ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2239 ไปดู
ตอนที่ 2239 ไปดู
………………..
พรึ่บ!
เปลวเพลิงสีใสลุกโชนดูดกลืนกลีบดอกสีทองอร่ามกลีบนั้นไปในพริบตา!
กลุ่มคนที่คอยจับตาดูอยู่โดยรอบพลันตกอยู่ในความอลหม่านขนาดย่อม
“นั่นนางเด็ดกระวานเร้นมังกรออกจากกันหรือ?”
”พลังที่สกัดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุดของกระวานเร้นมังกรจะห่อหุ้มอยู่ในเกสรตัวผู้ ทันทีที่เด็ดกลีบดอก พลังในนั้นก็จะรั่วไหลออกมาอย่างรวดเร็ว ขนาดข้าที่ไม่ใช่เซียนหมอยังรู้ว่าจะต้องใช้กระวานเร้นมังกรทั้งต้นในการหลอมยา เหตุใดนางถึงไม่รู้กัน”
“ใครจะไปรู้ว่านางคิดอันใดอยู่ เสียดายที่เมื่อครู่ข้ายังรู้สึกว่านางพอมีความสามารถอยู่บ้าง มาตอนนี้… กลับกลายเป็นคนบ้าบิ่นขลาดเขลาไปเสียแล้ว”
เหลียงเหอที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเงยหน้ามามองรอบหนึ่งเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน
จะอย่างใดนางก็เป็นถึงมหาปรมาจารย์โอสถ พูดตามหลักแล้วไม่น่าทำผิดพลาดแบบนี้ถึงจะถูก…
ทันใดนั้น สายตาของเขาก็แข็งค้าง ในดวงตาปรากฏร่องรอยของแววตื่นตะลึงไหวผ่าน!
เขาเห็นเพียงว่า หลังจากเปลวเพลิงสีใสภายในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ฝั่งตรงข้ามเข้าห่อหุ้มกลีบดอกกลีบนั้นแล้ว มันก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นลูกกลมลูกหนึ่ง ลอยแยกตัวออกมาจากกลุ่มเพลิงด้านล่าง
ลูกเพลิงกลมสีใสลอยเหนืออยู่บนหม้อโอสถพลางแผดเผาอย่างเงียบเชียบ
นี่ยังไม่ใช่จุดที่สำคัญที่สุด
สิ่งที่ทำให้เหลียงเหอรู้สึกเหลือเชื่อที่สุดก็คือ ลูกเพลิงกลมสีใสลูกนั้นดูราวกับกลวงเปล่าก็มิปาน!
กลีบของกระวานเร้นมังกรเปราะบางอย่างมาก เพียงอุณหภูมิสูงเกินไปหน่อยเดียวก็สามารถเผามันจนมอดทันที
แต่เปลวเพลิงห่อหุ้มมันเอาไว้ด้านในมาพักใหญ่แล้ว กลีบดอกกลีบนั้นยังคงอยู่ในสภาพดีเหมือนเก่า
การเปลี่ยนแปลงอย่างเดียวก็คือ บริเวณขอบกลีบของมันม้วนงอกว่าก่อนหน้านี้อยู่บ้าง ราวกับเพราะผ่านการอบด้วยเปลวเพลิงสายนี้
แต่… นี่หาใช่เรื่องไม่ดีไม่ ตรงกันข้าม ยามใช้วิธีการเช่นนี้แล้ว จึงจะสามารถกระตุ้นประสิทธิภาพยาในต้นกระวานเร้นมังกรได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ต่างหาก!
เหลียงเหอมองดูอย่างตกตะลึงจนถึงกับเหม่อลอยไปชั่วขณะ
เขาศึกษาใบสั่งยาของโอสถคงปราณตั้งต้นมานานมากแล้ว แต่ที่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เคยได้ลองลงมือหลอมสักที นั่นก็เพราะเขารู้ว่าการเตรียมกระวานเร้นมังกรนั้นไม่ง่ายเอาเสียเลย
พอมาตอนนี้ ภาพฉากที่ปรากฏตรงหน้ากลับทำให้เขาตื่นรู้ขึ้นมาทันที
…หลอมทั้งหมดในคราวเดียวไม่ได้ มิสู้แบ่งมันออกมาหลอมทีละชิ้น!
หากทำเช่นนี้ต่อไป จะสามารถจดจ่อไปที่พลังกับสารสกัดและเพิ่มอัตราสำเร็จขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
เพียงแต่ว่า…
ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว ท้ายที่สุดจะไม่เป็นการสิ้นเปลืองพลังอันบริสุทธิ์ที่สุดที่กักเก็บอยู่ในเกสรตัวผู้ไปโดยเสียเปล่าหรอกหรือ?
เหลียงเหอสองจิตสองใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายศีรษะ ด้วยรู้สึกว่าวิธีการของฉู่หลิวเยว่ไม่คุ้มค่าที่จะทำเอาเสียเลย
เขาหยิบกระวานเร้นมังกรต้นหนึ่งขึ้นมา แล้วใส่มันลงไปในหม้อต้มโอสถอย่างระมัดระวัง
“พรึ่บ พรึ่บ” !
เปลวเพลิงที่อยู่ใต้การควบคุมของเขาภายในหม้อต้มโอสถแบ่งออกเป็นจำนวนหนึ่ง ก่อนจะเข้าห่อหุ้มกระวานเร้นมังกรไปทั้งต้น
บรรดาฝูงชนต่างพากันประหลาดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“สมกับเป็นเหลียงเหอ เขาควบคุมเปลวเพลิงแทบเรียกได้ว่าไร้ที่ติ!”
“อย่างใดเสียก็เป็นถึงเซียนหมอระดับปรมาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ความเฉียบคมและว่องไวในด้านนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเทียบเทียมได้…”
“เขาบุกทะลวงสู่เซียนหมอระดับปรมาจารย์มาได้สักพักแล้วกระมัง? แม้โอสถคงปราณตั้งต้นจะหลอมออกมาได้ยาก แต่ข้าว่าครั้งนี้เขาคว้าชัยชนะมาได้แน่”
ฟากฉู่หลิวเยว่เพิกเฉยต่อเสียงรอบข้างไปโดยสิ้นเชิง สองตาจับจ้องไปยังหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้า ทั่วทั้งร่างแข็งเกร็ง สภาพจิตใจเรียกได้ว่าประหม่าอย่างมาก
นางมิได้ผ่อนคลายหรือเรียบเฉยอย่างที่แสดงให้บรรดาฝูงชนเห็นจากภายนอก
เพราะตัวนางเองก็ไม่กล้ายืนยันว่าครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่กันแน่
ตั้งแต่หลอมยาอายุวัฒนะระดับมหาปรมาจารย์โอสถที่ทะเลทรายจันทราสีชาดได้สำเร็จเป็นต้นมา นางก็เพิ่งมารู้ตัวภายหลังว่าใบสั่งยาที่ต้าเป่าให้มาก่อนหน้านี้นั้น มีไม่น้อยเลยที่เป็นใบสั่งยาระดับมหาปรมาจารย์โอสถ
หรือก็คือ ตอนที่นางยังไม่ได้บุกทะลวง ก็เรียนเรื่องพวกนี้ผ่านมาก่อนแล้ว
เพียงแต่ก่อนหน้าที่จะบุกทะลวง นางแยกแยะเรื่องระดับพวกนี้ได้ไม่ชัดเจนนัก นี่จึงทำให้นางสับสนอยู่มานานหลายปี
แต่ว่า ทำเช่นนี้ก็มีข้อดีใหญ่หลวงอยู่ข้อหนึ่ง
นี่ทำให้นางเริ่มเติบโตไปได้อย่างรวดเร็วจนน่าตื่นตะลึงหลังจากที่บุกทะลวงผ่านขีดจำกัดของสำนักมาได้
ก่อนหน้านี้นางก็ทำความเข้าใจใบสั่งยาพวกนี้ผสมปนเปกันไป พอตอนนี้ได้บุกทะลวงอย่างเป็นทางการแล้ว คำถามมากมายก็กระจ่างแจ้งอย่างง่ายดาย
มันไม่มีอันใดให้ต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย ตราบที่เหลือบตาอ่านสองสามรอบ ก็จะสามารถเข้าใจได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
และด้วยเหตุนี้นี่เอง นางก็ใช้แรงกายของตัวเองจดจ่ออยู่กับใบสั่งยาระดับปรมาจารย์เซียนหมอไปแล้ว
แม้ก่อนหน้านี้นางจะไม่เคยอ่านใบสั่งยาของโอสถคงปราณตั้งต้นมาก่อน แต่นางกลับคุ้นเคยกับสมุนไพรพวกนี้อย่างมาก สรรพคุณทางยาและวิธีการหลอมสมุนไพรพวกนี้ที่เหมาะสมที่สุด นางก็เรียนรู้พวกมันทั้งหมดมาแล้วอย่างครบถ้วน
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดนางถึงกล้าพนันในการประลองครานี้
เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้วนางยังไม่เคยได้ลองหลอมจริง ดังนั้นจึงแค่ต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้นอย่างมากก็เท่านั้น
นางเคลื่อนไหวโดยไม่ติดขัด ทยอยเด็ดกลีบดอกของกระวานเร้นมังกรต้นนั้นใส่ลงไปในหม้อต้มโอสถอย่างว่องไว
ในไม่ช้า กลีบดอกทุกกลีบก็ถูกลูกเพลิงกลมสีใสลูกเล็กห่อหุ้มเอาไว้
พวกมันลอยสะเปะสะปะอยู่เหนือหม้อต้มโอสถ แต่ละอันแปรเปลี่ยนกลายเป็นลูกโลกใบเล็ก
…
ซูจิ้งเหลือบตามองฟากนั้นแวบหนึ่ง หลังจากเห็นสภาพภายในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ก็พลันตกใจจนต้องนิ่วหน้า
แม้ผู้อื่นจะมองไม่ออก แต่นางกลับเข้าใจว่าจะทำไปถึงขั้นตอนนี้ได้มันยากเย็นมากขนาดไหน
การหลอมกระวานเร้นมังกรทั้งต้นก็ยากมากอยู่แล้ว แต่เด็ดกลีบดอกออกทั้งหมดเช่นนางแล้วหลอมในเวลาเดียวกันก็มิใช่เรื่องง่าย
หากพูดจากมุมนี้แล้ว นี่กลายเป็นเงื่อนไขที่เข้มงวดอย่างมากสำหรับความสามารถในการควบคุมของเซียนหมอ
หากประมาทเลินเล่อเพียงนิดเดียวก็อาจเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นมาได้ทันที
แต่… ฉู่หลิวเยว่กลับไม่มีแม้แต่น้อย
ลูกเพลิงกลมสีใสทั้งหมดในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์กำลังเผาไหม้อย่างเงียบเชียบ คอยรีดเค้นสรรพคุณทางยาในกระวานเร้นมังกรออกมาทีละน้อย
สายตาของซูจิ้งหยุดลงบนดวงหน้าของฉู่หลิวเยว่
ในตอนนี้เอง หน้าผากของนางมีเม็ดเหงื่อผุดซึมออกมา ริมฝีปากหรือก็เม้มเข้าหากัน
เห็นได้ชัดว่าทำเช่นนี้ทำให้นางสูญเสียแรงกายและแรงใจไปมาก
แต่ดวงตาของนางยังคงใสกระจ่างอย่างเดิม เปี่ยมด้วยความหนักแน่นมั่นคงนัก
ราวกับว่า… ยังคงทนต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง
เรียวคิ้วของซูจิ้งขมวดแน่นยิ่งกว่าเก่า
แต่ว่าหากพูดตามจริง ผู้เป็นมหาปรมาจารย์โอสถน่าจะทนไม่ไหวตั้งนานแล้ว แต่เหตุใดฉู่หลิวเยว่ยังคงทำต่อได้เล่า
พอกลับไปมองเหลียงเหอที่อยู่อีกฟาก ตั้งแต่เริ่มจัดการกระวานเร้นมังกร ลมปราณทั่วทั้งร่างของเขาก็ลดความเร็วลงจนเห็นได้ด้วยตาเนื้อ
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ปัญหาก็คือจะยังสามารถยืนหยัดไปจนหลอมโอสถเสร็จสิ้นได้หรือไม่!
…
ตอนที่น้องแปดมาถึงก็ได้เห็นภาพฉากนี้แล้ว
บริเวณโดยรอบมีคนมุงอยู่จำนวนไม่น้อย ซึ่งล้วนแต่เพ่งความสนใจมองไปในทางเดียวกันทั้งสิ้น
“อา รบกวนขอทางหน่อยทุกท่าน…”
อยู่ด้านนอกมองเห็นได้ไม่ชัดเจน น้องแปดจึงคิดจะแทรกตัวไปด้านหน้า
สุรเสียงของนางอ่อนละมุนน่าฟัง ผู้คนไม่น้อยเลยที่หันศีรษะกลับมามอง
ยามเห็นว่าเป็นนาง คนจำนวนมากในที่แห่งนั้นล้วนเผยสีหน้านิ่งอึ้ง รีบกุลีกุจอเปิดทางให้ทันที
น้องแปดเอ่ยขอบคุณแกมหัวเราะพลางย่างก้าวไปด้านหน้าอย่างช้าๆ
ซูจิ้งรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวจากฟากนี้จึงหันมามอง
เมื่อเห็นชัดเจนว่าคนมาใหม่คือน้องแปด สีหน้าของนางพลันทวีความเย็นยะเยือก
“ครั้งก่อนเตือนเจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามเข้าออกเทือกเขาโอสถตามอำเภอใจ?”
น้องแปดคลี่ยิ้ม
“เสินสื่อลำดับแปด ข้าก็ไม่ได้คิดจะเข้าไปนี่! ท่านวางใจเถอะ ข้าน่ะรออยู่ตรงนี้ก็ได้แล้ว!”
สายตาของนางกวาดมองฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ฝั่งนั้นแวบหนึ่งด้วยนัยน์ตาเรืองรอง รอยยิ้มทวีความลึกล้ำ
“ข้าแค่อยากดูว่านายท่านของข้าจะเอาชนะอย่างใด จะมองใกล้มองไกลก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ!”