเพ่ย
“ซั่งกวนเยว่ นี่เมื่อครู่…เจ้าไปยังส่วนลึกของสระอัสนีบาตหรือ?”
เขาขมวดคิ้ว ถามอย่างไม่ใคร่จะเชื่อสักเท่าใดนัก
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าสบายๆ
“ใช่แล้ว ข้าเข้าไปเที่ยวเล่นที่นั่นรอบหนึ่ง แต่ไม่เห็นมีสิ่งใดน่าสนใจก็เลยกลับมา ท่านมีอันใดหรือไม่?”
มีอันใด?
แล้วเจ้าคิดว่ามีอันใดเล่า!
ในหมู่ผู้คนเกิดความโกลาหลแตกตื่น
พวกเขายังคงอยู่กันที่ริมขอบสระอัสนีบาต อยากจะเข้าไปข้างในอีกนิดหน่อย ล้วนแล้วแต่ยากยิ่ง นางช่างประเสริฐนัก ได้เข้าไปยังส่วนลึกด้านใน แต่กลับออกมาแล้วบอกว่าน่าเบื่อ
เขาอยากพูดหักล้างคำพูดฉู่หลิวเยว่สักหน่อย ทว่าเมื่อครู่ผู้คนก็เห็นชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วว่าฉู่หลิวเยว่ไปที่นั่นมาแล้วยังกลับมาอย่างปลอดภัยไร้บาดแผล
นี่ยังจะให้กล่าวอันใดอีก
แต่เดิมยังจินตนาการว่านางอาจตายข้างในนั้น ทว่าตอนนี้กลับไม่เพียงยังไม่ตาย ซ้ำยังดูเหมือนว่านางจะดูดซับทัณฑ์สวรรค์เข้าไปไม่น้อย ลมปราณบนตัวนางแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมากโข!
เฉิงเพ่ยไม่สบอารมณ์ ในอกคับแน่นจนยากจะทานทน ไม่ง่ายเลยกว่าจะระงับอารมณ์พูดออกมา
“เหอะ ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าต่ำเกินไป…”
“ทราบชัดเสียตอนนี้ก็ยังมิสาย”
ริมฝีปากฉู่หลิวเยว่ปรากฏรอยยิ้ม ขัดคำพูดเขา จากนั้นก็แสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย
“จริงสิ เมื่อก่อนไม่ใช่ว่าผู้อาวุโสเฉิงเพ่ยบอกว่าจะเข้าไปบำเพ็ญร่างศักดิ์สิทธิ์ในสระอัสนีบาตรหรือ? เหตุใดจึงยังไม่ไปเล่า?”
คิกๆ
ใครบางคนส่งเสียงหัวเราะคิกคักมาจากด้านข้าง
สีหน้าของเฉิงเพ่ยไม่น่าดูขึ้นมาทันที
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตา ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้น
“อ้อ… ที่แท้ผู้อาวุโสเฉิงเพ่ยเคยเข้าไปจนออกมาแล้วกระมัง? นี่มัน…นานเท่าไรกันนะ หากว่าตามความเร็วระดับนี้ ท่านต้องใช้เวลานานเพียงใดจึงจะบำเพ็ญร่างศักดิ์สิทธิ์สำเร็จกันล่ะ”
เฉิงเพ่ยกรุ่นโกรธขึ้นหมื่นส่วน พลันสะบัดแขนเสื้ออย่างแรง
“เรื่องนี้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามากังวลหรอก! ขนาดเจ้าอยู่ในนั้นนานเท่าไรยังไม่รู้เลย!”
เขาช้าแล้วอย่างใด ก็ยังดีกว่าการกลับมาแบบไร้ความหวังเช่นนาง!
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ายอมรับ
“ถ้าอย่างนั้นก็ขออวยพรให้ท่านโชคดีแล้วกัน ข้าหวังว่าจะได้เห็นท่านก้าวหน้าขึ้นด้วยตาตัวเองเสียหน่อย ก่อนจะไปจากที่นี่”
“อ้อ จริงสิ ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” ฉู่หลิวเยว่เดินออกไปก่อนจะหันหน้ากลับมา “ลืมเตือนทุกท่านไป กลางสระอัสนีบาตนั่นมีเสินสื่อลำดับสี่คุ้มกันอยู่ ไม่สามารถเข้าใกล้โดยง่าย”
กลุ่มคนตกใจอีกหน
ซ่งชิงเอ่ยถาม “เจ้าเห็นเสินสื่อลำดับสี่ที่นั่นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า “เสินสื่อลำดับสี่ใจกว้างนัก ปล่อยผ่านข้าไปครั้งหนึ่ง แต่หากครั้งหน้ามีคนบุกเข้าไปเกรงว่าจะพูดยากแล้ว ที่ข้าจะพูดก็มีเพียงเท่านี้ ทุกท่านรักษาตัวด้วย”
หลายคนมองหน้ากันไปมา ไม่เอ่ยคำใด
เรื่องเหล่านี้พวกเขารู้แล้วจะมีประโยชน์อันใด
พวกเขาไปไม่ถึงสถานที่นั้นอยู่แล้ว
หากนางไม่ได้บอกว่าตนเองถูกเสินสื่อลำดับสี่กล่าวเตือนมา หลายคนคงเกือบนึกไปว่านางกำลังโอ้อวดอยู่!
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะทำอันใดต่อ นางจัดปกเสื้อของตัวเองให้เข้าที่แล้วเดินจากไป
…
เมื่อจากสระอัสนีบาตมา รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าฉู่หลิวเยว่ก็ค่อยๆ หายไป
ไอมืดครึ้มเข้าปกคลุมดวงตา
ตอนนี้ถึงแม้จะรู้เบาะแสของอี้เจา แต่หากจะช่วยเขากลับออกมานั้น แลดูเป็นเรื่องยุ่งยากอย่างยิ่ง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าด้านนอกมีเสินสื่อตรวจตรารัดกุม ทั้งหมดล้วนเป็นกับดักที่สร้างจากโซ่ตรวนดำสนิทและสายฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วน ย่อมเป็นการยากหากจะหลบหนี
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าหากมีการเคลื่อนไหว จะต้องโดนจับได้เป็นแน่
อีกทั้งที่นี่ยังเป็นตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ตราบใดที่นางกับถวนจื่ออยู่ที่นี่ ก็จะถูกควบคุมพฤติกรรมจากทุกภาคส่วน
แค่คิดจะพาคนออกมาก็ยิ่งยาก
“ถวนจื่อ ถวนจื่อ?”
ฉู่หลิวเยว่ร้องเรียกถวนจื่อในใจหลายครั้ง
ต่อให้ฉู่หลิวเยว่ไม่เอ่ยออกมา ตัวนางก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ลำบากมากเพียงไร
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจ พลางเอ่ยเสียงอ่อน
“ถวนจื่อ เจ้าอย่ากังวลไปเลย ข้าเห็นว่าแม้พวกเขาจะคุมขังผู้อาวุโสอี้เจาไว้ แต่ยามนี้ดูเหมือนพวกเขาจะยังไม่คิดหมายเอาชีวิตท่าน พวกเรายังมีเวลาและโอกาส”
สถานการณ์ของอี้เจาย่ำแย่จนเกือบจะตายอยู่รอมร่อ
แต่ด้วยเหตุนี้ ฉู่หลิวเยว่จึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากจะปลิดชีพอี้เจาจริงๆ
อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้
ไม่อย่างนั้นอี้เจาคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้
เมื่อได้ยินฉู่หลิวเยว่พูดดังนั้น ถวนจื่อก็เบาใจลงส่วนหนึ่ง และ กระซิบถามว่า
“ถ้า…ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะทำเช่นไรดี เสินสื่อนั่นท่าทางดุร้าย…”
นอกจากเสินสื่อลำดับสี่แล้ว ยังมีเสินสื่อคนอื่นอีก ยังมี… คนผู้นั้นที่จับอี้เจาไปด้วย
ฉู่หลิวเยว่นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบเสียงเบาแต่หนักแน่น
“จะต้องมีวิธีเป็นแน่”
…
เพียงครู่เดียวนางก็มาถึงที่พัก
เพิ่งจะถึงหน้าประตู นางกลับรู้สึกราวมีกลิ่นอายที่ค่อนข้างคุ้นเคยอยู่ข้างใน
นางชะงักไปเล็กน้อย
ชั่วครู่ก็มองเห็นเงาร่างของซื่อจิงปรากฏขึ้น
“นายท่าน! ท่านกลับมาแล้ว!”
ตาของฉู่หลิวเยว่เป็นประกาย
“ซื่อจิง เจ้ามาได้อย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่ย่างเข้าไป พลางมองประเมินเขาอย่างละเอียดรอบหนึ่ง
“เจ้าบรรลุขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์แล้วอย่างนั้นหรือ?”
ระดับความเร็วในการบำเพ็ญเพียรนี้ช่างไวเสียจริง
ซื่อจิงย้ำเหตุผลที่เคยบอกกับหัวซวงซวงไว้ก่อนหน้านี้อีกครั้งอย่างง่ายๆ
จิตใจของฉู่หลิวเยว่ถึงจะสงบลงได้
การฝึกปราณของซื่อจิงโดดเด่นยอดเยี่ยม อีกทั้งยามบำเพ็ญเพียรจิตใจมั่นคงแน่วแน่
สามารถมาถึงวันนี้ได้ อันที่จริงไม่นับว่าทำให้ผู้คนแปลกใจนัก
จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองอย่างนึกแปลกใจ
เป็นผู้ใดกันที่มาในเวลาเช่นนี้
“ข้าจะไปเปิดประตู”
ซื่อจิงพูดพลางสาวเท้าเดินไป
แอ๊ด…
ใบหน้าอันคุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้า
ฉู่หลิวเยว่นิ่งงัน
“แม่นางมู่”
………………..