ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2262 องค์เทพต้องการจะดูบันทึกเข้าแดนเทพ
ตอนที่ 2262 องค์เทพต้องการจะดูบันทึกเข้าแดนเทพ
………………..
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของประตูสวรรค์ จิ้นอวิ๋นไหล่ก็ยืนขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก
แต่ตอนที่เขามาถึงหน้าประตู เขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
ความว่างเปล่าที่กลางเรือนมีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้น
ท่ามกลางระลอกคลื่นมีเงาร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้น
“เสินสื่อลำดับที่เจ็ด”
เมื่อเห็นคนที่มาใหม่ จิ้นอวิ๋นไหล่ก็มีสีหน้าตกใจ
“ใต้เท้าอวี๋มั่ว? ท่านมาที่นี่ได้อย่างใด?”
ปกติแล้วคนพวกนี้จะติดตามองค์เทพ น้อยครั้งมากที่จะเปิดเผยหน้าตา และน้อยครั้งมากที่จะมาที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดวันนี้เขาถึงมาที่นี่ได้
อวี๋มั่วมองรายชื่อที่อยู่ในมือของเขา
“องค์เทพต้องการดูบันทึกเข้าแดนเทพ”
จิ้นอวิ๋นไหล่ตกตะลึงมาก
“ตอนนี้หรือ?”
อวี๋มั่วเลิกคิ้วขึ้น
“เหตุใด ไม่ได้หรือ?”
“ไม่ใช่แน่นอน!”
จิ้นอวิ๋นไหล่รีบปฏิเสธทันที เขายังรู้สึกประหลาดใจกับคำสั่งที่มาอย่างกะทันหันขององค์เทพ
เล่มนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งของของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว
โดยพื้นฐานแล้วพันปีองค์เทพพลิกอ่านหนึ่งครั้ง
หากครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้ว องค์เทพก็ไม่ได้พลิกดูรายชื่อเหล่านี้มานานมากแล้ว
แต่ก่อนหน้านี้ประตูสวรรค์ยังไม่ได้เปิด และนี่เป็นการเปิดประตูสวรรค์ครั้งแรก
“ขอเพียงมีคนมาถึงประตูสวรรค์ ข้าก็ต้องลงบันทึกพวกเขา…”
“เสินสื่อลำดับที่เจ็ด”
อวี๋มั่วพูดตัดบทเขา จากนั้นก็ยิ้มออกมา
“ปกติแล้วองค์เทพไม่ได้มีอารมณ์จะมาสนใจ ดังนั้นเจ้าควรแยกแยะหนักเบาให้ได้”
หัวใจของจิ้นอวิ๋นไหล่เต้นกระหน่ำอย่างรุนแรง พร้อมส่งบันทึกรายชื่อให้ทันทีโดยไม่ลังเลอีกต่อไป
“ใต้เท้าอวี๋มั่วพูดได้ถูกต้อง บันทึกเข้าแดนเทพอยู่ที่นี่แล้ว ท่านได้โปรดตรวจสอบ”
อวี๋มั่วยกมือขึ้น บันทึกเข้าแดนเทพและขนนกสีทองคำชาดก็ลอยขึ้นเบาๆ ก่อนวางลงบนกลางฝ่ามือของเขา
“หากเสินสื่อลำดับที่เจ็ดยังรู้สึกไม่วางใจ ข้าสามารถทำงานแทนได้ ข้าจะไปที่ประตูสวรรค์เพื่อลงทะเบียนให้คนกลุ่มหนึ่ง จากนั้นก็นำบันทึกเล่มนี้กลับไปมอบให้กับองค์เทพ”
จิ้นอวิ๋นไหล่ลังเลเล็กน้อย
“ข้า…เกรงว่ามันจะทำให้ท่านลำบาก…”
“ก็แค่เขียนชื่อใหม่ไม่กี่ชื่อ มีอันใดลำบากกัน อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว หรือว่าเสินสื่อลำดับที่เจ็ดไม่เชื่อใจข้าอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่กล้า”
จิ้นอวิ๋นไหล่ก้มศีรษะลงเล็กน้อย
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น บันทึกเข้าแดนเทพเล่มนี้ก็ต้องขอมอบให้ท่านแล้ว”
ใบหน้าของอวี๋มั่วมีรอยยิ้มภาคภูมิใจปรากฏขึ้นหลายส่วน
“ถ้าอย่างนั้นเสินสื่อลำดับที่เจ็ดก็พักผ่อนก่อนเถอะ หลังจากองค์เทพอ่านเสร็จแล้ว ข้าจะนำกลับมาคืน”
จิ้นอวิ๋นไหล่ตอบกลับหนึ่งคำ
เงาร่างของอวี๋มั่ววูบไหว แล้วหายตัวไปจากที่เดิมด้วยความรวดเร็ว
ตอนที่จิ้นอวิ๋นไหล่เงยหน้าขึ้นมา ในแววตาของเขามีประกายสงสัยปรากฏออกมา
บันทึกเข้าแดนเทพจะอ่านตอนไหนไม่อ่าน แต่เหตุใดต้องเลือกช่วงเวลานี้ด้วย
เขาครุ่นคิด จากนั้นก็มองไปทางประตูสวรรค์
แน่นอนว่าเมื่ออยู่ที่นี่เขาไม่สามารถมองเห็นอันใดได้อย่างชัดเจน แต่ว่าเขาก็มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลประตูสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงสามารถสัมผัสได้ถึงม่านพลังนั้นอยู่เสมอ
หลังจากนั้นไม่นาน ระลอกคลื่นที่คุ้นเคยก็ปรากฏออกมา
“ซั่งกวนเยว่?”
เขาพูดพึมพำหนึ่งประโยค
“กลับมาเร็วจริงๆ”
และคาดว่าคนที่เดินทางมากับนางนั้น คือ ช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ที่นางพูดถึงก่อนหน้านี้
และดูไปแล้ว เหมือนว่าจะมีคนเพิ่มขึ้นอีกหลายคน
นางอาจจะนำลูกน้องหรือคนที่สนิทคุ้นเคยเดินทางมาด้วย
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามเรื่องแบบนี้ นางไม่ได้ทำเป็นครั้งแรกเสียหน่อย
จิ้นอวิ๋นไหล่ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ถอนสายตากลับมา ก่อนส่ายหน้า แล้วเดินกลับเข้าไปในเรือน
เหมือนที่นี่ไม่มีอันใดให้ดู
…
บริเวณประตูสวรรค์
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้ามาภายในประตูสวรรค์
หรงซิวตามมาด้านหลังอย่างใกล้ชิด ตอนที่กำลังเข้าใกล้ม่านพลัง เหนือม่านพลังนั้นก็มีระรอกคลื่นปรากฏขึ้น
พรึ่บ…
แรงกดดันแผ่กระจายออกมาอย่างแผ่วเบา กั้นผู้คนเอาไว้ที่ด้านนอก
เขาหยุดมือ แล้วถอนตัวกลับ
ฉู่หลิวเยว่เห็นดังนั้นก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอันใด ดังนั้นจึงอธิบายว่า
“น่าจะเป็นเพราะพวกเรายังไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ดังนั้นจึงถูกขวางเอาไว้ด้านนอก อีกเดี๋ยวเสินสื่อลำดับที่เจ็ดก็คงมาที่นี่แล้ว หลังจากลงชื่อก็สามารถเข้าไปด้านในได้แล้วล่ะ”
ขณะที่พูด นางก็หันกลับไปมองยังเส้นทางแห่งดวงดาว
น่าแปลก ปกติแล้วจิ้นอวิ๋นไหล่มาถึงที่นี่เร็วมาก แต่เหตุใดครั้งนี้ถึงไม่เห็นใครเลยล่ะ?
หรงซิวพยักหน้าเบาๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็รอไปก่อน”
ซูหลีและคนอื่นๆ ก็พยักหน้า
พวกเขามาถึงที่นี่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องรีบร้อน
ในขณะนั้น ทางด้านหลังของฉู่หลิวเยว่ก็มีระลอกคลื่นหนึ่งปรากฏขึ้น
นางหันกลับไปมองอย่างตั้งใจ
เงาร่างที่เลือนรางปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกเขา
ภายในระลอกคลื่นนั้นมีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น
“ขณะนี้เสินสื่อลำดับที่เจ็ดไม่สะดวกมาที่นี่ ดังนั้นข้าจะเป็นคนรับผิดชอบลงชื่อให้พวกเจ้าเอง”
ตอนที่เห็นเค้าโครงร่างของอีกฝ่าย ฉู่หลิวเยว่ก็สามารถคาดเดาถึงตัวตนของเขาได้แล้ว และยิ่งได้ยินเสียง นางก็ยิ่งมั่นใจ
…คนผู้นี้จะต้องเป็นผู้ชายที่ปรากฏตัวบนยอดเขาโอสถในวันนั้นแน่นอน! ตามข่าวลือบอกว่าเขาเป็นใต้เท้าที่อยู่ข้างกายขององค์เทพ
ตอนที่นางกำลังพูดขึ้น ผู้ชายคนนั้นก็ยกมือขึ้นมาแล้ว
พรึ่บ!
ขนนกสีทองคำชาดลอยขึ้นจากกลางฝ่ามือของเขา ก่อนพุ่งตัวไปที่ระหว่างคิ้วของหรงซิว พร้อมกวาดมันเบาๆ
สัญลักษณ์พระราชวังเมฆาสวรรค์ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
คนผู้นั้นถามชื่อถามแซ่ จากนั้นก็เปิดม่านพลัง
หรงซิวสาวเท้าแล้วเดินเข้าไปในประตูสวรรค์
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
รวดเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?
แต่เดิมทีหรงซิวก็มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ หากสามารถเข้ามาได้อย่างราบรื่นก็เหมือนว่าจะไม่มีอันใดน่าสงสัย
คนที่อยู่ด้านหลังทยอยเดินตามกันขึ้นมา
เจี่ยนเฟิงฉือ มู่หงอวี่ และซูหลี ล้วนไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์
เดิมทีฉู่หลิวเยว่คิดว่าคนเหล่านี้น่าจะเข้ามาได้ยาก เขาเพียงแค่ส่งถวนซิ่นจื่อออกไปสองสามเส้น และยังไม่ทันได้พูดอันใดมากก็ปล่อยให้เขาเข้ามาได้โดยตรงแล้ว
ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเค่อ พวกเขาทั้งหมดก็ผ่านประตูสวรรค์เข้ามาแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจมาก ก่อนหันไปมองผู้ชายคนนั้น
น่าเสียดายที่รูปร่างหน้าตาของชายคนนั้นพร่าเลือนอยู่ในกลุ่มแสง จนไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
พรึ่บ
เสียงปิดสมุดรายชื่อดังขึ้น
“กฎของพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ คนในกลุ่มของพวกเจ้ารู้เรื่องนี้ดีแล้ว ดังนั้นข้าจะไม่พูดอันใดมากอีก”
จากนั้นชายคนนั้นก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
เจี่ยนเฟิงฉือหันมองทางฉู่หลิวเยว่
“พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เหมือนว่า…ก็ไม่ได้เข้ายากไม่ใช่หรือ?”
มู่หงอวี่ยื่นมือออกมา
“เอาพันธสัญญามา!”