ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2235 รอดูแล้วกัน
ตอนที่ 2235 รอดูแล้วกัน
………………..
“พวกเจ้าเองก็ไม่มี?”
ฉู่หลิวเยว่ประหลาดใจอย่างมาก
หมิงซูกระแอมไอคราหนึ่ง อธิบายว่า
“คุณหนูซั่งกวน ท่านอาจยังไม่รู้ กระวานเร้นมังกรสิ่งนี้ล้ำค่าอย่างมาก นับได้ว่าเป็นสมุนไพรชั้นยอด ไม่ว่าผู้ใดที่ต้องการสิ่งนี้ล้วนต้องมุ่งหน้าไปเทือกเขาโอสถด้วยตัวเอง แล้วผ่านการรับรองจากเสินสื่อลำดับแปดถึงจะได้มันมาครอง”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่ามันฟังดูเหลวไหลสิ้นดี
“แม้กระวานเร้นมังกรจะหายาก แต่ก็คงไม่ต้องทำถึงขั้นนั้นหรอกกระมัง?”
ท่าเรือดอกท้อเองก็มีของสิ่งนี้เช่นกัน เพียงแต่จำนวนของมันน้อยนิดเสียเหลือเกิน
มีเพียงเทือกเขาโอสถแห่งตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ที่มีมันมากมาย แต่วิธีจะไปเอาได้ยังต้องทำไว้ซับซ้อนปานนี้เทียวหรือ?
หมิงซูเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย
“นี่… นี่เป็นกฎที่เสินสื่อลำดับแปดตั้งไว้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาล้วนยึดถือตามนี้ อีกอย่าง เพราะจำนวนกระวานที่ทุกคนสามารถรับไปได้ต่างมีไม่มาก ดังนั้นจึงมีน้อยคนนักที่จะยอมส่งกระวานมาทำการค้ากับร้านเจินเป่าเก๋อ ทางพวกเราเองเลยไม่มีของสิ่งนี้เช่นกัน”
ฉู่หลิวเยว่แค่นเสียงออกมาแผ่วเบา
”ที่แท้ท่านเสินสื่อผู้ยิ่งใหญ่ก็ชอบที่จะผูกขาดไว้แต่เพียงผู้เดียวนี่เอง”
แม้นางจะไม่เคยเจอเสิ่นสื่อลำดับแปดผู้นี้ แต่ก็พอจะเดาออกคร่าวๆ แล้วว่าเป็นคนแบบใด
ก่อนหน้านี้ที่น้องแปดพร่ำบ่นอย่างหงุดหงิด นางก็หาได้ใส่ใจมากไม่
ตอนนี้ดูแล้วเป็นนางเองที่ประเมินอำนาจในการควบคุมเทือกเขาโอสถของอีกฝ่ายต่ำไป
หมิงซูละล่ำละลักอธิบายว่า
“คุณหนูซั่งกวน หากท่านรีบใช้ มิสู้รอข้าไปเทือกเขาโอสถด้วยตัวเองดีหรือไม่”
รายได้ส่วนหนึ่งของร้านเจินเป่าเก๋อโดนกีดกั้นมาจากฝั่งเทือกเขาโอสถ คาดว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับเสินสื่อลำดับแปดผู้นั้นไม่ได้ดีสักเท่าไรนัก
หากหมิงซูไปเอง เกรงว่าเรื่องอาจลุกลามใหญ่โตกว่าเก่าได้
หมิงซูยังคงไม่วางใจ
แม้ระยะนี้คนผู้นี้จะมีชื่อเสียงค่อนข้างโด่งดังในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ทั้งทำลายสถิติเส้นทางดวงดาวของมู่หย่าเฟิง ครั้นเข้าไปในบ่ออัสนีบาตก็ยังดิ่งลงไปถึงส่วนลึกที่สุด
แต่ว่า เสินสื่อลำดับแปดไม่มีทางหลงกลแน่
ถ้าหากนางไปถึงแล้วเสินสื่อลำดับแปดเกิดมีตาหามีแววไม่ ไปประทุษร้ายจะทำอย่างใด
“มิเช่นนั้นให้ข้าหาคนไปเป็นเพื่อนท่าน?”
ฉู่หลิวเยว่ยังคงส่ายศีรษะพร้อมหัวเราะ
“ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าคำนวณทุกอย่างไว้แล้ว”
พูดจบ นางก็หมุนตัวจากไป
“นี่…”
เดิมหมิงซูคิดจะตามนางไป แต่พอคิดแล้วคิดอีก เขาก็หมุนกายขึ้นไปชั้นสอง
…
“อันใดนะ พระชายาไปที่เทือกเขาโอสถ?”
ยามเหยียนเก๋อที่กำลังนอนอย่างเบื่อหน่ายจนรากจะงอกอยู่ในห้องได้ยินเช่นนั้น เขาก็เบิกตากว้างขึ้นมาทันใด
หมิงซูเล่าเหตุการณ์โดยคร่าวรอบหนึ่งด้วยใจกระวนกระวายไม่รู้จบ
“ไม่ใช่แค่กระวานเร้นมังกร ยังมีพวกสมุนไพรพิเศษอย่างอื่นด้วย เสินสื่อลำดับแปดล้วนตรวจการณ์เข้มงวดมาก ความสามัคคีจะนำมาซึ่งความร่ำรวยไม่ใช่หรือไร แต่ไหนแต่ไรมาร้านเจินเป่าเก๋อของเราก็ไม่เคยมีความคิดจะไปแตะต้องของพวกนี้ ใครจะรู้ว่าวันนี้พระชายามาเพราะต้องการมัน?”
เหยียนเก๋อคิดตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลับตาแล้วโบกมือไปมาอย่างเกียจคร้าน
“ผู้ดูแลรอง นี่ท่านหมายความว่า… พระชายาค่อนข้างมีพรสวรรค์ในด้านหลอมยาหรือ?”
“เฮอะ อันใดคือ ‘ค่อนข้างมีพรสวรรค์’ กัน? พูดให้มันรู้เรื่องหน่อยได้หรือไม่”
เหยียนเก๋อแค่นเสียงในลำคออย่างเหยียดหยาม
“ตอนนี้พระชายายังไม่ครบยี่สิบดี ก็ได้เป็นถึงมหาปรมาจารย์โอสถ การบุกทะลวงสู่เซียนหมอระดับปรมาจารย์ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่ช้าก็เร็ว นี่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปเทียบได้หรือไร”
คราแรกหมิงซูนั้นตื่นตกใจ จากนั้นก็เหยียดมุมปากออก
สามารถบุกทะลวงสู่ระดับมหาปรมาจารย์โอสถด้วยอายุเท่านี้ได้ ช่างหาได้ยากอย่างยิ่งยวด
แต่การเป็นเซียนหมอระดับปรมาจารย์ไหนเลยจะทำสำเร็จได้ง่ายดายปานนั้น?
พูดอีกอย่างก็คือ ตัวพระชายาหามีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ไม่
ต่อให้ชูตราศรัทธากลมที่ห้อยอยู่ข้างเอวนางขึ้นมา ท่าทีของเสิ่นสื่อลำดับแปดก็คงไม่ดีขึ้นแต่อย่างใด
ผู้ดูแลรองเองก็ช่างใจใหญ่เสียเหลือเกิน…
“ผู้ดูแลรอง ท่านก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเสิ่นสื่อลำดับแปดมีนิสัยเช่นไร การที่พระชายาไปด้วยตัวเองก็เท่ากับไปให้นางรังแกถึงที่มิใช่หรือ? หากพระชายาได้กระวานเร้นมังกรกลับมาอย่างราบรื่นก็ดีไป แต่ถ้าเกิดไม่ได้ขึ้นมา แล้วถูกเสินสื่อลำดับแปดปั่นหัวอีก…”
เหยียนเก๋อพลันหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“นิสัยนั้นของซูจิ้งทำคนฉุนเฉียวไม่น้อยจริงๆ พูดมาถึงตรงนี้แล้ว เทือกเขาโอสถนั่นก็หาใช่ของนางไม่ นางเพียงแค่มีหน้าที่เฝ้าดูแล จะไปมีความสามารถอันใดในการตั้งกฎมากมายปานนี้?”
“ที่พูดมาก็ไม่ผิด แต่อย่างใดเสียนางก็เป็นเสินสื่อลำดับแปด จะใช้สถานะของนางในตอนนี้ทำอันใดพระชายาก็เป็นเรื่องที่กระทำได้โดยง่ายอยู่ดี ไม่ง่ายเลยกว่าพระชายาจะได้มาตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ หากถูกให้ร้ายอันใดเข้า…”
หมิงซูยังคงกังวลใจอย่างมาก
เหยียนเก๋อประคองถ้วยชาด้านข้างขึ้นมาเป่าอย่างสบายอารมณ์ ครั้นได้ยินคำพูดนี้เข้าก็ทำราวกับได้ยินเรื่องขบขันก็มิปาน
“เหอะๆ พระชายาท่านนี้ของเราไม่ใช่คนที่จะยอมโดนว่าร้ายเสียหน่อย! อีกอย่าง ผู้ดูแลใหญ่คอยโอบอุ้มพระชายาอยู่ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ ไม่มีทางยอมให้นางถูกรังแกแม้แต่ปลายเล็บ แบบนี้แล้วซูจิ้งจะยังทำตัวกร่างไปทั่วได้อีกหรือ”
เหยียนเก๋อจิบชาพลางหรี่ตาอย่างพึงพอใจ
“ชิ รอดูก็แล้วกัน!”
…
ฉู่หลิวเยว่มุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของเทือกเขาโอสถ
ความเร็วของนางว่องไวอย่างยิ่ง ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่
กลิ่นอายของสมุนไพรหลากหลายชนิดอบอวลในอากาศ ผสมปนเปกลายเป็นกลิ่นหอมพิเศษติดจะขมปร่าอันเข้มข้น
ยามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลันทำให้รู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวา ชวนให้ผ่อนคลายและตื่นตัวยิ่งนัก
ฉู่หลิวเยว่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ นายกวาดสายตามองลงไปจากด้านบน
เมื่อเห็นเทือกเขาเรียงรายต่อกันเป็นทอดๆ ไหนจะสมุนไพรหลากหลายชนิดที่เติบโตขึ้นทั่วทั้งบริเวณของภูเขา แม้จะได้ยินมาบ้างแล้ว ก็ยังทำให้นางตกตะลึงไม่หาย
ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์… ช่างกว้างใหญ่ไพศาลโดยแท้!
นางลองค้นหาไปรอบๆ ไม่ช้าก็พบว่าบนยอดเขาลูกหนึ่งที่ห่างไกลออกไปมีกระวานเร้นมังกรเติบโตอยู่แปลงหนึ่ง
ไวเท่าความคิด นางมุ่งหน้าไปยังตรงนั้นทันที
ทว่าในตอนนั้นเอง ค่ายกลอันหนึ่งพลันปรากฏขึ้น ณ เบื้องหน้าของนาง สกัดกั้นไว้ไม่ให้นางไปต่อ
จากนั้น สุ้มเสียงเย็นเยียบและทะนงตัวของแม่นางผู้หนึ่งดังแว่วเข้ามา
“ใครกันที่เข้าเทือกเขาโอสถโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงน้อยๆ พลางมองไปยังเบื้องหน้า
แม่นางอ่อนเยาว์ผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาทันทีทันใด
ชั่วพริบตาที่เห็นนาง ฉู่หลิวเยว่ก็รู้แจ้งถึงสถานะของอีกฝ่ายได้ทันที
เสินสื่อลำดับแปด… ซูจิ้ง!