ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2242 ไม่ช้าก็เร็ว
ตอนที่ 2242 ไม่ช้าก็เร็ว
………………..
ซูจิ้งไม่ได้พูดอันใดออกมาแม้แต่คำเดียว นางหมุนกายจากไปทันที
ความเร็วของนางว่องไวอย่างมาก ในไม่ช้านางก็หายวับไปหลังยอดเขาที่ไกลออกไป
ดูแล้ว คงคิดจะหลีกหนีจากความอับอายขายขี้หน้าเป็นแน่
“หึ”
น้องแปดยักไหล่
“พอคนอื่นมาพูดความจริงกับนาง นางก็ไม่ฟัง ก็คิดว่าจะเก่งกาจมากเสียอีก มาดูตอนนี้สิ ก็ไม่ได้เก่งเท่าไรเลยนี่นา!”
ฉู่หลิวเยว่จัดการเก็บโอสถคงปราณตั้งต้นลงไป
“พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองรู้สึกลำบากใจเพราะคนเช่นนี้เลย พวกเราไปกันเถอะ”
น้องแปดกะพริบดวงตามากเสน่ห์คราหนึ่ง ก่อนจะรีบเคลื่อนตัวเข้าใกล้ยังด้านหน้า
“นายท่าน ท่านว่าองค์เทพผู้นี้เป็นใครกันแน่ ทำให้กระทั่งซูจิ้งกลัวจนหัวหดได้ปานนี้เชียว?”
อีกฝ่ายไม่ได้มาด้วยตัวเองด้วยซ้ำ แค่ส่งคนมาบอกคำเดียวก็ทำเอาซูจิ้งสั่นสะท้านด้วยความกลัวแล้ว
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงน้อยๆ พลางส่ายศีรษะ
“ไม่รู้สิ แต่ว่า…สามารถปลดซูจิ้งออกจากตำแหน่งเสินสื่อลำดับแปดได้ ชัดเจนเลยว่าตำแหน่งของเขาต้องสูงส่งมากแน่”
“จริงด้วย! นายท่าน เมื่อครู่ข้าได้ยินคนที่อยู่ข้างๆ ข้าพูดว่า ตั้งแต่ซูจิ้งได้ขึ้นสู่ตำแหน่งเสิ่นสื่อลำดับแปด ก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่ปกครองเทือกเขาโอสถมาหลายหมื่นปีแล้ว องค์เทพผู้นั้นไม่เห็นจะเคยสนใจอันใด พอมาวันนี้ไม่รู้เหตุใด จู่ๆ ก็เคลื่อนไหวเสียอย่างนั้น ท่านว่า…นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่? จะเป็นเพราะรู้ว่าท่านถูกซูจิ้งทำให้ลำบากใจเลยจงใจมาช่วยหรือเปล่า”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“เจ้าก็ช่างคิดได้”
นางเพิ่งมาถึงตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นานนัก อย่าว่าแต่ได้พบแล้ว กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามขององค์เทพผู้นั้นก็เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ
“นายท่าน ข้าไม่ได้พูดไปเรื่อยนะ ท่านลองนึกดูว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการเคลื่อนไหวอันใด พอท่านเข้ามาเทือกเขาโอสถเป็นครั้งแรกก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นเลย นี่ออกจะบังเอิญไปหน่อยกระมัง? ความจริงแล้วไม่ใช่แค่ข้า แต่ข้าเห็นคนอื่นเองก็น่าจะคิดแบบนี้อยู่ไม่น้อยหนา!”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ข้าว่าองค์เทพผู้นั้นคงไม่พอใจในตัวซูจิ้งมานานแล้ว วันนี้สบโอกาสเข้าพอดีจึงลงมือ”
น้องแปดตกตะลึง พึมพำเสียงเบาว่า
“นั่นก็จริง…”
พอพูดแบบนี้แล้ว ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง
นางมีนิสัยเรียบง่ายสบายๆ มาแต่ไหนแต่ไร เพียงเดี๋ยวเดียวก็โยนเรื่องนี้เก็บลงคลังสมองไป
“นายท่าน ท่านบุกทะลวงสู่เซียนหมอระดับปรมาจารย์ตั้งแต่เมื่อไรกัน เหตุใดก่อนหน้านี้ข้าไม่เห็นรู้เลย”
“เมื่อครู่นี่เอง เหตุใดหรือ”
“…ช่างเถอะ ถือเสียว่าข้าไม่ได้ถามอันใดไปแล้วกัน”
น้องแปดโบกมือเป็นเชิงยอมแพ้สุดใจ
ก่อนหน้านี้ที่พี่ใหญ่คอยเร่งให้นางรีบบุกทะลวงสู่เซียนหมอระดับปรมาจารย์มาตลอดนั้น นางไม่ได้ใส่ใจมากนัก
ใครจะรู้ว่าพริบตาเดียว นายท่านของตัวเองจะบุกทะลวงกันแบบนี้เล่า!
อีกอย่าง เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ แบบนั้นมันเหมาะหรือ
เป็นคนเหมือนกัน เหตุใดช่องว่างระหว่างกันถึงได้ใหญ่ขนาดนี้หนอ
น้องแปดลอบกัดฟันกรอด
หลังจากกลับไป นางเองก็ต้องขยันแบบจริงจังแล้ว
มิเช่นนั้นภายหลังจะกลายเป็นที่อับอายแก่นายท่านมิใช่หรือไร?
“ช้าก่อนทั้งสองท่าน!”
สุ้มเสียงของเหลียงเหอดังแว่วมาจากด้านหลังของคนทั้งสอง
ฝีเท้าของฉู่หลิวเยว่หยุดชะงัก ก่อนหันไปมองตามต้นเสียง
สายตาของเหลียงเหอกวาดมองดูน้องแปดแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปประสานมือคารวะแก่ฉู่หลิวเยว่ด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนอยู่ไม่น้อย
“ทักษะการหลอมโอสถของแม่นางซั่งกวนโดดเด่นยิ่ง ผู้แซ่เหลียงรู้สึกนับถือนัก”
ก่อนหน้านี้เขาเพียงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่มหาปรมาจารย์โอสถ ไม่มีทางเทียบเคียงเขาได้ ใครจะไปรู้ว่าผู้แพ้ในท้ายที่สุดกลับกลายเป็นตัวเขาเอง
ฉู่หลิวเยว่ไม่เพียงแต่บุกทะลวงสู่เซียนหมอระดับปรมาจารย์เท่านั้น ขนาดลองหลอมโอสถครั้งแรก ยังหลอมโอสถคงปราณตั้งต้นออกมาได้สำเร็จ
ความสามารถและพรสวรรค์เช่นนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่ตัวเขายังมิอาจเทียบเทียมได้
คำว่า “นับถือ” คำนี้ เขาพูดมันออกมาด้วยน้ำใสใจจริง
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเป็นเชิงไม่ถือสา
“คุณชายเหลียงเกรงใจเกินไปแล้ว ความจริงวันนี้ข้าก็มาเพื่อเก็บกระวานเร้นมังกร ถึงได้ยื่นข้อเสนอท้าประลองออกไป หวังว่าคุณชายเหลียงจะไม่ติดใจเอาความ”
“ไม่ ไม่เลย!”
เหลียงเหอรีบโบกมือทันที
“ได้แลกเปลี่ยนวิชากับแม่นางซั่งกวนครั้งนี้ ผู้แซ่เหลียงได้รับประโยชน์กลับไปหลายอย่างทีเดียว”
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้รู้ว่ากระวานเร้นมังกรสามารถใช้หลอมแบบนี้ได้!
แต่ว่าเขาเองก็เข้าใจดีว่าเงื่อนไขนี้มันสูงมากขนาดไหนสำหรับเซียนหมอ กระทั่งความสามารถของเขาในตอนนี้เองก็พอเดาได้ว่าจัดการลำบากอย่างมากเช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่ผงกศีรษะรับ
แท้จริงแล้วนางก็ไม่ได้มีปัญหาอันใดกับตัวเหลียงเหอ
เทียบกับซูจิ้งแล้ว ท่าทีของเขานับได้ว่าดีมากแล้ว
แน่นอนว่านางก็รู้ว่าการที่ท่าทีของเขาดีเช่นนี้มีเหตุผลส่วนใหญ่มาจากน้องแปดด้วยส่วนหนึ่ง
แต่น้องแปดไม่ได้สนใจอันใดในตัวเขา
“รอเดี๋ยว! ความจริง ความจริงแล้วผู้แซ่เหลียงยังมีบางอย่างอยากจะพูด”
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองน้องแปด แล้วกล่าวอย่างจริงใจและติดจะประหม่าอยู่หลายส่วน
“แม่นางแปด ผู้แซ่เหลียง…”
น้องแปดถอนหายใจออกมาคำรบหนึ่ง
หรือว่าที่นางพูดไปก่อนหน้านี้ยังชัดเจนไม่พออีก?
นางไม่ได้สนใจในตัวเขาเลยจริงๆ หนา!
“ฟังนะคุณชายเหลียง ไม่รู้เจ้าเคยได้ยินประโยคนี้มาก่อนหรือไม่ ‘ลูกแตงที่รีบเก็บนั้นไม่หวานหอม’ ข้าชัดเจนขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะคิดอย่างใดอีก”
เหลียงเหอไม่คิดว่านางจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ จึงถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ
“ข้า…ข้าแค่คิดว่า…”
“เจ้าเลิกคิดเลย ข้ามีคนที่ชอบแล้ว”
น้องแปดตัดบทเขาอย่างไร้เยื่อใย
ฉู่หลิวเยว่ปรายตามองนางแวบหนึ่ง ครั้นเห็นว่าหางตาของนางอมยิ้ม สีหน้าสบายอารมณ์ ก็กลืนคำพูดในลำคอลงไป
สีหน้าของเหลียงเหอพลันซีดเผือดลงอยู่บ้าง ทว่าจู่ๆ ก็บังเกิดแววไม่ยินยอมขึ้นมาหลายส่วน
“มิทราบว่าแม่นางแปดชอบพอผู้ใด คนในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์หรือ?”
“ไม่ใช่”
“เช่นนั้น…แม่นางแปด คำพูดของข้าอาจจะระคายหูไปบ้าง แต่ล้วนออกมาจากใจจริง แม่นางเช่นเจ้า คนธรรมดามิอาจเทียบเคียงได้ แม้ผู้แซ่เหลียงเองจะมีข้อบกพร่องหลายอย่าง แต่ในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็นับว่าอยู่ในระดับโดดเด่น แม่นางแปด…”
น้องแปดกะพริบตาปริบๆ
“ดูท่าคุณชายเหลียงจะชอบพอตัวข้ามากจริงๆ สินะ?”
เหลียงเหอประสานมือ
“ด้วยความสัตย์จริง”
“มิสู้ให้ข้ารับเจ้าไปเป็นอนุดีหรือไม่? ตำแหน่งฟูจวินใหญ่น่ะเจ้าเป็นไม่ได้อยู่แล้ว แต่เห็นเจ้ามีพรสวรรค์ด้านเซียนหมอที่ไม่เลว งั้นให้เจ้าเป็นฟูจวินรองก็แล้วกัน เป็นอย่างใด?”
เหลียงเหอพลันตกตะลึงพรึงเพริดพลางเบิกตาโพลง
“มะมะมะแม่นางแปด จะ…เจ้าพูดอัน…อันใด?”
น้องแปดยักไหล่ด้วยท่าทีเสียอกเสียใจอย่างมาก
“เจ้าก็ได้ยินหมดแล้วไม่ใช่หรือไร? เฮ้อ บรรดาสามีรูปงามที่ไม่ชอบการผูกมัดในใต้หล้ามีไม่น้อยเลยจริงๆ จะคนไหนข้าก็ทำใจจากไม่ลงทั้งนั้น หากคุณชายเหลียงยินยอมลดตัวลงมา…ข้าก็ใช่ว่าจะให้โอกาสเจ้าไม่ได้”
พี่ใหญ่พูดแล้วว่าอนุญาตให้นางรับคนมาเป็นสามีได้!
ในที่สุดเหลียงเหอก็ได้สติว่านางกำลังพูดอันใด ชั่วขณะลมปราณและโลหิตพลันสูบฉีด อารมณ์ของเขารุนแรงขึ้นมาทันใด
ผ่านไปพักใหญ่ ท้ายที่สุดเขาก็สะบัดชายเสื้อคลุม
“ต่อให้แม่นางแปดจะดูแคลนผู้แซ่เหลียง ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้อับอายกันถึงปานนี้! ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ถือเสียว่าผู้แซ่เหลียงหน้ามืดตามัวไป! นับแต่นี้ ผู้แซ่เหลียงไม่ขอข้องเกี่ยวด้วยอีกเป็นอันขาด!”
พูดจบ เขาก็จากไปอย่างฉุนเฉียว
ฉู่หลิวเยว่ปรายตามองแวบหนึ่ง
“ชิ เจ้านี่ก็ช่างยั่วโมโหคนจริง จะอย่างใดเขาก็เป็นถึงเซียนหมอระดับปรมาจารย์ที่อายุน้อยสุดในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ถูกเจ้ายั่วโมโหจนหนีไปแบบนี้ ไม่รู้จะถูกคนปล่อยข่าวลือแบบใดออกมา…”
น้องแปดคลี่ยิ้มพลางขยับเข้าไปใกล้
“นายท่าน ตอนนี้เซียนหมอระดับปรมาจารย์ที่อายุน้อยสุดก็คือท่านไม่ใช่หรือไร เขาโกรธก็โกรธไป สำคัญอันใดด้วยหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะแกมยิ้มอย่างจนใจ ก่อนจะลากนางให้มุ่งหน้ากลับไปด้วยกัน
“ไม่ช้าก็เร็วต้องมีคนมารักษาเจ้าแน่!”