ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2241 องค์เทพ
ตอนที่ 2241 องค์เทพ
………………..
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาขึ้นไปมองด้านบน
คลื่นกระแสที่กระเพื่อมอยู่บนความว่างเปล่าปกปิดหน้าตาและรูปร่างของเขา จึงพอมองออกได้แค่รางๆ ว่าน่าจะเป็นบุรุษที่รูปร่างค่อนข้างสูงโปร่งผู้หนึ่ง
เขามิได้เดินออกมาจากคลื่นกระแสที่กระเพื่อมขึ้นลง ทั่วทั้งร่างของเขาจึงดูราวกับปกคลุมอยู่ในหมอกมายาอันเลือนรางก็มิปาน
กระทั่งสุ้มเสียงของเขาก็ฟังดูเหมือนแว่วดังมาจากที่ไกลๆ ฟังได้ไม่ถนัดถนี่
”เสินสื่อลำดับแปด ตอนนี้เจ้ามองว่าเทือกเขาโอสถทั้งลูกเป็นสมบัติส่วนตัวไปแล้วหรือไร?”
สุรเสียงนั้นเย็นยะเยือกและเรียบนิ่ง ทว่ากลับแฝงไว้ซึ่งแรงกดดันอันหนักหน่วง
ทุกๆ คำล้วนราวกับก้อนหินหนักอึ้งที่ร่วงลงมาทับจนหายใจไม่ออก
ซูจิ้งที่ตกอยู่ในสภาพหนังหน้าไฟถึงกับหน้าซีดขาวลงทั้งอย่างนั้น
ทันใดนั้นนางก็ก้มศีรษะลง ในน้ำเสียงแฝงแววตื่นตระหนกอยู่จางๆ
“ซูจิ้งมิกล้า!”
ผู้คนทั้งหมดที่อยู่โดยรอบต่างยืนกลั้นหายใจ เงียบสงัดเสียจนสามารถได้ยินเสียงแซ่กแซ่กของใบไม้ยามมีสายลมพัดผ่าน
ในตอนนั้นประหนึ่งพื้นที่ว่างขนาดใหญ่ล้วนกำลังแข็งตัวไปอย่างใดอย่างนั้น!
ฉู่หลิวเยว่คิ้วกระตุก
คนผู้นี้คือใครกัน ถึงได้ทำให้เสินสื่อลำดับแปดผู้สูงศักดิ์เช่นซูจิ้งอ่อนน้อมได้ขนาดนี้ กระทั่งว่า… ค่อนข้างหวาดกลัวและยำเกรงด้วยซ้ำ?
คนผู้นั้นเอ่ยต่อว่า
“มิกล้า? แล้วเจ้ากล้าพูดหรือไม่ว่าเรื่องขบขันเหลวไหลในวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเจ้าใช้ตำแหน่งของตัวเองได้โดยไร้ยางอาย”
ซูจิ้งตื่นตะลึง เพิ่งตระหนักได้ว่าที่อีกฝ่ายมาที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้!
แต่…
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นแค่เซียนหมอสองคนมาประลองฝีมือกัน เหมือนกับพวกละครที่มักเกิดขึ้นในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์บ่อยๆ ก็ไม่ได้นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อันใดนี่นา
ความคิดในหัวของซูจิ้งแล่นพล่านออกมามากมายนับไม่ถ้วนจนวุ่นวายหาสิ่งใดเปรียบ แต่คิดให้ตายอย่างใดก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
นางเม้มริมฝีปาก เอ่ยแก้ต่างให้ตัวเองว่า
“ท่าทางท่านจะเข้าใจบางอย่างผิดไป เรื่องในวันนี้สาเหตุหลักเป็นเพราะซั่งกวนเยว่คิดจะเก็บกระวานเร้นมังกร แต่หนึ่งคือนางไม่ใช่เซียนหมอระดับปรมาจารย์ สองคือไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีก็ย่อมไม่ได้รับอนุญาตให้มาเก็บสมุนไพรระดับนี้ไปอยู่แล้ว ข้าโน้มน้าวหลายต่อหลายรอบ นางก็ยังคงดื้อรั้นไม่เปลี่ยน สุดท้ายนางจึงยื่นข้อเสนอมาว่าอยากประลองร่วมกับเหลียงเหอ…”
ความหมายของคำพูดนี้คือ ต้นเหตุของเรื่องนี้ทั้งหมดก็คือฉู่หลิวเยว่
“นางจะใช้ก็ให้นางเก็บไป เหตุใดเจ้าต้องจงใจทำเรื่องให้มันยากเช่นนี้ด้วย”
อีกฝ่ายเอ่ยตัดบทนาง
ซูจิ้งขมวดคิ้ว “นี่…ข้าไม่ได้จงใจทำให้เรื่องมันยากแก่นาง พวกนี้ก็แค่จัดการไปตามกฎเท่านั้น ข้า…”
“กฎ?”
คนผู้นั้นราวกับหัวเราะออกมาคำรบหนึ่ง
“กฎของใคร?”
ซูจิ้งพลันตอบโต้ไม่ออก ริมฝีปากสั่นระริก ทั่วทั้งกายห่อหุ้มไปด้วยไอเย็นเยียบ
นางรับผิดชอบดูแลเทือกเขาโอสถมาหลายปี และแต่ไหนแต่ไรมามันก็ล้วนแต่ดำเนินไปตามกฎที่นางตั้งขึ้น
เริ่มแรกนางยังคงรู้สึกกระดากใจอยู่บ้าง ทว่าหลังจากดูจะไม่มีคนมาสนใจเรื่องพวกนี้ นางก็ค่อยๆ วางใจ
เซียนหมอนับไม่ถ้วนในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ต่างสุภาพอ่อนน้อมต่อนาง ตราบใดที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับยอดเขาโอสถ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนาง
ครั้นเวลาผ่านไป ก็ยากจะหลีกเลี่ยงความลำพองใจ
จนกระทั่งทุกวันนี้ กฎยิ่งทวีความเข้มงวด เทือกเขาโอสถจึงกลายเป็นที่ที่ขึ้นตรงกับคำพูดของนาง
แต่อย่างใดนางก็คาดไม่ถึงว่า ท่านผู้นั้นจะเลือกมาคิดบัญชีกับนางเอาวันนี้?
“หลายหมื่นปีก่อน เทือกเขาโอสถแห่งนี้เข้าออกได้ตามใจ แต่เจ้ากลับตัดสินใจด้วยตัวเอง ใช้ข้อห้ามทั้งหลายมาจำกัดคนเข้าออกเทือกเขาโอสถ เดิมสมควรรับโทษ! นับแต่วันนี้เป็นต้นไป กฎพวกนั้นของเจ้าถูกยกเลิก!”
ซูจิ้งแสบร้อนไปทั้งหน้าราวกับประเคนฝ่ามือตบฉาดสองสามทีเข้าที่ใบหน้าต่อหน้าธารกำนัลก็มิปาน!
ต่อหน้าผู้คนมากมายปานนี้ นี่เป็นการไม่ไว้หน้านางเลยแม้แต่นิดเดียว
บรรดาฝูงชนที่อยู่โดยรอบยังคงเงียบกริบเหมือนเดิม ครั้นได้ยินคำพูดนี้ต่างก็ลอบส่งสายตากันไปมา
เสินสื่อลำดับแปดไปยั่วโมโหท่านผู้นั้นเข้าอย่างนั้นหรือ
แต่หลายปีมานี้ก็ดำเนินเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร เหตุใดจู่ๆ วันนี้ถึงได้…
“หลังจากนี้ ไม่ว่าใครต้องการมาที่เทือกเขาโอสถล้วนเข้าออกได้ตามสบาย อยากได้สมุนไพรชนิดใดก็เก็บไปได้ตามใจ ไม่มีข้อจำกัด เสินสื่อลำดับแปด จำเอาไว้ เจ้ารับผิดชอบดูแลเทือกเขาโอสถ ไม่ได้แปลว่ามีอำนาจควบคุมเทือกเขาโอสถ!”
ซูจิ้งสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง เดิมดวงหน้าที่สง่างามและเย็นชาบัดนี้กลับขาวซีดไปทั้งหน้า
สองมือของนางกำเข้าหากันแน่น สุดท้ายก็สาวเท้าไปด้านหน้าก้าวหนึ่งอย่างอดรนทนไม่ไหว
“แต่ว่าไม่มีกฎเกณฑ์ก็มิอาจทำสิ่งใดสำเร็จ ข้าเองก็ทำเพื่อตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์…”
“เจ้าเป็นแค่เสินสื่อ ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ต้องการความกังวลของเจ้า”
สุ้มเสียงนั้นเรียบเฉย
“องค์เทพตรัสไว้ว่า หากเจ้าไม่อยากเป็นเสินสื่อลำดับแปดแล้ว มีคนมาทำแทนเจ้าได้”
ซูจิ้งรู้สึกเหมือนโดนตีกลางแสกหน้า สองขาอ่อนแรงจนเกือบจะทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นอยู่รอมร่อ
ไม่มีประโยคไหนมีพลังทำลายล้างเท่าประโยคนี้แล้ว!
บรรดาฝูงชนที่อยู่โดยรอบเองก็ตกตะลึงพรึงเพริด ต่างพากันพรูลมหายใจหนาวเหน็บ
นี่คือประสงค์ขององค์เทพ!?
ท่าทางว่าครานี้ท่านผู้นั้นเอาจริงแล้วสินะ?
มาตักเตือนกันเช่นนี้ ย่อมมิใช่เรื่องล้อเล่นแน่นอน
เมื่อไรก็ตามที่ซูจิ้งกระทำความผิดอีก ตำแหน่งเสินสื่อลำดับแปดก็อาจมีการเปลี่ยนมือ!
นางได้เป็นเสินสื่อลำดับแปดมาหลายหมื่นปีแล้ว นับว่ามีประสบการณ์ลึกล้ำ
“เจ้า เจ้าค่ะ…”
ซูจิ้งไม่กล้าพูดอันใดมากอีก ชายเสื้อคลุมในมือทั้งสองถูกกำแน่น นิ้วโป้งที่ได้รับการตัดแต่งเล็บอย่างดีจิกเข้าไปในฝ่ามือ สร้างความเจ็บปวดให้นางยิ่ง
เงาร่างร่างนั้นค่อยๆ สลายหายไป พื้นที่ว่างกลับมาสงบเงียบดังเดิมในไม่ช้า
ทว่าตอนนี้ในใจของบรรดาฝูงชนทั้งในและนอกเทือกเขาโอสถกลับมีคลื่นโหมสาดซัดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง!
หลังจากตกอยู่ในความเงียบงันไปครู่หนึ่ง ก็มีคนหมุนกายจากไป
เมื่อมีคนหนึ่งนำ คนอื่นก็รีบตามไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้น เดิมกลุ่มคนที่รวมตัวกันอย่างคึกคักก็แยกย้ายกันไปอย่างเงียบเชียบเช่นนี้
…
ฉู่หลิวเยว่กวาดตามองรอบๆ ราวกับกำลังจมดิ่งลงไปในความคิด
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ล้วนรู้ถึงการมีอยู่ของท่าน “องค์เทพ” ผู้นั้น ทั้งยังหวาดกลัวและยำเกรงเขาอย่างมาก
ซึ่งหลังจากคนผู้นั้นจากไปแล้ว คนที่อยู่โดยรอบเหล่านี้ก็ไม่ได้พูดอันใดมากความ ต่างก็รีบแยกย้ายกันไปอย่างเงียบเชียบ
กระทั่งจะพูดคุยเกี่ยวกับท่านผู้นั้น พวกเขาล้วนไม่กล้าพูดมากด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบใดกันแน่…
หรือว่าจะเป็นประมุขของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์?
แต่นั่นก็ดูจะไม่ใช่…
นางครุ่นคิดอยู่นานก็คิดไม่ตก แต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีในการถามเรื่องพวกนี้ จึงทำได้แค่รอไปไขปริศนาในภายหลัง
“ท่านเสินสื่อ”
นางตะโกนไปทางซูจิ้งพลางขึ้นเสียงน้อยๆ
“คืนโอสถคงปราณตั้นต้นเม็ดนั้นของข้ากลับมาให้ข้าได้หรือไม่”
ตราบที่ผู้ชมมิใช่คนตาบอด ก็ล้วนมองออกว่าการประลองครานี้นางเป็นผู้ชนะ
ในเมื่อตอนนี้ปัญหาใหญ่ที่สุดคลี่คลายลงแล้ว เช่นนั้นความเห็นของซูจิ้งก็ไม่ได้สำคัญอันใดอีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้กระทั่งซูจิ้งเองยังเอาตัวแทบไม่รอดด้วยซ้ำ
ซูจิ้งเบนสายตากลับมา ค่อยๆ หมุนกายไปมองฉู่หลิวเยว่
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สะบัดข้อมือคราหนึ่ง เหวี่ยงกล่องหยกส่งไปให้
น้องแปดทะยานเข้ามาอย่างสบายอารมณ์ นางมองซ้ายมองขวาพลางบิดขี้เกียจ
“เฮ้อ…ทิวทัศน์ในเทือกเขาโอสถนี่แตกต่างจริงๆ กระทั่งอากาศยังหอมหวานกว่าด้านนอกนัก ตอนแรกคิดว่าต่อจากนี้ข้าจะไม่มีโอกาสได้เข้ามาอีก ไหนเลยจะรู้ว่าเรื่องราวบนโลกจะพลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือ”
สีหน้าของซูจิ้งเผยแววดำคล้ำจางๆ อยู่หลายส่วน
น้องแปดเอามือกอดอก นิ้วมือเคาะใต้คางขาวเนียนเบาๆ พลางเอ่ยอย่างเนิบนาบว่า
“ท่านเสินสื่อ ก่อนหน้านี้ที่ข้าเดาว่านายท่านข้าจะชนะ ตอนนี้ท่านจะยอมเชื่อหรือยังเล่า?”