ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2263 เข้าตำหนัก
ดวงตาดอกท้อของเจี่ยนเฟิงฉือเต็มไปด้วยความงดงาม
เขาสะบัดนิ้วเรียว จากนั้นกระดาษแผ่นหนึ่งก็ปรากฏเหนือปลายนิ้วของเขา
“จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นด้วยหรือ คุณชายอย่างข้าให้คำสัญญาแล้ว ไม่มีทางผิดตามคำพูดเด็ดขาด”
มู่หงอวี่หยิบกระดาษแผ่นนั้นมา ก่อนอ่านอย่างละเอียด สายตาของนางชะงักไปเล็กน้อย
“พันธสัญญาแผ่นนี้ไม่ถูกต้อง! เหตุใดด้านบนถึงไม่มีลายนิ้วมือของข้าอยู่?”
หากมองผ่านๆ ก็คิดว่าพันธสัญญาแผ่นนี้ไม่มีอันใดผิดปกติ แต่กลับไม่มีสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างลายนิ้วมือของนาง
เจี่ยนเฟิงฉือโบกพัดเล็กน้อย
“อ่า แผ่นนั้นน่ะหรือ ตอนที่ข้าไม่มีอันใดทำ ข้าก็เลยคัดลอกมันขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่มีลายนิ้วมือของเจ้าอยู่แล้ว”
มู่หงอวี่ “…เจ้าพูดว่าอันใดนะ?”
นางกัดฟันกรอด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลมโต จ้องมองที่ตาเขม็ง
เจี่ยนเฟิงฉือก้าวถอยหลังไปอย่างรู้ทัน
“อะแฮ่ม ตอนที่ข้าพูดว่าจะมอบพันธสัญญาให้ แต่ก็ไม่ได้พูดนี่นาว่าเป็นฉบับไหน”
น้ำเสียงของมู่หงอวี่เพิ่มสูงขึ้นหลายส่วน “แน่นอนว่าข้าต้องการตัวจริง!”
นางจะอยากได้ของปลอมไปเหตุใด?
เจี่ยนเฟิงฉือเผยใบหน้าไร้เดียงสา
“แต่เมื่อครู่นี้เจ้าไม่ได้พูดนี่นา”
ทุกคน “…”
เขาเคยเห็นคนไร้ยางอายมามาก แต่คนไร้ยางอายขนาดนี้ไม่ค่อยได้เจอ
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกชื่นชม ทว่าก็ต้องทอดถอนหายใจอย่างปลงตก
…ถังเคอ
เขาไม่พูดจาพร่ำเพื่อ แต่กลับสร้างป้ายวิญญาณตั้งเอาไว้คู่กัน
ทำให้คนทั้งท่าเรือดอกท้อ ไม่สิ ทั้งอาณาจักรเสิ่นซวี่ทราบว่าก่อนหน้านี้ พวกเขาทั้งสองคนถูกฝังร่วมกันมาเป็นเวลาหมื่นปีแล้ว
ซูหลีพยายามอธิบายและชี้แจงเรื่องนี้หลายครั้ง แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ นางจึงทำได้เพียงไหลไปตามน้ำ
พวกเขาทั้งสองคนนี่กำลังคิดอันใดกันอยู่?
ทันใดนั้นมู่หงอวี่ก็สัมผัสได้ถึงลางร้ายอันใดบางอย่าง
“เจ้ามีของสิ่งนี้อยู่ในมืออีกกี่ฉบับ?”
เจี่ยนเฟิงฉือพูดพร้อมรอยยิ้ม แล้วเลิกคิ้วขึ้น
“คุณชายอย่างข้ายังไม่ได้นับเลย หลายปีที่ผ่านมานี้ ทุกครั้งที่ข้าคิดถึงเรื่องนี้ ข้าก็จะคัดลอกเอาไว้ หนึ่ง สอง สาม สี่ ฉบับ หากเจ้าต้องการจริงๆ ละก็ ข้าจะเขียนให้เจ้าเลยก็ได้นะ”
“เจี่ยน! เฟิง! ฉือ!”
มู่หงอวี่กำหมัดกรอด และต้องการจะลงมือทันที
“เอ๋…”
เจี่ยนเฟิงฉือปิดพัดลง
“หงอวี่ หากเจ้าจะลงมือที่นี่ เกรงว่าคงจะไม่เหมาะสมล่ะมั้ง?”
ที่แห่งนี้คือพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์
และตอนนี้พวกเขายังอยู่ที่ทางเข้าหน้าประตูสวรรค์
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอเล็กน้อย
“หงอวี่ ไม่ต้องรีบร้อน ในเมื่อมาแล้ว หลังจากนี้ยังมีโอกาสอีกมาก…”
เจี่ยนเฟิงฉือ “???”
มู่หงอวี่ผ่อนลมหายใจออก
ซูหลีถามขึ้นอย่างสงสัย
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้าเล็กน้อย
“ข้าได้ยินเพียงแค่ว่า คนผู้นั้นคือคนขององค์เทพ แต่ว่าสถานะอย่างใดนั้น ข้ากลับไม่รู้เลย ข้าก็เพิ่งเห็นเขาเป็นครั้งที่สองเท่านั้น”
ซูหลีพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
ฉู่หลิวเยว่ก็เคยเล่าเรื่องบางอย่างภายในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์เอาไว้คร่าวๆ แล้ว
แต่ในตอนนั้นเอง ก็เห็นว่ามีเงาร่างหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้
เขามีความเร็วสูงมาก เพียงไม่กี่อึดใจ เขาก็มาอยู่ตรงหน้าของทุกคนแล้ว
และคนผู้นั้นก็คือ เชียงหว่านโจว
“นายท่าน ใต้เท้าเฉินอีมารับท่านและฝ่าบาทขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“เจ้ามาพอดีเลย ข้าจะพาท่านซูไปที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เรื่องอื่นๆ ที่เหลือฝากเจ้าดูแลจัดการด้วย”
เชียงหว่านโจวก้มศีรษะทำความเคารพ
“ขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่หันมามองทางหรงซิว
“เดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา”
ริมฝีปากบางของหรงซิวยกขึ้นเล็กน้อย
“ได้”
ความจริงแล้วคนเหล่านี้ไม่มีอันใดต้องน่ากังวล หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่กำชับอยู่สองสามประโยค นางก็เชิญซูหลีเดินทางไปที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
เงาร่างของคนทั้งสองค่อยๆ ห่างไกลออกไป
หรงซิวมองดูอยู่สักพักหนึ่ง จากนั้นก็ถอนสายตากลับมา เขาหันกลับมามองทางเชียงหว่านโจว แล้วเลิกคิ้วกระบี่ขึ้น
หรงซิวยิ้มออกมา
นี่มันเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้เสียอีก
“พวกเราก็ไปกันเถอะ”
เชียงหว่านโจวถอยหลังไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็หมุนตัวเดินนำทางไปด้านหน้า
“เชิญขอรับ ฝ่าบาท”
…
อีกด้านหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่นำทางพาซูหลีเดินตรงไปที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
พวกนางเดินผ่านเส้นทางดวงดาวไป
ขณะที่ซูหลีเดินไป นางก็กวาดสายตามองโดยรอบด้วยความสงสัย
บ้านเรือนของที่นี่แน่นขนัด แต่คนที่อาศัยอยู่นั้นมีจำนวนไม่มาก เห็นได้ชัดว่ามันค่อนข้างรกร้าง
ในที่สุดสายตาของนางก็หยุดอยู่ที่แสงสว่างระยิบระยับที่อยู่ด้านข้างถนน
“ที่นี่คือเส้นทางดวงดาวหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“มันก็เหมือนกับสะพานเงินก่อนหน้านี้ ด้านล่างปิดผนึกอยู่ และมีค่ายกลมากมาย ส่วนที่พวกเราเพิ่งเดินผ่านไปเมื่อครู่นี้คือ ค่ายกลระดับยอดราชันปรมาจารย์ ส่วนตอนนี้คือ ค่ายกลระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่”
ซูหลีตระหนักได้ในทันที
“สำหรับเสี่ยวเยว่เออร์แล้ว เรื่องเล่านี้คงไม่ใช่ปัญหา”
ฉู่หลิวเยว่แข็งแกร่งขนาดไหน นางรู้ดี
“พวกนี้ก็ยังดีหน่อย ที่ยุ่งยากคือค่ายกลระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
ซูหลีชะงักไป นางมองไปที่ด้านหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
แม้ว่านางจะไม่ใช่ปรมาจารย์ค่ายกล แต่นางก็ยังพอเข้าใจบ้าง
ค่ายกลระดับค่ายกลระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่มีความยากกว่าค่ายกลระดับยอดราชันปรมาจารย์หลายเท่าตัว
อีกทั้งต่อให้จะอยู่ในระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถทะลวงค่ายกลระดับนี้ได้ อีกทั้งยังไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเข้าใจค่ายกลของระดับนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งทุกส่วน
จากที่นางมองอย่างคร่าวๆ อย่างน้อยก็มีร้อยกว่าค่ายกล?
“ดังนั้นช่วงหมื่นปีที่ผ่านมา คนที่สามารถเข้าใจค่ายกลเหล่านี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งและเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นก็มีจำนวนน้อยยิ่งกว่าน้อย ก่อนหน้านี้เสินสื่อลำดับที่เจ็ดที่ท่านพูดถึง เขาก็เป็นหนึ่งในนั้น”
“แต่ว่าท่านวางใจเถอะ ท่านคือช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ เดิมทีท่านก็มีคุณสมบัติที่จะสามารถเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่พูดพร้อมรอยยิ้ม
ซูหลีพูดอันใดไม่ออก นางยื่นมือตบหน้าอกของตัวเอง
“ยังดีที่ข้าเป็นช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ ไม่อย่างนั้นค่ายกลเหล่านี้ คงทำให้ข้าลำบากจนตายแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
คำพูดเช่นนี้ เกรงว่าทั่วทั้งโลกคงจะมีซูหลีแค่คนเดียวที่สามารถพูดแบบนี้ได้
ช่างหลอมอาวุธทั่วไป หากต้องการเข้าสู่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ง่ายดายไปกว่าปรมาจารย์ค่ายกลเลย
ใช่ว่าช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์จะสามารถทะลวงด่านได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน?
ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าข่งชิงหลินขังตัวเพื่อหลอมอาวุธเป็นพันปี ในที่สุดเขาก็สามารถทะลวงด่านได้ และเข้าสู่ระดับนั้นได้สำเร็จ
มีเพียงแต่ซูหลีที่มีพรสวรรค์สูงเกินไป อีกทั้งในปีนั้นนางก็ยังโชคดีมากที่สามารถทะลวงสู่ช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างราบรื่น
โชคชะตาเช่นนั้น ใต้โลกหล้านี้จะมีสักกี่คน?
แล้วส่วนใหญ่จะไม่อิจฉานางได้หรือ
…
เมื่อสาวเท้าไปด้านหน้า รอบข้างก็เงียบสงัดมากกว่าเดิม
มันเป็นความสงบที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรก็ยังไม่ค่อยได้สัมผัส
บรรยากาศรอบข้างอยู่ในสภาวะตึงเครียดตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะเพิ่งเดินผ่านเส้นทางดวงดาว แต่นางก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ในที่สุด ทั้งสองคนก็เดินมาถึงหน้าประตูบานใหญ่
ฉู่หลิวเยว่กำลังจะเคาะประตู แต่ทันใดนั้นบานประตูก็ถูกเปิดออก คนผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านใน