ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2265 นางไม่เคยเห็นมาก่อนใช่หรือไม่
ตอนที่ 2265 นางไม่เคยเห็นมาก่อนใช่หรือไม่
………………..
อีกด้านหนึ่ง เชียงหว่านโจวได้นำคนกลับไปยังที่พำนักแล้ว
เพราะการมาถึงของหรงซิวและคนอื่นๆ ดังนั้นเรือนเดิมจึงไม่เพียงพออีกต่อไป
แต่เฉินอีได้จัดการเตรียมทำความสะอาดเรือนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และรอการมาถึงของพวกเขาเท่านั้น
พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์มีขนาดใหญ่มาก อีกทั้งเรือนด้านข้างหลายหลังก็ไม่มีคนอยู่พอดี ดังนั้นจึงสะดวกแก่พวกเขามาก
…
การเคลื่อนไหวนี้ดึงดูดความสนใจของคนบางกลุ่มด้วย
เดิมทีเซียวหรานกำลังนั่งอยู่บนหลังคาด้วยความเกียจคร้านและเบื่อหน่าย ก่อนจ้องมองเส้นทางดวงดาวพร้อมจมอยู่ในห้วงความคิด
เมื่อมองในระยะไกลออกไปก็เห็นว่า เชียงหว่านโจวกำลังพากลุ่มคนเข้ามา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกตกใจมาก
เพราะเขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตาบุคคลที่เดินตามมาที่ด้านหลังมาก่อน
หลังจากครุ่นคิดแล้ว เขาก็นึกขึ้นได้ว่า เหมือนฉู่หลิวเยว่เคยบอกเอาไว้ว่านางจะกลับไปเชิญช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ให้มาที่นี่
แต่เหตุใดถึงมีคนติดตามมามากมายขนาดนี้ล่ะ?
เมื่อเห็นกลุ่มคนที่เดินเข้ามาใกล้ เซียวหรานก็ลูบปลายคางของตัวเอง
กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนมีฝีมือไม่อ่อนแอ…
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหนุ่มสวมชุดขาวที่อยู่ด้านหน้าสุด สะอาดบริสุทธิ์ สง่างาม ท่าทางเต็มไปด้วยคุณธรรม
ถ้าเดาไม่ผิดละก็ เขาน่าจะเป็นสามีของนังหนูคนนั้นสินะ
นอกจากนี้ยังมีชายหนุ่มที่สวมชุดดำเดินตามอยู่ด้านหลังของเขา มือข้างหนึ่งถือกระบี่ ท่าทางเย็นชาเย่อหยิ่ง
เหมือนว่าจะเป็นผู้ติดตามที่อยู่ข้างกาย แต่เขากลับอยู่ในระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว!
“เอ๋?”
เซียวหรานชะงักไปอย่างกะทันหัน จากนั้นก็ต้องไปทางเยี่ยนชิงอยู่หลายครั้ง
ในตอนนั้นเอง เยี่ยนชิงก็สัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมามอง
องคาพยพทั้งห้าหล่อเหลางดงาม ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเย็นชา ร่างทั้งร่างเหมือนกับภูเขาน้ำแข็งที่เคลื่อนที่ได้
เพียงครู่เดียว เยี่ยนชิงก็ถอนสายตากลับ
เซียวหรานลูบปลายคาง
คนผู้นี้…เขาเคยเจอที่ไหนมาก่อนจริงๆ
หรือบางทีเขาอาจจะคิดมากไปเอง?
ตอนที่เซียวหรานกำลังโต้เถียงอยู่กับตัวเอง หรงซิวและคนอื่นก็เดินมาถึงที่นี่แล้ว
…
เฉินอีมารออยู่ที่หน้าประตูก่อนแล้ว
เมื่อเห็นหรงซิวและคนอื่นๆ เขาก็โค้งคำนับทำความเคารพ
“ฝ่าบาท”
สายตาของหรงซิวมองผ่านร่างของเขา ก่อนตอบรับหนึ่งเสียง แล้วเดินเข้าไปด้านใน
…
จนกระทั่งทุกคนเข้าไปในเรือนแล้ว เซียวหรานถึงได้ถอนสายตากลับมา คิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย
ไม่ว่าจะมองอย่างใดก็ดูไม่มีปัญหา
แต่ว่า…
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างกะทันหัน
เซียวหรานหันไปมองตามต้นเสียงอย่างรวดเร็ว แต่กลับเห็นว่าต้นเสียงนั้นอยู่ทางเส้นทางดวงดาว ลำแสงสีเงินพุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้า ก่อนจะกลายเป็นค่ายกลเหนือน่านฟ้าด้วยความรวดเร็ว
“มีคนเริ่มเดินเข้าไปในเส้นทางแห่งดวงดาวอีกแล้วหรือ?”
แม่นางคนนั้นที่กำลังทะลวงค่ายกลบนเส้นทางดวงดาวนั้นคือ ฉู่หลิวเยว่ ไม่ใช่หรือ?
นางเพิ่งจะพาคนกลับมา แต่ก็เริ่มทดลองทะลวงค่ายกลอีกครั้งหนึ่งแล้วอย่างนั้นหรือ?
และเหมือนว่าจะทะลวงค่ายกลได้รวดเร็วมาก…
เซียวหรานกำลังครุ่นคิด แต่ทันใดนั้นก็มีลำแสงอีกสายหนึ่งพุ่งตรงขึ้นไป…นางทะลวงค่ายกลสำเร็จอีกหนึ่งอันแล้ว!
เขาตกใจมาก
“เหตุใดแม่นางน้อยคนนั้นถึงได้ทะลวงค่ายกลได้เร็วขนาดนั้น?”
การเคลื่อนไหวบนเส้นทางดวงดาวสามารถดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว
ตอนที่พบว่าคนคนนั้นก็คือ ฉู่หลิวเยว่ คนจำนวนมากก็รู้สึกประหลาดใจ
“นั่นมันซั่งกวนเยว่ไม่ใช่หรือ? เหตุใดนางถึงเริ่มเดินทางบนเส้นทางดวงดาวอีกแล้วล่ะ?”
“เหมือนว่านางเพิ่งใช้เส้นทางนั้นเมื่อครึ่งเดือนก่อนไม่ใช่หรือ หรือว่านางจะสามารถเลื่อนขั้นสู่ยอดราชันปรมาจารย์ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ?”
“เหอะ อีกเดี๋ยวอาจจะทะลวงค่ายกลสองด่านติดต่อกัน แต่กลับบอกว่าทะลวงได้แค่ค่ายกลเดียว แบบนี้เกรงว่าจะไม่ถูกต้องนะ?”
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย พรสวรรค์ด้านปรมาจารย์ค่ายกลของนางนั้นน่าตกใจมาก ไม่รู้ว่าครั้งนี้นางจะสามารถเดินไปได้ถึงตรงไหน?”
“ข้าคิดว่านางต้องมีความมั่นใจในระดับหนึ่ง…แต่ค่ายกลระดับยอดราชันปรมาจารย์ก็มีจำนวนไม่น้อยเลย นางเพิ่งจะทะลวงด่านได้ไม่ถึงหนึ่งในสิบ บางทีนางอาจจะเดินไปได้สักระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ไกลจนเกินไป”
สำหรับการเคลื่อนไหวของฉู่หลิวเยว่ ทุกคนมีความเห็นแตกต่างกัน
บางคนรอคอย บางคนรู้สึกไม่พอใจ
ฉู่หลิวเยว่ที่ยืนอยู่บนเส้นทางดวงดาวล้วนเมินเฉยต่อเสียงนกเสียงกาเหล่านี้
หลังจากที่นางเชิญซูหลีมาที่นี่ นางก็ตั้งใจจะเดินทางบนเส้นทางดวงดาวต่อ
ค่ายกลระดับยอดราชันปรมาจารย์นั้น สำหรับนางแล้วไม่ได้มีความยากอันใดนัก
สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือ ซูหลีสามารถสืบข่าวจากที่นั่นได้หรือไม่
ลำแสงหลายสายพุ่งออกมาพัวพันกัน
หลังจากผ่านไปสักพัก ค่ายกลอีกด่านหนึ่งก็ถูกทะลวงแล้ว!
นางสาวเท้าไปด้านหน้าและเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง!
…
เวลาค่อยๆ หมุนผ่าน
คนที่อยู่โดยรอบมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
จากนั้นพวกเขาก็ค้นพบว่า เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่ได้ตั้งใจกลับมาทะลวงด่าน แต่แค่เป็นการกลับมาอย่างกะทันหัน
เห็นได้ชัดว่านางเตรียมตัวมาอย่างดี!
เมื่อเห็นว่าค่ายกลถูกทะลวงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเปิดเผยอย่างง่ายดาย ท่าทางของทุกคนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
“ค่ายกลระดับยอดราชันปรมาจารย์เหล่านั้นมันไม่ธรรมดาเลยนะ! คาดไม่ถึงว่านางจะสามารถทะลวงด่านได้อย่างราบรื่นง่ายดาย?”
บางคนบ่นพึมพำเสียงต่ำออกมาอย่างอดไม่ได้ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตกใจอย่างปิดไม่มิด
แม้ว่าครั้งก่อนหน้านี้นางจะสร้างผลงานไว้โดดเด่นมาก แต่ค่ายกลส่วนใหญ่แล้วเป็นค่ายกลระดับยอดราชันปรมาจารย์
คนที่อยู่ภายในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ไม่สามารถทะลวงได้ และอาจจะใช้เวลานานกว่านี้สักหน่อย
แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน
ความยากของค่ายกลระดับยอดราชันปรมาจารย์จะเพิ่มขึ้นตลอดไม่ใช่หรือ
ต่อให้นางจะศึกษาทั้งวันทั้งคืน แต่มันก็ไม่น่าจะยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้นี่นา
…
มู่หยาเฟิงมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ
นางไม่ได้ขึ้นไปยืนอยู่ด้านหน้าสุด เพียงแต่เลือกรออยู่มุมหนึ่ง
จากตำแหน่งที่นางยืนอยู่ สามารถมองเห็นฉู่หลิวเยว่ที่กำลังเดินอยู่บนเส้นทางดวงดาวได้ และนางกำลังเดินทางมาทางนี้ทีละน้อย
…ระยะห่างระหว่างตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์หดเล็กลงเรื่อยๆ
ตอนที่มองไปอย่างละเอียด เธอก็สามารถมองเห็นท่าทีสงบราบเรียบบนใบหน้าของฉู่หลิวเยว่
เห็นได้ชัดว่าค่ายกลระดับยอดราชันปรมาจารย์ที่คนอื่นว่ายาก แต่ไม่สามารถทำอันใดนางได้เลย
ระหว่างทางนั้น นางได้แสดงค่ายกลอันลึกลับหลายสิบอันติดต่อกันโดยไม่มีการหยุดพักเลย
และใบหน้าของนางก็ไม่มีร่องรอยเหนื่อยล้า
เหมือนว่านางกำลังเดินเล่นอยู่เฉยๆ
มู่หยาเฟิงกัดฟันกรอด
เสียงกระซิบกระซาบจากด้านข้างดังขึ้น
“พวกเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่า ท่าทางของซั่งกวนเยว่ขณะอยู่บนเส้นทางดวงดาวเหมือนว่าจะผ่อนคลายอย่างมาก?”
“เจ้าก็คิดเช่นนั้นหรือ? ข้านึกว่าข้าคิดคนเดียวเสียอีก! ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แต่นางยังไม่มีหยุดชะงัก การทะลวงค่ายกลแต่ละด่านนั้นก็ใช้เวลาน้อยมาก ต่อให้เป็นมู่หยาเฟิงก็อาจจะไม่สามารถทำได้ถึงขนาดนี้…”
“จะเอามู่หยาเฟิงมาเปรียบเทียบกับซั่งกวนเยว่ไม่ได้ อีกฝ่ายเคยทำลายสถิติของนางมาแล้วนะ!”
“เอ๋ ถ้าไม่ใช่เพราะซั่งกวนเยว่เพิ่งเข้ามาที่พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นาน ข้าจะคิดว่านางเคยเห็นค่ายกลเหล่านี้มาก่อนแล้ว…”
หน้าอกของมู่หยาเฟิงมีไฟสุมทรวง
นางพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
“พวกเจ้ารู้ได้อย่างใดว่านางไม่เคยเห็นมาก่อน?”
………………..