ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2236 ประลองแลกเปลี่ยนวิชา
ซูจิ้งเองก็กำลังกวาดตามองแม่นางที่อยู่ตรงหน้าเช่นกัน
ดูแล้วอายุไม่เกินสิบแปดสิบเก้า รูปลักษณ์งามสง่ามิอาจใครเทียบ ชุดคลุมยาวสีแดงสะบัดปลิวไสว เรือนผมดำขลับสยายไปในอากาศ
ดวงหน้าให้ความรู้สึกสูงศักดิ์รางๆ อยู่หลายส่วน ชวนให้จดจำมิรู้ลืม ในใจเกิดความยำเกรงโดยไม่รู้ตัว
ก่อนหน้านี้ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยมีคนประเภทนี้มาก่อน
เมื่อเห็นตราศรัทธากลมที่อยู่ตรงเอวของนาง แววตาของซูจิ้งก็ทอประกายสับสนอยู่ไม่น้อย
“เจ้าคือซั่งกวนเยว่?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับ
“คารวะเสินสื่อลำดับแปด”
ซูจิ้งกวาดตามองสำรวจนางอย่างเงียบเชียบ
อายุยังน้อยแต่กลับบุกทะลวงสู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว นับว่ามีความสามารถอยู่หลายส่วน
ได้ยินมาว่าพรสวรรค์ด้านการเป็นปรมาจารย์เองก็โดดเด่นอย่างมาก ถึงขั้นที่ถูกร้านเจินเป่าเก๋อติดตาต้องใจเลยทีเดียว
ยามคิดถึงร้านเจินเป่าเก๋อ ในใจของซูจิ้งพลันบังเกิดความไม่สบอารมณ์ขึ้นมาแวบหนึ่ง
“เจ้ามาทำอันใดที่นี่” นางเอ่ยถามเสียงเรียบ
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาทันใด
“เสินสื่อลำดับแปด ที่นี่คือเทือกเขาโอสถ ข้ามาที่นี่ก็ย่อมมาเพื่อเก็บสมุนไพร”
ซูจิ้งชะงักไป กล่าวว่า
“กฎของเทือกเขาโอสถ เจ้าคงจะรู้หมดแล้วกระมัง?”
“เรื่องนี้… ก่อนหน้านี้น้องแปดเคยบอกข้าแล้ว ย่อมรู้เรื่องกฎดี”
“ในเมื่อรู้แล้วก็คุยด้วยง่ายหน่อย หากเจ้าอยากเข้าไปในเทือกเขาโอสถ ต้องใช้ยาอายุวัฒนะระดับมหาปรมาจารย์โอสถมาแลก มิเช่นนั้น…”
”เตรียมมาเรียบร้อยแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่คลี่ยิ้มบางพลางเอ่ยตัดบทนาง ตวัดข้อมือคราหนึ่ง กล่องหยกใบหนึ่งก็ลอยออกมา
“เชิญเสินสื่อลำดับแปดตรวจสอบดูได้”
ซูจิ้งยื่นมือไปรับของมาแล้วเปิดกล่องหยกดูรอบหนึ่ง ครั้นแน่ใจแล้วว่าเป็นยาอายุวัฒนะระดับมหาปรมาจารย์โอสถจริงๆ ก็ผงกศีรษะ
นางสะบัดชายเสื้อคลุมแผ่วเบา ค่ายกลเบื้องหน้าของฉู่หลิวเยว่ก็สลายหายไปในทันที
ฉู่หลิวเยว่ส่งเสียงขอบคุณคราหนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้าลงไปยังทิศทางหนึ่ง
ซูจิ้งหันกลับไปมอง จากนั้นเมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่กำลังพุ่งตรงไปยังทางกระวานเร้นมังกร นางก็ขมวดคิ้วทันที
“ช้าก่อน!”
เมื่อฉู่หลิวเยว่ที่ยังไม่ทันจะได้เก็บกระวานเร้นมังกรได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป ก่อนจะเงยศีรษะขึ้นมอง
“เสินสื่อลำดับแปดมีสิ่งใดจะชี้แนะอีกหรือ?”
เงาร่างของซูจิ้งวูบไหว ก่อนจะมาปรากฏยังเบื้องหน้าของนาง
“เจ้าต้องการเก็บกระวานเร้นมังกรไปรึ?”
“เจ้าค่ะ”
“ไม่ได้” ดวงหน้าของซูจิ้งฉาบด้วยแววเย็นยะเยือกและโอหัง “กระวานเร้นมังกรเป็นสมุนไพรชั้นยอด คนธรรมดามิอาจเก็บไปใช้ตามใจได้”
แววตาของฉู่หลิวเยว่พลันวูบไหว
“เสินสื่อลำดับแปด”
สุรเสียงที่คุ้นหูอยู่ไม่น้อยสายหนึ่งดังแว่วขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองตาม พบว่าเป็นเหลียงเหอที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ด้วยความรวดเร็ว
ในอ้อมแขนของเขาประคองสมุนไพรกองหนึ่งเอาไว้ หากมองดูเพียงผิวเผิน ลำพังแค่กระวานเร้นมังกรก็ปาไปห้าหกต้นแล้ว
ครั้นฉู่หลิวเยว่หันกลับมา เหลียงเหอก็กวาดตามาคราหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจถึงได้สังเกตเห็นนาง
ฝีเท้าของเขาชะงัก ก่อนผงกศีรษะเป็นนัยให้ฉู่หลิวเยว่
เพียงแต่สีหน้ายังคงเรียบเฉยอย่างเก่า
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วน้อยๆ
นางเหมือนจะไม่เคยไปล่วงเกินเหลียงเหอไว้หนา?
หรือว่าเป็นเพราะน้องแปดไม่เคยสนใจเขา? แต่นั่นก็ดูไม่น่าใช่…
“เสินสื่อลำดับแปด นี่คือสมุนไพรที่ข้าต้องการการรับรองครั้งนี้ เชิญท่านตรวจสอบ”
ซูจิ้งกวาดมองคราหนึ่ง ใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างหาดูได้ยาก
“นี่เจ้าเตรียมจะหลอมโอสถคงปราณตั้งต้นสินะ?”
เหลียงเหอผงกศีรษะรับ “อันใดก็ปิดบังสายตาของท่านไม่ได้จริงๆ ข้าศึกษาเกี่ยวกับโอสถคงปราณตั้งต้นมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ครั้งนี้เลยคิดจะลองหลอมดูสักครั้ง เพราะว่าใบสั่งยาซับซ้อนจึงเก็บสมุนไพรพวกนี้ไปเยอะเป็นพิเศษ”
“โอสถคงปราณตั้งต้นนับว่าเป็นหนึ่งในประเภทยาอายุวัฒนะชั้นเซียนหมอระดับปรมาจารย์ที่ซับซ้อนที่สุดแล้ว แม้กระทั่งผู้ที่ค่อนข้างมีประสบการณ์เองก็มิอาจรับประกันได้ว่าจะหลอมได้สำเร็จ การที่เจ้าเตรียมตัวไว้มากมายเช่นนี้เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
ท่าทีที่ซูจิ้งมีต่อเหลียงเหอดีกว่าท่าทีที่มีต่อฉู่หลิวเยว่อย่างเห็นได้ชัด
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา
“เสินสื่อลำดับแปด ช่างบังเอิญนัก ที่ข้ามาเก็บกระวานเร้นมังกรครั้งนี้ก็เพราะวางแผนจะหลอมโอสถคงปราณตั้งต้นเช่นกัน”
สิ้นเสียงคำพูด ซูจิ้งกับเหลียงเหอพร้อมใจกันเงียบลงในพริบตา จากนั้นก็ตวัดมองมาด้วยสายตาแปลกประหลาด
ซูจิ้งแค่นหัวเราะอยู่ในใจ ถามพลางเลิกคิ้ว
“อ้อ? เจ้าเป็นเซียนหมอระดับปรมาจารย์หรือ?”
“ไม่ใช่” ฉู่หลิวเยว่ตอบตามสัตย์จริง “ไม่นานมานี้ข้าเพิ่งบุกทะลวงสู่ระดับมหาปรมาจารย์โอสถ”
รอยยิ้มบนหน้าซูจิ้งกว้างกว่าเก่า เหลือเพียงแววเหยียดหยามในดวงตาเท่านั้นที่มีเต็มเปี่ยม
“เช่นนั้นเจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติเก็บกระวานเร้นมังกรกลับไป”
น้ำเสียงของฉู่หลิวเยว่ขึ้นสูงเล็กน้อย
“แล้วเหตุใดเหลียงเหอถึงเก็บไปได้”
ซูจิ้งปรายตามองนางแวบหนึ่ง
“เขาเป็นเซียนหมอระดับปรมาจารย์ เจ้าเป็นหรือไม่เล่า?”
“ก็แปลว่า มีเพียงเซียนหมอระดับปรมาจารย์เท่านั้นที่เก็บกระวานเร้นมังกรไปได้?” ฉู่หลิวเยว่ย้อนถาม
“แน่นอน”
ซูจิ้งพูดจบ ก็เตรียมจะจากไปทันที
“เวลาของเจ้าที่นี่มีจำกัด รีบหาพวกสมุนไพรที่เก็บกลับไปได้ให้เร็วที่สุดเถิด มิเช่นนั้น การมาครั้งนี้ของเจ้าก็นับได้ว่าเสียเปล่าแล้ว”
จู่ๆ ซูจิ้งที่เดินไปได้สองสามก้าวก็ชะงัก แล้วผินกายกลับมา
“จริงสิ ไม่ต้องพยายามใช้วิธีการอื่นเก็บกระวานเร้นมังกรกลับไปหนา ทั่วทุกพื้นที่ของเทือกเขาโอสถล้วนอยู่ในฝ่ามือข้า มีสัญญาณของปัญหาอันใดข้าจะรับรู้ได้ในทันที หากพบว่ามีคนลอบขโมยออกไป ผลลัพธ์ที่ตามมาภายหลังมันร้ายแรงมากรู้ใช่หรือไม่”
เรียวคิ้วดำขลับของฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ เลิกขึ้น สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
เสินสื่อลำดับแปดผู้นี้ช่างพูดจาได้ระคายหูเสียจริง…
เมื่อเห็นว่าซูจิ้งกำลังจะจากไป ฉู่หลิวเยว่พลันเอ่ยขึ้นว่า
“รอเดี๋ยว”
ซูจิ้งรู้สึกหงุดหงิดอยู่หลายส่วน “มีอันใดอีก”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่คลี่วาดเป็นเส้นโค้ง
“ข้ารีบใช้กระวานเร้นมังกรสิ่งนี้มากจริงๆ ในเมื่อเหลียงเหอเองก็คิดจะลองหลอมโอสถปราณตั้งต้น มิสู้พวกเรามาประลองแลกเปลี่ยนวิชากันดูสักรอบ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ต้องขอเชิญเสิ่นสื่อลำดับแปดมาเป็นผู้ตัดสินให้ด้วย หากข้าหลอมยาสำเร็จ ก็สามารถนำโอสถคงปราณตั้งต้นกลับไปได้ แต่ถ้าพ่ายแพ้แล้วละก็ ข้ารับประกันว่าภายภาคหน้าจะไม่เหยียบเข้ามาในเทือกเขาโอสถอีกแม้แต่ครึ่งก้าว ท่านเสินสื่อลำดับแปดคิดเห็นเป็นเช่นไร”