ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2252 มีเรื่องอันใดหรือ
ตอนที่ 2252 มีเรื่องอันใดหรือ
………………..
นางเดินมาถึงปลายสะพานเงินอย่างรวดเร็ว
เมื่อยืนอยู่ตรงนั้นก็จะเห็นสะพานเงินที่จมลงทะเลสีครามอย่างรวดเร็ว และมีแสงสีเงินที่ส่องประกายลงมา
แต่ลึกลงไปนั้นก็มองไม่เห็นอันใดแล้ว
นางกวาดสายตามองรอบข้าง คลื่นทะเลเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่อาจคาดเดาได้
ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกับตอนที่นางมาถึงไม่มีผิดเพี้ยน
ถ้าไม่ใช่เพราะการเคลื่อนไหวเมื่อครู่นี้ ไม่ว่าอย่างใดนางก็คิดไม่ถึงว่า ผู้อาวุโสลำดับห้าอาจจะถูกกักขังอยู่ด้านใต้นี้!
คำถามจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นภายในหัวใจของนาง ทำให้นางรู้สึกมึนงงสับสน
นางคิดมาโดยตลอดว่า ตู๋กูโม่เป่าและคนอื่นๆ จะต้องถูกขังอยู่ในสถานที่แห่งใดแห่งหนึ่ง แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เหมือนว่าจะไม่ใช่เช่นนั้น
ต่อให้ต้องการจะแยกพวกเขาทั้งสามคนออกจากกัน แต่ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นจะต้องแยกกันด้วยระยะห่างที่ไกลกันขนาดนี้?
แล้วอีกอย่าง พื้นทะเลแห่งนี้อันตรายมากขนาดไหน ก่อนหน้านี้นางก็เคยสัมผัสมาแล้ว
หากผู้แข็งแกร่งระดับเทพขั้นสูงตกลงไป ภายในระยะเวลาสั้นๆ แม้แต่กระดูกก็ยังไม่เหลือ
ผู้อาวุโสลำดับห้าอยู่ด้านล่าง อีกทั้งยังได้รับความกดดันและทรมานอย่างใดบ้าง?
นางแค่ได้ยินจากเสียงก็สามารถรู้ได้แล้วว่าเขาจะต้องได้รับความเจ็บปวดทรมานมากแน่นอน
คนอย่างผู้อาวุโสลำดับห้า ถ้าไม่ใช่เพราะทนไม่ไหวจริงๆ เขาไม่มีทางทำเช่นนี้เด็ดขาด
หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นไหว นางสัมผัสได้เพียงความเย็นยะเยือกที่ปกคลุมร่างกาย
หลังจากผ่านไปนาน เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และระงับความคิดทั้งหมดลง
ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม ตอนนี้นางรู้แล้วว่าผู้อาวุโสลำดับห้าถูกขังอยู่ใต้ท้องทะเลแห่งนี้ ซึ่งนั่นเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์อย่างมาก
แต่ในตอนนี้นางไม่สามารถทำอันใดที่บุ่มบ่ามได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงมองไปรอบๆ อย่างเชื่องช้า
จากนั้นนางก็สะกิดปลายเท้าเล็กน้อย ก่อนมุ่งหน้าไปสู่อีกฝั่งหนึ่งของท้องทะเล
คนจำนวนไม่น้อยที่มองเห็นดังนั้นก็รู้สึกตกใจ
ยังมีบางกลุ่มที่เดินขึ้นมาด้านหน้า แล้วต้องการจะถามคำถามบางอย่าง
“นายท่านเยว่…”
“ข้ามีเรื่องด่วนต้องขอตัวก่อน”
ฉู่หลิวเยว่พูดประโยคหนึ่งทิ้งท้าย จากนั้นก็รีบจากไปทันที
ความเร็วของนางสูงมาก เพียงครู่เดียวนางก็หายตัวไปในท่ามกลางความมืด
ทุกคนต่างมองหน้ากัน
คาดไม่ถึงว่านางจะออกมาจากพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์โดยตรงแบบนี้?
คนจำนวนมากมายพยายามจะเข้าไปถาม แต่นางไม่ได้เข้าถึงง่ายขนาดนั้น
ทุกคนปฏิกิริยาตอบสนองที่แตกต่างกัน แต่ช่วยไม่ได้ พวกเขาจึงครุ่นคิดต่อไปว่าพวกเขาจะต้องข้ามทะเลแห่งนี้ไปได้อย่างใด
…
ฉู่หลิวเยว่ใช้เวลาสั้นกว่าตอนที่ขามา
ด้านหนึ่งเพราะนางรู้จักเส้นทางแล้ว ดังนั้นการเดินทางคนเดียวจึงมีประสิทธิภาพมากกว่า ส่วนอีกด้านหนึ่ง เพราะความแข็งแกร่งของนางในปัจจุบันนี้ได้เพิ่มสูงขึ้นแล้ว
นางใช้ความเร็วสูงที่สุดมุ่งหน้ามาที่ท่าเรือดอกท้อ
…
“นายท่าน ฮูหยินออกจากประตูสวรรค์มาแล้ว น่าจะใช้เวลาไม่นานก็สามารถมาถึงท่าเรือดอกท้อได้แล้ว”
อวี๋มั่วเดินเข้าใกล้ท้องพระโรง จากนั้นก็ทำความเคารพ ก่อนพบว่าหรงซิวเปลี่ยนชุดเป็นสีขาวดั่งหิมะแล้ว
เขาชะงักไป
“นายท่าน นี่ท่านกำลัง…จะกลับไปแล้วหรือ?”
หรงซิวพยักหน้า
หากจวินจิ่วชิงฉวยโอกาสนี้ทำอันใดบางอย่าง…
หรงซิวพับแขนเสื้อขึ้น แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบว่า
“เขาคงไม่คิดจะทำอันใดตามใจภายในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้น…”
คิ้วดาบของเขายกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเย่อหยิ่งสูงส่ง เหมือนมีม่านหมอกปกคลุมหนึ่งชั้น
“ข้าไม่ได้เดินทางกับเยว่เออร์นานแล้ว”
ทันทีที่สิ้นเสียง ในที่สุดเปลวเพลิงสีดำในดวงตาซ้ายก็ดับมอดไป
ในขณะเดียวกันแสงสีทองในดวงตาขวาก็จางหายไป
ดวงตาของเขาลึกล้ำคู่นั้น กลับมากระจ่างใสเช่นเดิม
“แม้จะมีเฉินอีอยู่ ฝั่งทางนั้นคงไม่เกิดเรื่อง แต่เจ้าดูแลทางนี้ก็คงสามารถดูแลได้ระดับหนึ่ง หากมีคนของนางก่อกบฏ เจ้าก็จัดการไป ไม่จำเป็นต้องมารายงานซ้ำ”
อวี๋มั่วตอบรับทันที
“ขอรับ!”
แต่เขาก็นึกถึงอันใดบางสิ่งขึ้นมาได้ ก่อนถามขึ้นอย่างลังเลว่า
“แต่หากเป็นเสินสื่อ…”
ดวงตาของหรงซิวมีประกายราบเรียบ
“ใครจะทำหน้าที่เสินสื่อก็ได้เหมือนกันทั้งนั้น”
หัวใจของอวี๋มั่วสั่นสะท้าน
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว!”
…
ฉู่หลิวเยว่กลับมาที่ท่าเรือดอกท้อด้วยความรวดเร็ว
นางยังไม่ทันได้เดินเข้าไปที่จวนเยว่ แต่ซานซานที่ได้ข่าวมาก่อนก็รีบออกมาต้อนรับ
แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องชะงักไป จากนั้นก็หันไปมองที่ด้านหลังของฉู่หลิวเยว่
“นายท่าน พวกพี่ใหญ่ล่ะขอรับ?”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นอย่างกระชับได้ใจความ
“พวกเขายังอยู่ในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ ครั้งนี้มีเพียงข้าคนเดียวที่กลับมา”
นางเดินไปด้วยพูดไปด้วย
“ผู้อาวุโสถังเคอและท่านซูเล่า?”
ซานซานรีบตอบว่า “ทั้งสองท่านอยู่ที่ผาธารใส!”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักฝีเท้าไปชั่วคราว
“เหตุใดถึงอยู่ที่นั่น?”
“เพราะว่า…ทั้งสองท่านกำลังหลอมอาวุธอยู่ขอรับ!” เมื่อพูดจบ ตอนนั้นก็ซานซานดึงสติกลับคืนมาได้ “ท่านไม่รู้หรอกว่า ตั้งแต่ที่ท่านจากไป ผู้อาวุโสทั้งสองท่านก็หลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งจุนเจ๋อออกมาเป็นจำนวนมาก! อีกทั้งยังมีปรมาจารย์หลอมอาวุธจำนวนมากที่ติดตามมา ผู้อาวุโสทั้งสองพูดว่า ไม่ว่าอย่างใดก็ว่างๆ อยู่แล้ว ถ้าเช่นนั้นก็ไปขอหาความสนุกด้วยกันดีกว่า”
ฉู่หลิวเยว่ “…”
ความคิดของช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ …
“เจ้าไปเชิญทั้งสองท่านกลับมาที่นี่ที ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษากับพวกเขา…ช่างเถอะ ข้าไปด้วยตัวเองดีกว่า”
ซานซานมีใบหน้ามึนงง
เรื่องอันใดกันที่ทำให้นางรีบร้อนขนาดนี้
ในตอนนั้นเอง น้ำเสียงอ่อนโยนอบอุ่นก็ดังขึ้นที่ข้างหู
“เสี่ยวเยว่เออร์ เจ้ากำลังตามหาข้าอยู่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมอง จากนั้นก็พบว่าซูหลีกำลังยืนอยู่ไม่ไกล และในอ้อมแขนของผู้อาวุโสถังเคอก็มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่หลายชิ้น และกำลังเดินตามนางมาอยู่
ดูท่าทางแล้ว เหมือนทั้งสองคนเพิ่งหลอมอาวุธเสร็จกลับมา
ฉู่หลิวเยว่สาวเท้าขึ้นไปหา
“ผู้อาวุโสถังเคอ ท่านซู”
นางมองไปทางซูหลี
“ท่านซูที่ข้ากลับมาครั้งนี้ เพราะอยากจะเชิญพวกท่านทั้งสองไปที่พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน ข้ามีเรื่องขอความช่วยเหลือจากท่าน”
“ช่วยเหลือ?”
“พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์?”
ซูหลีและถังเคอพูดออกมาพร้อมกัน ใบหน้าประดับความประหลาดใจ
ฉู่หลิวเยว่ก็มองเขาด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
“ผู้อาวุโสถังเคอ ท่านมีเรื่องอันใดหรือ?”