ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2249 ลำแสงของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 2249 ลำแสงของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
………………..
ฉู่หลิวเยว่เดินออกไปพลางครุ่นคิด
ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่นี้นั้นปรากฏขึ้นในสมองของนางอย่างต่อเนื่อง จนทำให้นางรู้สึกมึนงงสับสน
ภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่มีคนมากมายตั้งขนาดนั้น เหตุใดจึงมีเพียงหนานจิ่นซูและจวินจิ่วชิงที่สามารถเข้าไปในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ได้โดยตรง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพรสวรรค์ ความแข็งแกร่ง คุณสมบัติ และเรื่องอื่นๆ ใช่ว่าจะไม่มีคนอื่นแข็งแกร่งกว่าพวกเขา
แต่จิ้นอวิ๋นไหล่กลับคัดเลือกเพียงพวกเขาสองคนนี้เท่านั้น…
ทันใดนั้น หัวใจของนางก็สั่นไหว
หรงซิวเคยพูดเอาไว้ว่า ตำแหน่งของตระกูลหนานและตระกูลอี้อยู่สูงกว่าตระกูลอันดับหนึ่งภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่
นั่นเป็นเพราะทั้งสองตระกูลเคยติดตามบุคคลผู้หนึ่งมา
และบุคคลผู้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับสงครามของเหล่าเทพที่สุสานสังหารเทพเมื่อหลายหมื่นปีก่อนหน้านี้ด้วย
ก่อนหน้านี้นางไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้มากนัก แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ตัวตนของบุคคลคนนั้นน่าจะมีความสำคัญมากเลยทีเดียว
หรือว่าคนผู้นั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์?
ไม่อย่างนั้นแล้วละก็ จิ้นอวิ๋นไหล่ไม่มีทางปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยท่าทางเช่นนี้เด็ดขาด
ฟิ้ว…
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งแหวกอากาศออกมา!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นไปมองทันที จากนั้นก็เห็นลำแสงแวววับพุ่งตัวออกมาจากพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ และมุ่งหน้ามาทางนี้!
รูม่านตาของนางหดเล็กลง หัวใจเต้นกระหน่ำขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เพราะลำแสงที่ส่องประกาย…เหมือนกับลำแสงบนโล่ผสานนภาไม่มีผิด!
นางสามารถคาดเดาอันใดบางอย่างได้แทบจะในทันที
ลำแสงนั้นจะต้องมาจากจัตุรัสหยกดำภายในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์แน่นอน
ในขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวนั้นก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนจำนวนมากที่อยู่ภายในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์
คนจำนวนไม่น้อยมองตามไปยังทิศทางที่ลำแสงเหล่านั้นวิ่งผ่าน
“จะมีสมบัติศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นบนโลกอีกแล้วหรือ?”
“ไม่รู้ว่าครั้งนี้ใครเป็นคนหลอม…”
“ยังจะเป็นใครได้เล่า? ปรมาจารย์หลอมอาวุธระดับสูงที่อยู่ภายในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ดูจากทิศทางนั้นแล้ว น่าจะเป็น…ข่งชิงหลินเสียแปดส่วน เขาทะลวงด่านช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์มาได้หลายปีแล้ว ตอนนี้ถึงคราวที่จะเลื่อนขึ้นไปอีกขั้นละมั้ง”
“ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็ยังเป็นตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้น แต่มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว…หากคิดจะหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง!”
…
ความคิดเห็นทุกประเภทดังเข้าสู่ภายในโสตประสาทของฉู่หลิวเยว่ ทำให้นางขมวดคิ้วขึ้นมา
สิ่งที่พวกเขาพูดหมายความว่าอย่างใด?
ก่อนหน้านี้จะหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ง่ายมาก แต่ตอนนี้ยากมากใช่หรือไม่?
สิ่งที่กล่าวถึงตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ความจริงแล้วน่าจะหมายถึงจัตุรัสหยกดำแห่งนั้นมากกว่า
เพราะว่ามันคือตัวกำหนดว่าจะสามารถหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จหรือไม่!
หรือบางที…การเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโล่ผสานนภาด้วย
ภายใต้การคาดเดาของนาง เมื่อนางเดินตามทิศทางของลำแสงนั้น ในที่สุดนางก็มาถึงเรือนแห่งหนึ่ง
ภายในเรือนนั้น มีสิ่งของที่ใช้หลอมอาวุธวางกองระเกะระกะเต็มไปหมด
แต่ตอนที่ฉู่หลิวเยว่มองไปอย่างละเอียด นางถึงได้พบว่าสถานที่แห่งนี้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อซ่อนอยู่หลายชิ้นเลยทีเดียว
สำหรับคนภายนอกอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อล้ำค่าเป็นอย่างมาก แต่สำหรับคนที่นี่มันเป็นเหมือนกับขยะชิ้นหนึ่ง ที่เขาโยนทิ้งและสุมกองรวมกับวัตถุชนิดอื่นๆ
นางแค่เหลือบสายตาไปมอง นางก็เห็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งราชากองกระจัดกระจายอยู่
นางกลั้นลมหายใจ
แต่สำหรับชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่กลางลานบ้าน เหมือนว่าเขาจะไม่สนใจสิ่งของเหล่านี้เลย
ตอนนั้นเขามองระฆังที่อยู่ในมือด้วยความตื่นเต้นยินดี
ระฆังนั้นมีขนาดเท่ากับฝ่ามือ ทำมาจากทองสัมฤทธิ์ รอบกายของมันนั้นมีแสงสีฟ้าจางๆ ประกายออกมา
ด้านบนสลักลายเส้นแปลกประหลาด อีกทั้งยังสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากตัวของมันด้วย
“ฮ่าๆ ! ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว!”
น้ำเสียงของชายวัยกลางคนคนนั้นเต็มไปด้วยความปลื้มปิติยินดีอย่างปิดบังไม่มิด
มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ กว่าเขาจะมีวันนี้ เขาจะต้องเพียรพยายามมามากแค่ไหน!
คนที่อยู่รอบข้างก็รีบพุ่งตัวเข้ามาหา แต่พวกเขาล้วนหยุดอยู่ที่ด้านนอกเรือน ไม่ได้ขยับเข้าไปใกล้กว่านี้
“ยินดีด้วยพี่ข่ง! พี่สามารถหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว หลังจากนี้พี่คือช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริงแล้ว!”
“ใช่แล้ว! ข้ารู้มาตั้งนานแล้วว่าพี่ข่งเป็นคนที่มีพรสวรรค์ หากพี่ตั้งใจทำงานอย่างหนัก สักวันหนึ่งมันจะต้องสำเร็จแน่นอน แล้วตอนนี้ทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด!”
“พี่ข่ง หลังจากนี้ข้าจะต้องพึ่งพาพี่อีกเยอะแล้ว!”
ไม่ว่าทุกคนจะคิดอย่างใด แต่ใบหน้าของพวกเขายังเต็มไปด้วยความเกรงอกเกรงใจ
ภายในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ คนที่อยู่ในตำแหน่งช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์นับว่ามีฐานะสูงมาก ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ชีวิตของข่งชิงหลินก็นับว่าเป็นช่วงขาขึ้นจริงๆ
ข่งชิงหลินหัวเราะเสียงดัง
“ขอบคุณทุกท่านมาก!”
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองระฆังในมือของเขาครู่หนึ่ง
นางรู้สึกคุ้นเคยกับ…ลมปราณนั้นมาก
“เยว่เออร์ เหตุใดเจ้าก็อยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
เสียงนั้นดังขึ้นที่ข้างหูของนาง
“ตั้งแต่ที่ข้าสัมผัสได้ว่าที่แห่งนี้จะมีคนสามารถหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ ข้าก็รีบมาอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่งแล้ว แต่เจ้าสิ เมื่อครู่นี้เพิ่งกลับมาจากร้านเจินเป่าเก๋อไม่ใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจได้ในทันที
องค์ปฐมกษัตริย์ศึกษาการหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋ออยู่ตลอดเวลา เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวของทางนี้ หากเขารีบมาก็เป็นเรื่องปกติแล้ว
นางพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่นางบังเอิญเจอตระกูลหนานและตระกูลอี้ที่ประตูสวรรค์เมื่อครู่นี้
“เดิมทีข้าคิดว่าจะเดินทางกลับแล้ว แต่ระหว่างทางกลับสังเกตเห็นถึงความเคลื่อนไหว ดังนั้นจึงรีบติดตามมา”
นางชะงักไปเล็กน้อยแล้วถามว่า
“องค์ไท่จู่ เมื่อครู่นี้ท่านเห็นอันใดหรือไม่?”
ซั่งกวนจิ้งพยักหน้า แต่ก็ส่ายหน้า
“ต้องบอกก่อนว่า ข้าก็สามารถสังเกตเห็นถึงช่องทาง แต่รายละเอียดนั้น…เกรงว่ามันจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก”
“ท่านหมายถึง…”
“เมื่อครู่นี้เจ้าเห็นถึงลำแสงนั้นแล้วสินะ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ลำแสงนั้นออกมาจากตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกว่า ตอนที่หลอมอาวุธนั้นเหมือนกับขาดอันใดบางอย่างไป ในตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ข้าขาดลำแสงที่ว่านั่น”
แววตาขององค์ปฐมกษัตริย์เปล่งประกายขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ลดเสียงลงต่ำ
“ลำแสงนั้น มีลมปราณที่ใกล้เคียงกับโล่ของเจ้าเป็นอย่างมาก”
ไม่เพียงแค่คล้ายคลึงเท่านั้น แต่มันเหมือนกันอย่างกับแกะ
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย ภายในใจจมอยู่ในห้วงความคิด
“เพียงแต่ ต่อให้รู้เรื่องเหล่านี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าดูคนที่อยู่ด้านข้างเจ้านั่นสิ เขาก็เป็นช่างหลอมอาวุธระดับปรมาจารย์คิดว่าพวกเขาไม่อยากจะทะลวงด่านหรืออย่างใด? แต่ประเด็นสำคัญคือ เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น”
ซั่งกวนจิ้งถอนหายใจออกมา
“แม้ข้าจะเห็นว่าเขาสามารถหลอมสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างใด แต่หากให้ข้าเป็นคนทำเอง ข้าก็ไม่อาจทำได้สำเร็จ”
ตอนนี้สิ่งที่เขายังไม่รู้ก็คือ เขาจะสามารถอัญเชิญลำแสงนั้นมาได้อย่างใด
แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน
“พี่ข่ง หลังจากที่พี่เข้าไปในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์แล้ว พี่ก็รอข้าด้วยล่ะ”
ข่งชิงหลินหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป
จากนั้นนางก็หันมองคนที่อยู่ไม่ไกลแล้วถามขึ้นว่า
“ข้าขอถามหน่อยสิว่า หลังจากที่ทะลวงด่านช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วก็จะสามารถเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างนั้นหรือ?”
เดิมทีชายคนนั้นก็รู้สึกหมดความอดทนเล็กน้อย เขาจึงหันหน้ากลับมา แต่เหมือนเห็นว่าอีกฝ่ายคือฉู่หลิวเยว่ เขาจึงมีสีหน้าตกใจไปหลายส่วน
“ซั่งกวนเยว่?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
จากนั้นท่าทางของชายคนนั้นก็ดีขึ้นมาก ก่อนพูดว่า
“เรื่องนี้น่ะหรือ พวกเจ้าเพิ่งมาถึงคงยังไม่รู้ ช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์!”
 
                                         
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
		 
         
                                     
                                     
                                     
                                     
		 
		 
		 
		