ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2234 ไม่มี
ตอนที่ 2234 ไม่มี
………………..
ฉู่หลิวเยว่แบ่งพลังปราณดั้งเดิมลึกล้ำสายหนึ่งถ่ายทอดเข้าไปในร่างของเชียงหว่านโจว หมายจะยับยั้งไอเย็นเยียบเอาไว้
ทว่าหลังจากนั้น นางกลับพบว่ามันสายไปเสียแล้ว
ไอเย็นยะเยือกพวกนั้นแผ่ขยายไปทั่วร่างของเชียงหว่านโจวเป็นที่เรียบร้อย ทั้งยังซึมซาบเข้าสู่กระดูกแลเลือดเนื้อของเขาด้วยความเร็วอันน่าตกใจ!
น้ำแข็งเย็นเฉียบบนตัวเขายังคงค่อยๆ แข็งตัว ทั้งยังทับถมกันไปมามากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนนั้นเอง เฉินอีพลันวิ่งถลาเร็วรี่เข้ามาจากด้านนอก
ฉู่หลิวเยว่หันศีรษะกลับไปมองเขาแวบหนึ่ง
“เฉินอี ผนึกในร่างเสี่ยวโจวทลายแล้ว!”
เฉินอีนิ่วหน้า เขาเดินตรงไปยังข้างกายของเชียงหว่านโจว
สายตาของเขากวาดมองตราศรัทธากลมบริเวณเอวของเชียงหว่านโจวอย่างรวดเร็ว
จากนั้น เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“หากตอนนี้คิดจะผนึกมันอีกรอบ เกรงว่าจะไม่สู้ดีนัก”
“แล้ว…”
“ระบายออกไปดีกว่าสกัดไว้ ขอเพียงแค่ทำให้ไอเย็นพวกนั้นกลายเป็นพลังของตัวเขาเองได้ทั้งหมด ก็จะสามารถขจัดวิกฤตครั้งนี้ได้”
นัยน์ตาของฉู่หลิวเยว่พลันหดลง
“เจ้าหมายความว่าจะให้เสี่ยวโจวบุกทะลวงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์เลยอย่างนั้นหรือ?”
เฉินอีพยักหน้า
“มิใช่ว่าก่อนหน้านี้นายท่านเองก็คิดจะทำเช่นนี้อยู่หรอกหรือ ตอนนี้คือโอกาสเหมาะที่สุดแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เรียวคิ้วดำขลับขมวดเข้ากันทันใด
ดูจากความเร็วแล้ว ใช้เวลาอีกไม่นานก็จะสามารถบุกทะลวงสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้
แต่ว่าตอนนี้มัน… ออกจะกะทันหันเกินไปหน่อยแล้ว!
เดิมทีขีดจำกัดของระดับเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นมิอาจก้าวข้ามไปได้ง่ายๆ
ต่อให้เตรียมการมาดีเพียงพอ ก็ไม่แน่ว่าท้ายที่สุดแล้วจะสำเร็จ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสภาพของเชียงหว่านโจวในตอนนี้เลย
ไอเย็นเยียบกำลังกัดกร่อนร่างกายภายในของเขา หากประมาทแม้แต่นิดเดียว เกรงว่า…
“สถานการณ์ในตอนนี้ใครก็ช่วยเขาไม่ได้ ทำได้แค่พึ่งตัวเขาเองแล้ว”
สีหน้าของเฉินอียังคงราบเรียบดั่งเคย
ฉู่หลิวเยว่พลันตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
นางรู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่เฉินอีพูดล้วนถูกต้อง
หากปล่อยให้เชียงหว่านโจวแปรสภาพพลังเหล่านี้แล้วดูดซับด้วยตัวเอง ใครก็มิอาจรู้ได้ว่านี่จะสร้างความเสียหายมากมายเพียงใดแก่ร่างกายของเขา ไหนจะเรื่องที่ว่าเขาสามารถทนรับมันไหวหรือไม่
แต่ หากไม่ทำเช่นนี้ เชียงหว่านโจวก็ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงมหาศาล
เพราะในท้ายที่สุด ไอเย็นเยียบสายนั้นมันเสียการควบคุมไปแล้ว!
ทันใดนั้น ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกว่าข้อมือของเชียงหว่านโจวขยับขึ้นมา
นางก้มศีรษะลงมอง
เชียงหว่านโจวก้มศีรษะลงน้อย ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้าน บนดวงหน้าและตามตัวล้วนขึ้นสีแดงก่ำช้ำเลือด มีเพียงริมฝีปากเท่านั้นที่ยังคงซีดขาว
เขาขบกรามแน่น แล้วเอ่ยออกมาทีละคำว่า
“ข้า… ข้าบุกทะลวงขึ้นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้…”
แม้น้ำเสียงจะแผ่วเบา แต่กลับแฝงด้วยความหนักแน่นที่ไม่อาจดูแคลนได้โดยง่าย!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกมั่นใจขึ้นมาโดยพลัน
“ดี ข้าจะช่วยคุ้มกันเจ้าเอง”
…
เชียงหว่านโจวหลับตา สองมือประสานทับกันไว้เบื้องหน้า เริ่มลองกักเก็บเศษชิ้นส่วนของไอเย็นที่กระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศภายในร่างมาเปลี่ยนเป็นพลังปราณดั้งเดิมของตัวเอง
เฉินอีมองเขาปราดหนึ่งด้วยแววตาที่เข้มขึ้น
จากนั้นเขาก็หันไปมองทางฉู่หลิวเยว่ กล่าวว่า
“นายท่าน เรื่องคุ้มกันให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ กว่าเขาจะบุกทะลวงขึ้นระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก อีกอย่าง นอกจากนี้แล้ว เขาอาจต้องการยาอายุวัฒนะที่ให้ความอบอุ่นแก่ชีพจรดั้งเดิมด้วย”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจความหมายที่เฉินอีจะสื่อทันที
“เจ้าพูดถูก”
ครานี้เชียงหว่านโจวกำลังจะพัฒนาพลังของตนโดยการหลอมไอเย็นเยียบเหล่านั้นซึ่งแตกต่างจากผู้อื่นโดยสิ้นเชิง
ต่อให้สุดท้ายเขาจะทำสำเร็จจริง ในระหว่างนี้ไอเย็นเยียบเหล่านั้นจะสร้างความเสียหายให้แก่ร่างกายของเขาอย่างแน่นอน
ถึงเวลานั้น ย่อมต้องการการดูแลรักษาอย่างดีแน่นอน
ทันใดนั้น นางก็ขมวดคิ้วอีกครา
“ถ้าเป็นยาอายุวัฒนะธรรมดา เกรงว่าจะไม่ค่อยดีเท่าไร”
ร่างกายของเชียงหว่านโจวนั้นพิเศษ หากต้องการดูแลรักษาร่างกายของเขาให้ดี ยาอายุวัฒนะปกติธรรมดาย่อมไม่ได้ผล
“นายท่าน ข้ารู้จักใบสั่งยาสูตรหนึ่งที่ช่วยรักษาเขาให้หายดีได้”
น้องแปดมาถึงอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบได้
ฉู่หลิวเยว่มองไปที่นาง
“คือสูตรใด”
“โอสถคงปราณตั้งต้นอย่างใดเล่า!”
น้องแปดกะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็ยักไหล่เป็นเชิงอับจนปัญญา
ปัญหาเรื่องสมุนไพรยังพอว่า นางไปขอจากเจินเป่าเก๋อได้
แต่ว่า…
ตอนนี้นางยังไม่บรรลุระดับปรมาจารย์ นี่ชวนให้รู้สึกลำบากใจยิ่งนัก
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนตอบไปว่า
“เอาใบสั่งยามาให้ข้า ข้าจะไปคิดหาวิธีดู”
น้องแปดควักเอาใบสั่งยาออกมาปึกหนึ่ง เลือกหยิบดูสักพักก็หาเจอ
“เจ้าค่ะ มันคือใบนี้!”
ฉู่หลิวเยว่รับใบสั่งยามากวาดตามองอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง
“พวกเจ้าคอยเฝ้าเสี่ยวโจวอยู่ที่นี่ ข้าจะออกไปข้างนอกก่อน”
พูดจบ นางก็หุนหันจากไป
กระทั่งเงาร่างของนางหายวับไป เฉินอีถึงได้มองน้องแปดแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
”นี่ควรเป็นเจ้าที่ไปทำ”
น้องแปดหดคออย่างรู้สึกผิดที่ซึ่งหาดูได้ยาก
“พี่ใหญ่ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ข้าจริงๆ นะ โอสถปราณตั้งตนนั่นต่างหากที่ทำได้ยากมากน่ะ! ไหนจะสมุนไพรหลายอย่างในใบสั่งยาที่จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง ไม่ต้องพูดถึงหลอมยาเลย”
เฉินอีหรี่ตาลงน้อยๆ
“ท่าเรือดอกท้อก็ไม่มี?”
ริมฝีปากแดงเรื่อของน้องแปดเบะออกน้อยๆ
“ฝั่งพี่สามจะว่ามีก็มี แต่มันน้อยจนน่าอนาถ ต่อให้เอากลับมาหมดนั่นก็หลอมยาอายุวัฒนะได้มากสุดแค่หนึ่งเม็ด ท่านก็รู้ว่าเขาขี้งกปานนั้น จะไปยอมมอบของให้ข้าได้อย่างใด”
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ คิดจะลงไปหาซานซานก็สายเกินไปแล้ว ทั้งยังได้ไม่คุ้มเสียด้วย
ตอนนี้คงทำได้แค่ฝากความหวังไว้ที่นายท่านแล้ว
เฉินอีหลุบตาลงน้อยๆ สุดท้ายก็พรูลมหายใจออกมายาวเหยียด
“เข้าใจแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“เหตุใดกันเล่า ข้ามานี่ก็เพื่อช่วยดูแลเขาพร้อมกับพี่ใหญ่นะ! ข้ายังค่อนข้างสนใจไอเย็นในตัวเขาอยู่ไม่น้อยพอดี…”
ยังไม่ทันพูดจบ นางพลันรู้สึกถึงสายตาของเฉินอีที่คมปลาบจนสัมผัสได้ทิ่มแทงร่างของตน ก้นยังไม่ทันหย่อนลงม้านั่งนางก็รีบหยัดกายลุกขึ้นอย่างรู้ความพลางกล่าวแกมยิ้มตาหยี
“พี่ใหญ่จัดการเลย ข้าออกไปเฝ้าข้างนอกเอง”
พูดจบก็เดินตัวปลิวออกไป
เฉินอียกมือขึ้นกางค่ายกลภายในห้องพักไว้อันหนึ่ง
ได้พลังสายนี้คอยยับยั้ง ลมปราณบนตราศรัทธากลมตรงเอวของเชียงหว่านโจวก็สลายไปอย่างเงียบเชียบ
…
ไม่ช้าฝั่งฉู่หลิวเยว่ก็เดินทางมาถึงร้านเจินเป่าเก๋อ
เมื่อเห็นว่านางมา หมิงซูก็รีบวางบัญชีในมือแล้วเดินออกมาต้อนรับ
“คุณหนูซั่งกวน วันนี้ลมอันใดหอบท่านมากันละนี่”
หรือว่าจะมาคัดลอกค่ายกลไปอีก?
ฉู่หลิวเยว่มองออกว่าเขาคิดอันใดจึงส่ายศีรษะเบาๆ
“ที่ข้ามาวันนี้ก็เพราะอยากซื้อสมุนไพรพวกนี้เสียหน่อย”
หมิงซูหัวเราะเริงร่า
“เกรงใจเกินไปแล้ว ท่านต้องการอันใด ขอเพียงบอกก็ใช้ได้แล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ยื่นใบสั่งยาส่งไปให้
หมิงซูรับมาด้วยสองมือ หลังกวาดตาอ่านสีหน้าพลันแข็งทื่อ
“นี่…”
สีหน้าของเขาเผยแววลำบากใจอยู่หลายส่วน
“คุณหนูซั่งกวน ต้องขออภัยด้วยจริงๆ แต่สมุนไพรแบบเดียวกับใบสั่งนี้ ร้านเจินเป่าเก๋อเองก็ไม่มีเช่นกัน”
………………..