ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2270 นางเลือกที่จะเดินต่อ
น้องแปดเม้มริมฝีปาก
เยี่ยนชิงคนนี้น่ะ อะไรก็ดี เพียงแต่เขาเย็นชาเหมือนกับภูเขาน้ำแข็ง อีกทั้งยังจริงจังมากเกินไป
นางพูดขอบคุณอย่างจริงใจ แต่เขาก็ยังทำตัวสุภาพขนาดนั้น
นางหาวออกมาหนึ่งครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นข้าไม่รบกวนใต้เท้าเยี่ยนชิงแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
ตอนที่นางเพิ่งเดินออกไปได้หนึ่งก้าว เยี่ยนชิงก็เรียกเงินเอาไว้
“แม่นางน้องแปด”
น้องแปดชะงักฝีเท้า แล้วหันกลับไปมองเขา ดวงตาสวยหรี่มอง
“เมื่อครู่นี้เรียกข้าว่าอันใดหรือ?”
เยี่ยนชิงชะงักไป
“แม่นางน้องแปด”
“ไม่ใช่สิ เมื่อครู่นี้เจ้าเรียกข้าว่าน้องแปด”
น้องแปดสาวเท้าขึ้นมาด้านหน้า และเดินมาอยู่ตรงหน้าของเยี่ยนชิง ก่อนเงยหน้ามองเขา
“แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงเป็นแม่นางน้องแปดอีกแล้วล่ะ?
ฟังดูแล้วไม่ค่อยสนิทสนมกันเลย!”
นางคิดว่าพวกเขาสนิทกันแล้วเสียอีก
เยี่ยนชิงเงียบไปเล็กน้อย
“เมื่อครู่นี้ที่ข้าทำไปนั้นมีเหตุผล”
น้องแปดจ้องหน้าเขาครู่หนึ่ง แล้วแค่นหัวเราะเสียงเบา
“หลังจากนี้ต้องขอให้ใต้เท้าเยี่ยนชิงช่วยดูแลข้าด้วยนะเจ้าคะ หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ใต้เท้าเยี่ยนชิงอย่าลืมช่วยข้านะเจ้าคะ”
ใบหน้าของเยี่ยนชิงขยับขึ้นเล็กน้อย
“หลังจากนี้ เกรง…เกรงว่าคงจะไม่เหมาะสมละมั้ง?”
น้องแปดจะไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรได้อย่างไร มุมปากของนางยกยิ้มขึ้น
“ใต้เท้าเยี่ยนชิง เจ้ายังไม่ได้แต่งงาน ข้าก็ยังไม่ได้แต่งงาน แบบนี้มีอันใดไม่เหมาะสมกัน?”
นางไม่สนใจคนเหล่านั้นอยู่แล้ว แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อมีคนมากขึ้น ความวุ่นวายก็ยิ่งมาก
ตอนนี้เมื่อมีเยี่ยนชิงยืนอยู่ตรงนี้ นางก็สามารถลดความวุ่นวายเหล่านั้นได้มากเลยทีเดียว
เยี่ยนชิงมองหน้านางแล้วถามขึ้นว่า
“หากน้องแปดได้เจอกับคนที่เจ้าชอบจริงๆ ล่ะ…”
“ถึงตอนนั้นข้าก็จะอธิบายให้กับเขาเอง!”
น้องแปดตบไหล่ของเขา
“วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางเกี่ยวข้องกับผู้อื่นด้วยสาเหตุเช่นนี้แน่นอน”
ทันใดนั้นเหมือนนางนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางก็เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย
“หรือว่าใต้เท้าเยี่ยนชิงมีนางในใจอยู่แล้ว?”
หากเป็นเช่นนั้นละก็ การกระทำของนางในครั้งนี้ก็ไม่เหมาะสมจริงๆ…
เยี่ยนชิงมองหน้านาง ลูกกระเดือกขยับขึ้น
“ไม่มี”
น้องแปดถึงได้วางใจ จากนั้นนางก็ยิ้มออกมา
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อน ข้าไม่รบกวนใต้เท้าเยี่ยนชิงแล้ว”
เมื่อพูดจบ นางก็หมุนตัวสาวเท้าเดินเข้าห้องของตนเอง
หลังจากผ่านไปสักพัก เยี่ยนชิงถึงได้ถอนสายตากลับมา ปลายนิ้วยังคงรู้สึกถึงความนุ่มนิ่ม
ช่วงเวลาหลายวันผ่านไป
ฉู่หลิวเยว่ยังคงอยู่บนเส้นทางดวงดาว
นางเกือบจะทะลวงค่ายกลระดับยอดราชันปรมาจารย์ได้ทั้งหมดแล้ว
ค่ายกลตรงหน้านี้ เป็นค่ายกลสุดท้ายแล้ว
ตราบใดที่นางสามารถทะลวงได้สำเร็จ นั่นหมายความว่านางเดินทางมาได้สี่ส่วนห้าของเส้นทางดวงดาวแล้ว จากนั้นก็เดินทางสู่ค่ายกลระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเป็นทางการ
คนรอบข้างก็กลั้นลมหายใจรอคอย
เมื่อถึงเวลานี้ พรสวรรค์และความแข็งแกร่งของฉู่หลิวเยว่ก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว
ต่อให้นางมีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่แสดงออกมาในตอนนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกตะลึง!
ก่อนหน้านี้นางได้ทำลายสถิติของมู่หยาเฟิงไปแล้ว ทุกคนจึงคิดว่า นางแข็งแกร่งกว่ามู่หยาเฟิงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ดูจากตอนนี้ เหมือนว่าจะไม่ใช่แค่เล็กน้อยแล้ว?
ฉู่หลิวเยว่ห่างชั้นจากมู่หยาเฟิงไปไกลมากแล้ว!
ตู้ม!
ลำแสงสีเงินสายหนึ่งพุ่งออกมา!
เหนือศีรษะของฉู่หลิวเยว่มีค่ายกลหนึ่งปรากฏขึ้น
นางเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย จากนั้นก็ถอนหายใจออกมายาวๆ
ความจริงแล้วตอนนี้นางได้สูญเสียพลังและจิตวิญญาณไปเป็นจำนวนมาก ริมฝีปากซีดขาว
นางหลับตาลง พร้อมโคจรลมปราณที่อยู่ในร่างกาย
เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นต่างหันมองหน้ากัน
“นางจะหยุดเพียงแค่นี้หรือไม่?”
“ไม่หยุดก็ไม่ได้แล้วล่ะ นางไม่ใช่ปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชาไม่ใช่หรือ? ค่ายกลอยู่ตรงหน้ามันคือค่ายกลระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่นะ!”
“ถ้านางมีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ มู่หยาเฟิงจะเป็นอย่างไร? เกรงว่าเสินสื่อลำดับที่เจ็ดก็คงจะปฏิบัติตัวแตกต่างออกไป…น่าเสียดายจริงๆ”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์อื่นๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และยังมีคนกลุ่มหนึ่งหันไปมองทางมู่หยาเฟิงเพื่อสังเกตสีหน้าของนาง
แม้ตอนนี้มู่หยาเฟิงจะมีสีหน้าไร้อารมณ์ พวกเขาจึงมองไม่ออก
แต่นางต้องไม่พอใจแน่นอน
หากเขาเป็นนาง ตอนนี้พวกเขาก็ไม่มีความสุขหรอก
มู่หยาเฟิงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมองนางอยู่?
ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เพราะนางได้รับการยกย่องจากเสินสื่อลำดับที่เจ็ด นางก็ถูกคนจำนวนมากไล่ตามและติดพัน ดังนั้นจึงมีคนจำนวนไม่น้อยที่ริษยานาง
แน่นอนว่ามีคนจำนวนไม่น้อยกำลังรอหัวเราะเยาะนางอยู่
ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางไม่สามารถแสดงสีหน้าอะไรออกมาได้
เมื่อเห็นว่าค่ายกลระดับยอดราชันปรมาจารย์ด่านสุดท้ายปรากฏขึ้นมาแล้ว มู่หยาเฟิงก็กำแขนเสื้อของตัวเองแน่น
อย่าตื่นตระหนก
นางเป็นเพียงแค่ยอดราชันปรมาจารย์ ที่อยู่ตรงหน้าคือค่ายกลระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ต่อให้นางจะเห็นภาพทมิฬสิ้นอัคคีมาแล้ว แต่ภายในช่วงเวลาสั้นๆ นางไม่มีทางเข้าใจค่ายกลเหล่านั้นได้อย่างลึกซึ้ง
ธรณีประตูบานนั้น มันไม่ได้ก้าวข้ามกันได้ง่ายๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของมู่หยาเฟิงก็สงบลง
นางหมุนตัวเดินจากไป
อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเองกลุ่มคนที่อยู่รอบข้างก็เริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมาในทันที
คนจำนวนไม่น้อยอ้าปากค้าง แล้วอุทานออกมาด้วยความตกใจ
หัวใจของมู่หยาเฟิงรู้สึกไม่สงบ ดังนั้นนางจึงหันกลับไปมอง
ในที่สุดความสงบบนใบหน้าของนางก็แตกกระจาย
ความรู้สึกตกใจและไม่อยากจะเชื่อแผ่ออกมาจากระหว่างคิ้วของนาง
ผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่บนเส้นทางดวงดาว นางไม่ได้จากไปอย่างที่ทุกคนคิด หลังจากที่นางหยุดพักชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็เดินหน้าต่อ!
นางสาวเท้าขึ้นด้านหน้าอย่างไม่ลังเล!
ในขณะเดียวกันเปลวไฟก็สว่างขึ้น
ค่ายกลระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่!