ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2261 คืนให้เจ้า
ตอนที่ 2261 คืนให้เจ้า
………………..
จิ้นอวิ๋นไหล่เอนตัวพิงเก้าอี้
“เรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ไปขอพบเขาเรื่องอันใด เขาก็ไม่ให้เจ้าพบอยู่แล้ว”
ชูจิ้งขมวดคิ้ว
“ข้ารู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว แต่จู่ๆ ข้าก็นึกเรื่องอันใดบางอย่างได้ เสินสื่อลำดับที่หนึ่งไม่ปรากฏตัวมาหลายปีแล้ว และที่ผ่านมานี้ พระราชวังมายาสวรรค์มีเรื่องต้องจัดการมากมาย เขาล้วนมอบงานให้กับเสินสื่อลำดับที่สองจัดการ เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกหรือ?”
จิ้นอวิ๋นไหล่ขมวดคิ้วขึ้น
“มีอันใดประหลาดกัน เสินสื่อลำดับที่หนึ่งมีหน้าที่ที่สำคัญที่สุด เขามีความจงรักภักดีต่อพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์เสมอมา เรื่องเล็กๆ ยิบย่อยเหล่านั้นก็มอบหมายให้กับคนต่ำกว่าดูแล นั่นก็เป็นเรื่องปกติแล้วไม่ใช่หรือ? เจ้าคิดว่าทุกคนจะเหมือนเจ้าหรืออย่างใดที่ต้องการจะควบคุมอำนาจทุกอย่างอยู่ในมือของตัวเอง?”
คำพูดเหล่านั้นเสียดแทงหัวใจมาก จนชูจิ้งมีสีหน้าย่ำแย่
แต่จิ้นอวิ๋นไหล่มีฐานะสูงกว่านาง ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็พูดความจริง นางจึงไม่มีอันใดให้โต้เถียง
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วระงับโทสะที่อยู่ภายในใจลง
“หากเป็นวันปกติก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้ประตูสวรรค์เปิดแล้ว เสินสื่อลำดับที่หนึ่งก็ยังไม่ปรากฏตัวมา เรื่องนี้มันไม่สมเหตุสมผลมาก”
นางเชิดคางขึ้นเล็กน้อย
“ที่ข้าอยากจะถามก็คือ รายชื่อเหล่านี้ เจ้าเคยส่งไปให้เสินสื่อลำดับที่หนึ่งดูแล้วใช่หรือไม่?”
จิ้นอวิ๋นไหล่หรี่ตาลงเล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้เสินสื่อลำดับที่หนึ่งได้สั่งการเอาไว้แล้วว่า เรื่องเหล่านี้มอบหมายให้เสินสื่อลำดับที่สองเป็นผู้รับผิดชอบ”
“เรื่องอื่นๆ เขาล้วนไม่เก็บมาใส่ใจ แต่มันก็ไม่มีอันใดหรอก รายชื่อเหล่านี้…เป็นเรื่องที่สำคัญมาก คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่อ่านมันแม้แต่น้อยเลยหรือ? อย่างน้อย เขาก็ไม่เคยถามสักครั้งเลยหรือ?”
ห้องนั้นตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่
จิ้นอวิ๋นไหล่ค่อยๆ หยัดกายมานั่งหลังตรง
“ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะพูดอันใด แต่ข้าเพียงคิดว่าเรื่องนี้มันมีอันใดแปลกประหลาดไป แล้วอีกอย่าง ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เสินสื่อลำดับที่หกกลับมา ข้าได้ยินมาว่ากายเนื้อของเขาถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปิดด่านฝึกเพื่อพักฟื้นตัว คนผู้นั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์มาก แล้วเขาจะเสียเปรียบได้อย่างใด?”
จิ้นอวิ๋นไหล่ไม่ได้อันใด
ความสัมพันธ์ระหว่างเสินสื่อนั้นไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมเท่าที่ควร เวลาส่วนใหญ่แล้ว พวกเขาก็ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองไปเท่านั้น
บางครั้ง เขาอาจจะไม่ได้เจอกันเป็นปีเลยก็ได้
เขากับชูจิ้งนับว่าไปมาหาสู่กันค่อนข้างบ่อย
ชูจิ้งกดเสียงลงต่ำเล็กน้อย ในแววตามีประกายแสงสว่างวาบ
“ข้ารู้ว่าเสินสื่อลำดับที่หกมีคำสั่งให้ออกไปด้านนอก และการที่เขากลับมาในครั้งนี้ก็เป็นคำอนุญาตของใครบางคน แต่…มีข่าวลือบอกว่า ความจริงแล้วเสินสื่อลำดับที่หนึ่งออกจากพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ไปเมื่อหลายปีก่อน และเพิ่งกลับมาไม่นานนี้…”
“ข่าวลือ?”
จิ้นอวิ๋นไหล่หลุดหัวเราะออกมา
“เรื่องแบบนี้ไม่มีหลักฐาน ทางที่ดีที่สุดเจ้าก็พูดให้หน่อยลงหน่อย แล้วอีกอย่างเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเสินสื่อลำดับที่หนึ่ง ต้องระวังคำพูดและการกระทำให้ดี ชูจิ้ง อย่าโทษว่าข้าไม่เตือนเจ้า เจ้าอย่ามือยื่นมือยาว ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจจะตายโดยไม่รู้ตัว”
ชูจิ้งยังไม่ยินยอม “แต่…”
“ถ้าเจ้าอยากรู้จริงๆ เจ้าก็ไปขอเข้าพบเสินสื่อลำดับที่หนึ่งอีกครั้ง ไปถามเขาต่อหน้าเลย หากเป็นเช่นนี้ความจริงก็จะถูกเปิดเผยแล้ว ยังมีข่าวลืออันใดน่าเชื่อถือไปกว่าคำอธิบายของเจ้าตัวอีก? แล้วอีกอย่างก็จะไปขอคำแนะนำจากเสินสื่อลำดับที่สอง ข้าไม่ห้าม”
แต่ข้าก็ไม่ขอเข้าไปยุ่งด้วย
ชูจิ้งมองท่าทางยืนหยัดหนักแน่นของเขา แล้วขบฟันแน่น
โฮก…
เสียงคำรามหนึ่งดังขึ้นที่ด้านนอกประตูอย่างกะทันหัน
ทั้งสองคนตกใจสะดุ้งเฮือก แล้วหันกลับไปมองโดยพร้อมเพรียง
ดวงตาสีน้ำเงินเหมือนน้ำแข็งจ้องมองมาทางนี้ ท่าทางเย็นชาไม่แยแส แต่ทว่าเฉียบคมอย่างถึงที่สุด
เมื่อหันไปมองทั้งสองคน ก็เลียกงเล็บของตัวเอง ในแววตามีประกายดูถูก
ทั้งสองคนที่อยู่ภายในห้องเห็นดังนั้นก็รู้สึกตกใจมาก แล้วหันกลับมามองหน้ากัน
สัตว์อสูรขององค์เทพเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
แล้วเมื่อครู่นี้เขากำลังพูดถึง…
มือทั้งสองข้างของชูจิ้งกำแน่นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ริมฝีปากซีดขาว
น้อยครั้งมากที่สิงโตขาวตัวนี้จะเดินทางมาที่นี่ แล้วเหตุใดวันนี้มันถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ล่ะ?
นางรีบอธิบายขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
“ข้า…”
โฮก…
นางยังไม่ทันได้พูดอันใด แต่สิงโตขาวตัวนั้นก็ถอนสายตากลับแล้ว มันหมุนตัวแล้วเดินจากไปในทันที
ความเร็วของมันสูงมาก เพียงชั่วพริบตาเดียวเงาร่างของมันก็ลับสายตาไปแล้ว
จิ้นอวิ๋นไหล่เหมือนนึกอันใดบางอย่างได้ขึ้นมาจึงหันกลับมาถามว่า
“เมื่อครู่นี้มันมาจากทางไหนหรือ?”
ชูจิ้งชะงักไป
“ข้าไม่ทันได้สังเกตมีอันใดหรือไม่?”
จิ้นอวิ๋นไหล่กำหมัดกรอด
“ถ้าข้ามองเห็นไม่ผิด มันมาจากทางที่พักของเสินสื่อลำดับที่หนึ่ง”
“เป็นไปได้อย่างใด?”
ชูจิ้งเถียงกลับขึ้นมาทันที
ที่แห่งนี้คือฐานที่มั่นของเขา เขาไม่มีทางสัมผัสผิดพลาดแน่นอน
ทิศทางนั้น มีเพียงแค่ที่พักของเสินสื่อลำดับที่หนึ่งเท่านั้น
มันน่าจะมาจากทางนั้น
แต่มันไปทำอันใดที่นั่นนั้น?
“ข้าอาจจะมองผิดไป”
จิ้นอวิ๋นไหล่ปิดบานหน้าต่างลง
“เจ้ากลับไปเถอะ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเสินสื่อลำดับที่หนึ่งก็หยุดไว้แค่นั้นแหละ แต่ถ้าเจ้าอยากรู้จริงๆ เจ้าก็รู้ว่าควรจะต้องไปถามใคร”
เมื่อพูดจบ เขาก็นั่งลงที่ตำแหน่งเดิม และทำท่าส่งแขก
ชูจิ้งกัดฟันกรอด ในที่สุดนางก็ยอมกลับไป
…
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ ก็เดินทางมาถึงบริเวณทะเลอีกครั้งแล้ว
ครั้งนี้คนร่วมเดินทางเยอะกว่าเดิม
นอกจากซูหลีและหรงซิวที่นางต้องการจะเชิญมาตั้งแต่ครั้งแรก ก็ยังมีมู่หงอวี่และเจี่ยนเฟิงฉือ รวมถึงเยี่ยนชิงด้วย
แม้กระทั่งถังเคอที่บอกว่าจะต้องทำธุระให้เสร็จก่อนก็ยังติดตามมาพร้อมกัน
ตอนที่ทุกคนมาถึง บริเวณชายฝั่งก็มีผู้คนยืนอยู่มากมาย มากกว่าตอนที่ฉู่หลิวเยว่จากมาเสียอีก
ตั้งแต่วันที่ประตูสวรรค์เปิด ผู้แข็งแกร่งภายในอาณาจักรเสิ่นซวี่ก็ทยอยเดินทางมาที่นี่
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่พาเฉินอีและคนอื่นๆ มาที่นี่ก็ถือว่าเป็นกลุ่มคนกลุ่มแรกๆ
แต่ตอนนี้เมื่อเวลาผ่านไป คนที่มาจึงมีจำนวนมากขึ้น
เพราะว่ามีประสบการณ์ก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นการเดินทางครั้งนี้จึงราบรื่นมาก
นอกจากมู่หงอวี่ เจี่ยนเฟิงฉือ และซูหลีที่อยู่ในระดับเทพขั้นสูงจะตามไม่ค่อยทันแล้ว คนอื่นๆ ก็ล้วนอยู่ในระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
แม้กระทั่งบนท้องฟ้านางก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ดังนั้นพื้นที่ตรงหน้าจึงไม่เป็นปัญหาเลย
สุดท้ายก็มีเพียงแค่เจี่ยนเฟิงฉือคนเดียว
เมื่อมองไปยังคลื่นทะเลที่ปั่นป่วนและแรงกดดันตรงหน้า เขาก็คว้าข้อมือของมู่หงอวี่เอาไว้ทันทีโดยไม่คิด
มู่หงอวี่เงยหน้ามองเขา
เจี่ยนเฟิงฉือกระแอมไอหนึ่งเสียง
“พาข้าไปด้วย แล้วข้าจะคืนพันธสัญญาให้”
เดิมทีมู่หงอวี่ยังมีท่าทางลังเลเล็กน้อย แต่ทันทีที่นางได้ยินดังนั้น นางก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล
“ตกลง!”
ฉู่หลิวเยว่มองหน้าเขาด้วยความสงสัย
จากที่นางรู้จักเจี่ยนเฟิงฉือ อีกฝ่ายไม่ใช่คนตรงไปตรงมาอย่างนี้…
แต่ในตอนนั้นเองก็มีฝ่ามือที่อบอุ่นเข้ามากุมมือของนางเอาไว้
“เยว่เออร์ ไปกันเถอะ”
หรงซิวเงยหน้าขึ้นมองสะพานสีเงินแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น”