ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2267 ถาม ตอนที่ 2268 ยอมรับข้อเสนอของเจ้า
เมื่อได้ยินดังนั้น หรงซิวก็หันกลับมามอง เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบ
“ในเมื่อมาถึงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ”
เมื่อเห็นท่าทีที่ผ่อนคลายของเขา ซั่งกวนจิ้งก็รู้สึกวางใจ
หรงซิวมีพรสวรรค์สูงมาก อีกทั้งยังเป็นยอดนักวางกลยุทธ์ เขาอาจจะวางแผนเอาไว้ในใจไว้ตั้งนานแล้ว เดิมทีเขาไม่รู้สึกกังวลเลย
เมื่อหันมองตามสายตาของเขา ใบหน้าของซั่งกวนจิ้งก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา
“ดูเหมือนว่าทางด้านของนางหนูเยว่เออร์จะไปได้ดีเลย”
หรงซิวพยักหน้าเล็กน้อย
“ขอรับ”
สำหรับนางแล้วค่ายกลเหล่านั้นไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
ซั่งกวนจิ้งโบกมือขึ้นเล็กน้อย
“ไม่ต้องเป็นห่วงนางนักหรอก ช่วงหลายวันนี้ข้าจะไปปิดด่านฝึกก่อนก็แล้วกัน”
ก่อนหน้านี้ที่ฉู่หลิวเยว่ไม่อยู่ เขาก็ช่วยดูแลคนกลุ่มนี้
ตอนนี้หรงซิวมาถึงแล้ว ในที่สุดเขาก็มีเวลาว่างแล้ว
ริมฝีปากของหรงซิวยกขึ้น
“ท่านวางใจได้เลย”
ซั่งกวนจิ้งจึงกลับไปที่ห้องของตัวเอง
…
ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
จิ้นอวิ๋นไหล่เดินออกจากห้อง แล้วทอดสายตามองไปไกลโพ้น
ความเร็วของฉู่หลิวเยว่ ความจริงแล้วมันเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์มาก
“เหมือนว่านางจะได้รับภาพทมิฬสิ้นอัคคีจริงๆ?”
จิ้นอวิ๋นไหล่พูดพึมพำเสียงต่ำ
ก่อนหน้านี้มู่หยาเฟิงส่งข่าวมาบอกว่า ร้านเจินเป่าเก๋อเชิญฉู่หลิวเยว่ให้ไปช่วยคัดลอกภาพทมิฬสิ้นอัคคีที่ชั้นสองของร้าน
ในตอนนั้นเขาไม่แน่ใจว่ามันคือสิ่งใด
แต่ตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างชัดแล้ว
ถ้านางไม่เคยดูภาพทมิฬสิ้นอัคคีมาก่อน นางไม่มีทางเดินบนเส้นทางดวงดาวได้อย่างราบรื่นเช่นนี้แน่
“ดูเหมือนว่าร้านเจินเป่าเก๋อจะให้ความสำคัญกับนางมากจริงๆ…คาดไม่ถึงว่าของระดับนี้ก็ยังเอามาให้นาง”
จิ้นอวิ๋นไหล่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
แต่ภายในใจของเขาก็ยังรู้สึกสับสน
เพราะต่อให้เป็นเช่นนั้น มันก็ไม่มีทางเร็วขนาดนี้แน่นอน
ยิ่งนางเดินไกลมากเท่าไร ค่ายกลก็ยิ่งซับซ้อนมากเท่านั้น แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบกับความเร็วของนางเลย
สิ่งนี้ทำให้ผู้คนสงสัยว่า ค่ายกลเหล่านี้ฝังอยู่ในสมองของนางตั้งนานแล้วหรือเปล่า นางจึงสามารถจดจำได้ทั้งหมด
แต่…มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
ต่อให้นางฉลาดแค่ไหน แต่มันก็ไม่ควรเร็วขนาดนี้
บางที…เขาจะต้องหาเวลาพูดคุยกับฉู่หลิวเยว่เสียหน่อยแล้ว…
ในตอนนั้นเอง ระลอกคลื่นที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นตรงด้านหน้า
หัวใจของจิ้นอวิ๋นไหล่บีบรัดขึ้นทันที
จากนั้นท่ามกลางความว่างเปล่าก็มีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
สมุดบันทึกเล่มนั้นและขนนกสีทองคำชาดก็พุ่งออกมาพร้อมกันกลางอากาศ
จิ้นอวิ๋นไหล่คว้าของสิ่งนั้นเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว
เดิมทีเขาคิดว่าอาจจะต้องรออีกหลายวัน
อวี๋มั่วยิ้มขึ้นบางๆ
“ชื่อบนสมุดเหล่านั้น ท่านเทพล้วนรู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายขนาดนั้น และยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ประตูสวรรค์ยังเปิดอยู่ ต่อจากนี้ยังต้องมีเรื่องให้ทำอีกมากมาย เสินสื่อลำดับที่เจ็ดจัดการต่อไปเถอะ”
จิ้นอวิ๋นไหล่ตอบรับด้วยความเคารพ
“ขอรับ”
นี่น่าจะเป็นคำพูดของท่านเทพ…
“หลังจากนี้หากท่านเทพมีคำสั่งอันใด เดี๋ยวข้าจะมาแจ้งกับเจ้าเอง”
อวี๋มั่วพูด
จิ้นอวิ๋นไหล่ตอบรับหนึ่งเสียง ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงถามขึ้นว่า
“ใต้เท้าอวี๋มั่ว ก่อนหน้านี้ใต้เท้าเยี่ยนชิงเป็นคนรับผิดชอบเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่หรือ?”
แล้วทำไมช่วงนี้ถึงได้กลายเป็นอวี๋มั่ว?
อวี๋มั่วพูดขึ้นเสียงเรียบ
“เรื่องเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่เสินสื่อลำดับที่เจ็ดจะเข้ามาวุ่นวายได้กระมัง?”
หัวใจของจิ้นอวิ๋นไหล่เย็นวาบ จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าตนเองกำลังฝ่าฝืนกฎแล้ว ดังนั้นจึงรีบถอยออกไปครึ่งก้าว
“ใต้เท้าอวี๋มั่วได้โปรดให้อภัยด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจทำให้ท่านขุ่นเคือง”
อวี๋มั่วจ้องหน้าเขาอยู่ครู่หนึ่ง
“เข้าใจก็ดีแล้ว”
หลังจากพูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินจากไป
เมื่อผ่านมาได้สักพักหนึ่ง จิ้นอวิ๋นไหล่ก็ถอนหายใจออกมา
ยอดเขาโอสถ
เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ ตอนนี้สถานที่แห่งนี้คึกคักกว่าเดิมมาก
ตั้งแต่ซูจิ้งถูกตำหนิในที่สาธารณะ หลังจากนั้นนางก็ได้ยกเลิกกฎบางอย่าง เซียนหมอที่อยู่ในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ถูกควบคุมอีกต่อไป และสามารถเข้าออกยอดเขาโอสถได้อย่างอิสระ
ตอนที่ซูจิ้งมาถึงที่นี่ และเมื่อนางได้เห็นภาพเหตุการณ์
ไม่ว่ากวาดสายตามองไปที่ใดก็เต็มไปด้วยผู้คน ทุกยอดเขาเนืองแน่นด้วยมนุษย์
สมุนไพรทุกชนิดถูกเก็บอย่างต่อเนื่อง
แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ภายในใจของซูจิ้งยังคงรู้สึกไม่พอใจ
ก่อนหน้านี้ หากคนเหล่านี้ต้องการเก็บสมุนไพร อย่างน้อยพวกเขาจะเพียรพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้นางพอใจ
แต่ในตอนนี้ พวกเขาไม่เห็นนางอยู่ในสายตาอีกต่อไป
แม้จะมีคนเดินผ่านนางไป แต่พวกเขาก็เพียงทักทายอย่างเรียบง่าย หลังจากนั้นไม่นานก็หมุนตัวจากไป
หากเป็นก่อนหน้านี้…
ซูจิ้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมขจัดความคิดที่วุ่นวายเหล่านั้นออกไป
ในเมื่อตอนนี้เรื่องมันเป็นเช่นนี้แล้ว ต่อให้นางคิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์
นางไม่ต้องการสละตำแหน่งเสินสื่อลำดับที่แปด
แต่ทันใดนั้นที่หางตาของนางก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางยอดเขาแห่งนี้
นี่มัน…
นางชะงักไปเล็กน้อยและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากในระยะไกล
ผู้หญิงผู้นั้นสวมเสื้อผ้าสดใส ผมสีดำขลับ ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความงดงาม
เชือกบนข้อมือของนางนั้นประดับด้วยเศษหินหยกแตกขนาดเล็ก เมื่อนางยกมือขึ้นทัดผมไว้ที่ข้างหู เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้น
ใบหน้าของซูจิ้งเย็นชาลงในทันที
“แม่นางน้องแปด ครั้งที่แล้วที่เก็บสมุนไพรไปพอใช้หรือเปล่า? วันนี้ต้องมาหาสมุนไพรตัวใดหรือ? ไม่แน่ว่าข้าอาจจะสามารถช่วยหาได้?”
“แม่นางน้องแปด ได้ยินมาว่าเจ้ามีความสนใจและมีพรสวรรค์ในด้านการหลอมโอสถมาก หากพวกเรามีเวลาก็มาพูดคุยหารือกันหน่อยเป็นไร?”
น้ำเสียงที่กระตือรือร้นไล่ตามหลังมา
ชายหนุ่มจำนวนไม่น้อยเดินตามมาที่ด้านข้างของน้องแปด ใบหน้าของพวกเขาต่างเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
น้องแปดเก็บบัวน้ำแข็งขึ้นมาดอกหนึ่ง พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มเกียจคร้าน
“เดิมทีช่วงนี้ข้ามาที่นี่ทุกวันจะเจอกันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แล้วอีกอย่างที่นี่มีสมุนไพรมากมาย ข้าชอบอันใดข้าก็จะเก็บเอง ส่วนเรื่องหารือนั้น…”
นางกะพริบตาปริบๆ ขนตายาวเรียวสวยสั่นไหวเล็กน้อย ดวงตาคู่งามเปล่งประกาย ดึงดูดใจผู้คนอย่างมาก
“ข้าไม่ได้ว่างขนาดนั้น”
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่มหาปรมาจารย์โอสถ มีสิทธิ์อะไรมาหารือกับนาง?
หากมีเวลาว่าง นางกลับไปหลอมยาจะดีเสียกว่า
ตั้งแต่ที่นางทะลวงระดับปรมาจารย์เซียนหมอได้แล้ว พี่ใหญ่ก็กดขี่นางอย่างหนัก!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็ทอดถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าหมอง
“แล้วอีกอย่าง ช่วงนี้ข้าเหนื่อยมากแล้ว”
เดิมทีทุกคนก็รู้สึกกระดากอายกับคำตำหนิของนาง แต่เมื่อเห็นนางทั้งขมวดคิ้วเช่นนั้น พวกเขาก็รู้สึกเศร้าและรู้สึกผิด
“ถ้า…ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็ไม่รบกวนเจ้าแล้ว”
“ใช่แล้ว แม่นางน้องแปดเก็บสมุนไพรเสร็จแล้วก็รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
น้องแปดกะพริบตาปริบๆ แล้วยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ก่อนเลือกเก็บสมุนไพรบางส่วนอย่างเชื่องช้า
คนเหล่านี้น่าสนใจจริงๆ
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะนางล่วงเกินเสินสื่อลำดับที่แปดจึงไม่มีใครกล้าพูดกับสักคำ
หลังจากเลือกสมุนไพรเสร็จแล้ว นางก็เตรียมตัวออกจากที่นี่
ขณะที่นางกำลังจะหมุนตัวเดินจากไป นางก็สามารถสังเกตได้ถึงสายตาที่ไม่ประสงค์ดีกำลังมองมาที่นาง
นางชะงักฝีเท้า แล้วเงยหน้ามอง ก่อนหัวเราะออกมาทันที
“เสินสื่อลำดับที่แปด ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเจ้าคะ”
ซูจิ้งไม่ต้องการจะสนใจนาง แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง นางก็รู้สึกบาดตาทันที
“แม้ตอนนี้ยอดเขาโอสถจะเปิดแล้ว แต่สมุนไพรเหล่านี้ก็ล้วนล้ำค่า หากเจ้าเอาไป แต่ไม่สามารถใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ ก็ไม่จำเป็นต้องเอาไปเยอะขนาดนั้นหรอก ยกสมุนไพรเหล่านี้ให้กับคนที่เหมาะสมจะดีกว่า”
น้องแปดชะงักไป
“เหตุใดเสินสื่อลำดับที่แปดจึงพูดเช่นนี้? นั่นหมายความว่าหากสมุนไพรเหล่านี้อยู่ในมือของข้า มันจะเสียของไปอย่างนั้นหรือ”
ซูจิ้งมองนางด้วยสายตาเย็นชา
ผู้หญิงคนนี้เหมือนกับนางมาร ความคิดทั้งหมดคงสาละวนอยู่กับเรื่องความงามบนใบหน้า จะเอาเวลาที่ไหนไปคิดเรื่องหลอมโอสถ?
“มีคนมารบกวนเจ้ามากมายขนาดนี้ เจ้าคงไม่สามารถหลอมโอสถที่ดีออกมาได้หรอก”
คำพูดของซูจิ้งนี้เต็มไปด้วยการประชดประชันและเสียดสี นางไม่ได้พูดตรงๆ ออกมาว่า น้องแปดเอาแต่สนใจเรื่องอ่อยผู้ชายทุกวัน จนไม่สามารถหลอมโอสถได้
แต่คนรอบข้างจำนวนไม่น้อยที่ได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสีไป
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คำพูดเหล่านี้เมื่อพูดกับผู้หญิงคนหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีงาม
แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ ตอนที่พวกเขาคิดว่าน้องแปดจะโกรธ พวกเขากลับเห็นว่ามุมปากของน้องแปดยกยิ้มขึ้น
“อ่า…นี่คือสิ่งที่เสินสื่อลำดับที่แปดตั้งใจจะพูดหรือ? เช่นนั้นท่านก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลย แม้บางครั้งมันจะรู้สึกน่ารำคาญ แต่ข้าก็เคยชินแล้ว คนที่ไม่เข้าตาข้า ไม่มีทางรบกวนข้าได้หรอก ต่อให้คนเยอะก็เหมือนเดิม อ่า ข้าเกือบลืมไปเลย เสินสื่อลำดับที่แปดอาจจะไม่เคยสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน ดังนั้นจึงคิดว่าหัวใจคนเราสั่นคลอนได้ง่าย”
นางสาวเท้าขึ้นมาด้านหน้าหนึ่งก้าว ก่อนเอียงศีรษะพร้อมรอยยิ้ม
“หากเสินสื่อลำดับที่แปดประสบเรื่องเหล่านี้บ่อยเช่นข้าก็จะเคยชินไปเองนั่นแหละ”
“เจ้า…”
“เอ๋ ข้าเห็นว่ารอยคล้ำใต้ตาของท่านดูดำขึ้นนะ ช่วงนี้ท่านพักผ่อนน้อยใช่หรือไม่? ก็จริง หากข้าถูกตำหนิท่ามกลางที่สาธารณะ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะต้องเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว และคงไม่ออกจากบ้านมาหนึ่งร้อยแปดสิบปีแน่นอน”
“บังอาจ!”
“เสินสื่อลำดับที่แปดอย่าโมโหเลยเจ้าค่ะ ข้าล้อท่านเล่นเท่านั้น…ข้าไม่เคยถูกใครรังแกมาก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของท่านได้ หากข้าพูดอะไรผิดไป ท่านที่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็อยากได้ถือสาเอาความกับข้าเลยนะ”
ซูจิ้งพูดอะไรไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ กลางหน้าอกของนางเหมือนมีเปลวเพลิงลุกโชน นางอยากจะแหวกอกผู้หญิงตรงหน้าจะตายอยู่แล้ว!
น้องแปดโบกมือขึ้นเบาๆ จากนั้นก็สาวเท้าเดินออกไป
“สมุนไพรครั้งนี้เพียงพอกับการหลอมระยะหนึ่ง แล้วข้าจะกลับมาใหม่อีกครั้ง เสินสื่อลำดับที่แปดแล้วเจอกันใหม่นะเจ้าคะ”
…
หลังจากซูจิ้งเงียบไปครู่หนึ่ง น้องแปดก็รู้สึกอารมณ์ดีมาก ก่อนจะเดินกลับเรือนด้วยความสุข
แต่ยังไม่ทันได้ถึงที่พัก สายตาของนางก็เหลือบเห็นชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ตรงทางแยก
นางชะงักฝีเท้า
คนผู้นั้นก็เห็นนางแล้ว เขาลังเลอยู่สักพัก ก่อนสาวเท้าเดินก้าวขึ้นมา
“แม่นางน้องแปด”
น้องแปดมองเขาด้วยความประหลาดใจ
“เหลียงเหอ? เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่อีกล่ะ?”
ก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายโมโหเขาจนวิ่งหนีหายไปแล้วไม่ใช่หรือ?
เหตุใดถึง…
ใบหน้าของเหลียงเหอแดงก่ำ
“แม่นางน้องแปด วันนั้นข้ามุทะลุมากเกินไป เจ้า…อย่าได้เก็บมันมาใส่ใจเลยนะ หลังจากที่ข้ากลับไปแล้ว ข้าก็นอนคิดอยู่หลายวัน แม่นางน้องแปดเป็นหญิงงดงามหาใครเทียบได้ ผู้คนชื่นชมมากมาย ข้าไม่มีสิทธิ์ขอร้องให้เจ้ามาชอบข้า”
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างยากลำบากว่า
“แม่นางน้องแปด ข้าคิดดีแล้ว เงื่อนไขที่เจ้าพูดในวันนั้น…ข้าตกลง”
น้องแปด “?”